บทนำ(2)...ไฟเสน่หาเพลิงอารมณ์...
บทนำ(2)....
“โอ...ภีมขา...ขอเป็นวันอื่นเถอะค่ะ พรุ่งนี้หนูดายังเหนื่อยไม่อยากตื่นเช้า”
หล่อนอ้อนเพื่อหาทางเลี่ยง บ้านโมเดิร์นสมัยนี้ก็เหมือนๆกันนั่นแหละ ว่างๆค่อยแวะไปดูก็ได้
“ผมอยากให้หนูดาไปดูว่าอยากได้อะไรเพิ่มเติมหรือเปล่า อย่างห้องครัวผมไม่รู้ว่าหนูดาชอบแบบไหน และต้องใช้อะไรเป็นพิเศษสำหรับแม่ครัวฝีมือระดับเชฟอย่างหนูดา”
ดารุณีเดินคล้องแขนภีมะมาหยุดคุยริมสระน้ำฟากตรงข้ามสนามจัดงานเลี้ยง ยืนดูเพื่อนหนุ่มสาวจับคู่ออกไปยืดแข้งยืดขาเต้นตามจังหวะเพลงเร็วสนุกสนานสองสามเพลงก่อนจะเปลี่ยนเป็นเพลงหวานให้หลายคู่ออกไปลีลาศ
“หนูดาเชื่อว่าภีมต้องทำดีที่สุดแล้ว เอาไว้เข้าไปอยู่แล้วค่อยดูก็ได้ค่ะว่ามีอะไรควรเพิ่มเติมอีกบ้าง ภีมเห็นควรอะไรก็ทำไปเถอะค่ะ หนูดาไม่เรื่องมากหรอก”
ดารุณีบอกเอาใจ ต้องการหลีกเลี่ยงความจริงที่ตนไม่รู้อะไรเกี่ยวกับข้าวของเครื่องใช้ในครัวหรือในบ้านเลย นี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ดารุณียังไม่อยากแต่งงานเร็วๆนี้ ถ้าแต่งงานเข้าอยู่บ้านเดียวกันเมื่อไหร่ภีมะจะต้องรู้ความจริงว่าหล่อนไม่ได้เก่งเรื่องงานบ้านงานครัวอย่างที่คุยกับเขาไว้ โดยเฉพาะเรื่องการทำอาหารที่หล่อนมักจะคอยสมอ้างเอาจากนาราหรือหนูนาญาติผู้น้องที่มารดาเลี้ยงดูมาคู่กัน เพราะรายนั้นชอบทำอาหารและได้ร่ำเรียนมาอย่างเชี่ยวชาญ
“ถ้าอย่างนั้นอาทิตย์หน้าผมจะนัดหนูดาใหม่ก็แล้วกัน ผมอยากให้หนูดาไปช่วยเลือกต้นไม้ที่ชอบด้วยกัน จะได้เลือกเอามาปลูกในสวนหย่อมหลังบ้าน”
หญิงสาวเบือนหน้าออกมาทำหน้าเบ้ หล่อนไม่เคยสนใจต้นไม้หรือชื่นชอบดอกอะไรเป็นพิเศษ อย่างวันนี้ภีมะนำช่อบูเก้ ดอกกุหลาบสีแดงสดสวยงามมามอบให้หล่อนก็ว่ามันดูสวยดี แต่ไม่มีอะไรพิเศษมากกว่านั้น บางครั้งหล่อนก็เบื่อความช่างเอาใจแบบที่หล่อนไม่ต้องการอย่างเรื่องบ้านเรื่องต้นไม้เป็นต้น เพราะได้ชื่อว่าดารุณีลูกสาวคนเดียวของคุณหญิงเดือนเพ็ญไม่จำเป็นต้องลงมือทำอะไรด้วยตัวเองอยู่แล้ว
“หนูดาว่าจ้างคนตกแต่งสวนมาทำให้ดีกว่าค่ะ เขาจะรู้ว่าควรไม่ควรปลูกอะไรหรือต้องดูแลรักษายังไง”
ดารุณีเสนอ ใจจริงอยากจะปฏิเสธตรงๆ แต่เกรงใจที่ภีมะได้ทำดีกับตนมาสม่ำเสมอ แต่หล่อนก็ไม่อยากออกไปตากแดดตากลมเดินดูต้นไม้ใบหญ้าให้เสียแรงเสียเวลาเดินช้อปปิ้ง ซื้อสินค้าตามห้างหรูติดแอร์เย็นฉ่ำ ด้วยที่ถูกเลี้ยงดูมาแบบตามใจของรัฐมนตรีนัททีกับคุณหญิงเดือนเพ็ญที่เห็นว่าเป็นลูกสาวคนเดียว ลูกสาวอยากได้อะไรพ่อแม่ก็สรรหามาประเคนให้อย่างไม่เคยขัดใจ จะมีก็เรื่องเดียวเกี่ยวกับการเล่าเรียนที่รัฐมน ตรีนัททีต้องขีดเส้นตายว่า...ถ้าไม่เรียนให้จบอะไรสักอย่าง ก็จะตัดเงินค่าใช้จ่ายให้เหลือแค่ห้าพันบาทต่อเดือน ด้วยเหตุผลเชิงประชดประชันลูกสาวว่า...คนไม่มีความรู้ไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากมายอะไร มีติดกระเป๋าไว้เป็นค่าขนมก็พอ เพราะจะไม่รู้ว่าต้องซื้อหาสิ่งใดมาใช้ให้เหมาะสมกับความจำเป็น อยากได้อะไรก็ให้จดรายการมาให้พ่อแม่พิจารณาก่อน แล้วจะให้เงินไปซื้อหามาตามที่พ่อแม่เห็นควร...ซึ่งทำให้คุณหญิงเดือนเพ็ญต้องวิ่งเต้นฝากฝังลูกสาวเข้าเรียนโรงเรียนเลขานุการ พร้อมกับจ้างครูมาสอนพิเศษด้านภาษาต่างประเทศและจ้างครูมาติวสอนพิเศษเฉพาะวิชาเคี่ยวเข็นกันจนเรียนจบออกมา
“อึม...เอาอย่างนั้นก็ได้ ผมจะหาบริษัทรับตกแต่งสวนมาทำทั้งหน้าบ้านหลังบ้าน ถ้าหนูดาอยากได้อะไรเป็นพิเศษก็บอกได้นะ”
“ค่ะ หนูดาบอกแล้วไงคะ ว่าหนูดาไม่เรื่องมาก ภีมอยากทำอะไรก็ทำเถอะค่ะ อุ๊ยเพลงใหม่ขึ้นแล้วเราไปเต้นรำกันดีกว่า เพลงนี้เป็นเพลงที่หนูดาชอบซะด้วย”
ดารุณีไม่อยากคุยเรื่องน่าเบื่อของภีมะอีก จึงดึงแขนเขาเดินกลับมายังสนามงานเลี้ยง แล้วพาเข้าฟลอร์เต้นรำทำนองเพลงคลาสสิกที่คู่หนุ่มสาวชื่นชอบเพราะเป็นโอกาสเดียวที่พวกเขาจะใกล้ชิดกันต่อหน้าสาธารณชนได้
หล่อนคล้องแขนรอบลำคอแข็งแรงของภีมะซบหน้าลง อิงอกกว้างทรงพลังที่หล่อนกำลังชั่งใจว่า...จะแต่งงานอยู่กินกับเขาไปจนตลอดชีวิตได้หรือไม่ เพราะยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ภีมะไม่สามารถตอบสนองความต้องการของหล่อนได้...