บทที่ 4 ...ไฟเสน่หาเพลิงอารมณ์...
“ขอบคุณค่ะ คุณภมรกับคุณกรองแก้วก็รู้จักหนูนาดีอยู่แล้ว หนูนาเป็นเด็กดีมีความรู้เรื่องงานบ้านงานเรือน ดิฉันเชื่อว่า แกจะทำหน้าที่ภรรยาและช่วยดูแลปรนนิบัติพัดวีคุณภีมได้เป็นอย่างดีเชียวค่ะ”
คุณหญิงเดือนเพ็ญมองหลานสาวคนสวยด้วยแววตาชื่นชมและซาบซึ้งน้ำใจ หากนาราไม่ยอมรับคำขอร้องของพ่อกับป้ามาเข้าพิธีแต่งงานแทนดารุณีที่หายตัวไป วันพรุ่งนี้ตัวนางกับทางครอบครัวของภีมะจะต้องเป็นข่าวใหญ่ครึกโครมไปทั่ววงสังคมไฮโซ โดยเฉพาะตัวคุณหญิงเดือนเพ็ญที่กำลังเด่นดังในวงสังคม จะต้องมีรูปลงหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ทุกฉบับพร้อมกับคำบรรยายใต้ภาพว่า...บุตรสาวคุณหญิงเดือนเพ็ญชิ่งหนีงานแต่งงาน...ที่จะต้องอับอายขายหน้ามากกว่าการถูกถามหรือถูกสัมภาษณ์ภายหลังว่า...ทำไมมาเปลี่ยนตัวเจ้าสาวเอากลางงาน...
“ที่ผมยอมให้ลูกสาวมาเข้าพิธีแทนเจ้าสาวตัวจริง เพราะไม่ต้องการให้งานแต่งล่มกลางคัน กลัวจะเสียหายกันใหญ่โต แต่มาลงเอยได้แบบนี้ ก็เป็นการดีของทั้งสองฝ่าย ขอบคุณมากที่คุณภีมยอมรับลูกสาวผมเป็นภรรยา ผมขอฝากหนูนาให้คุณช่วยดูแลแทนด้วยนะครับ”
คุณพินิจเจ้าของธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ตทางจังหวัดภาคใต้ ต้องเดินทางขึ้นมากรุงเทพฯเพื่อร่วมงานแต่งงานของดารุณีหลานสาว แต่กลับกลายมาเป็นผู้จูงลูกสาวของตัวเองส่ง ให้เจ้าบ่าวบนแท่นพิธี ด้วยเห็นแก่ชื่อเสียงเกียรติยศของพี่สาวผู้มีพระคุณที่ช่วยให้เขามีธุรกิจการงานรุ่งเรืองอย่างวันนี้ และยังช่วยเลี้ยงดูนาราหลานสาวกำพร้าแม่ให้อยู่สุขสบายและร่ำเรียนจนจบปริญญาตรีมาเชิดหน้าชูตาพ่อกับป้าได้
“ครับ”
ภีมะรับคำสั้นๆ ไม่ต้องการให้ผู้ใหญ่กังวลใจกับเรื่องของตน แม้ความโกรธจากจดหมายของดารุณีจะทำให้เขาแทบกระโดดเข้าบีบคอเจ้าสาวตัวแทนให้หักตายคามือ เพราะสิ่งที่ ดารุณีบอกเล่ามาได้กระชากหน้ากากของเด็กสาวแสนดีหรือเด็กสาวกิริยาวาจาเรียบร้อยที่มารดาบิดาของเขากล่าวชื่นชมออกมาแล้ว
“ถ้าอย่างนั้น ก็ทำพิธีส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวกันเถอะค่ะ นี่ก็เลยฤกษ์ยามมานานแล้ว”
คุณกรองแก้วดึงตัวบุตรชายให้ลุกตาม แล้วพาเดินนำไปยังห้องหอที่ตระเตรียมเอาไว้ ห้องหอของคู่บ่าวสาวอยู่บนชั้นสองของบ้านสวยหรูที่ภีมะสร้างขึ้นบนที่ดินกว่าสามไร่ที่นางกับสามียกให้เป็นของขวัญการครองรักครองเรือนของลูกชายกับลูกสะใภ้ ซึ่งตอนนี้เป็นลูกสะใภ้คนใหม่ที่
คุณกรองแก้วถูกใจนักหนา
“ตาภีม พ่อดีใจนะที่ลูกจะอยู่กินกับหนูนารา พ่อขอให้ลูกทั้งสองครองคู่กันอย่างมีความสุขตลอดไปนะ”
คุณภมรต้องยอมรับว่า เขาเองก็ดีใจที่ได้นารามาเป็นลูกสะใภ้ อาจจะเป็นความโชคดีของภีมะที่จะได้ภรรยารูปร่างหน้าตาสะสวยและเก่งงานบ้านงานเรือน เขากล่าวอวยพรด้วยการจับรวบมือของคู่บ่าวสาวไว้ด้วยกันก่อนจะส่งต่อให้ภรรยา
“แม่ก็เหมือนกันจ้ะ ขอให้ลูกทั้งสองมีความสุขมากๆนะจ๊ะ และอยากให้ลูกทั้งสองเข้าใจไว้ว่าการอยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยาจะต้องหมั่นเอาใจเขามาใส่ใจเรา ค่อยถ้อยทีถ้อยอาศัยค่อยศึกษาดูใจกันนะลูกนะ หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัยกัน หนูนาราแม่ฝากให้ช่วยดูแลพี่ภีมด้วยนะ เขากินอยู่ไม่ยากหรอกจ้ะ ภีมก็รักเมตตาน้องให้มากๆ หากไม่ได้น้องเข้ามาช่วยกู้หน้า พ่อแม่กับภีมก็แย่เหมือนกัน จะคิดจะทำอะไรก็ให้คิดถึงจิตใจน้อง อย่าทำให้น้องไม่สบายใจ น้องอายุยังน้อยภีมต้องคอยดูแลน้องให้ดีๆ แม่ขอเท่านี้ละ”
“ขอบคุณครับแม่”
“ขอบคุณค่ะ”
คุณกรองแก้วยิ้มรับคำขอบคุณของคู่บ่าวสาว แม้นางจะไม่ได้รังเกียจที่ภีมะเลือกดารุณีมาเป็นลูกสะใภ้ แต่นางก็ปลื้มเปรมใจแทนลูกชายที่จะได้ภรรยาเพียบพร้อมด้วยรูปสมบัติและวิชาความรู้อย่างแม่ศรีเรือนของหนูนาหรือนารามาแทน
“ป้าก็ขอให้หนูนามีความสุขนะจ๊ะ คุณภีมคะ อาฝากน้องด้วยนะคะคุณภีม”
คุณหญิงเดือนเพ็ญอวยพระเสร็จก็หันหลังไปร้องไห้น้ำตาไหลพราก แม้นางจะดีใจกับหลานสาว แต่ก็นึกเสียดายแทนลูกสาวผู้โง่เขลา และเสียใจที่ดารุณีมาทำให้ต้องอับอายขายหน้าจนเก็บกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ท่านรัฐมนตรีนัททีเข้าใจความรู้สึกของภรรยา จึงกล่าวอวยพรคู่บ่าวสาวสั้นๆแล้วขอตัวพานางออกจากห้องหอไป
“พ่อก็ขอให้หนูนามีความสุขนะลูกนะ แล้วพ่อก็หวังว่าจะตัดสินใจไม่ผิดที่ดึงลูกเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ รักษาตัวด้วยนะลูกรัก”
คุณพินิจดึงลูกสาวเข้ามากอดกล่าวคำอวยพร ก่อนจะกล่าวกับลูกเขยที่นั่งหน้าเรียบเฉยจนคาดเดาความรู้สึกยาก หากเขาก็เชื่อว่าความอ่อนหวานน่ารักของนาราจะเอาชนะใจภีมะได้ในเร็วๆนี้
“ขอบคุณค่ะ” นารากราบกับอกบิดา รู้สึกใจหายกับสถานะเจ้าสาวที่ไม่เคยนึกฝันว่าจะเกิดขึ้นรวดเร็วอย่างนี้
“คุณภีมครับ ผมฝากให้คุณภีมช่วยรักเมตตานาราด้วยนะครับ” คุณพินิจส่งตัวลูกสาวให้กับภีมะที่ยืนทำหน้าเรียบเฉยไม่ยินดียินร้าย
แม้จะนึกเป็นห่วงลูกสาวตัวเองอยู่บ้าง แต่พินิจต้องทำใจว่าภีมะเพิ่งจะสูญเสียเจ้าสาวตัวจริงไป คงต้องรอเวลาให้เขาปรับตัวอีกสักพัก เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินมาจนถึงขั้นนี้แล้ว ก็คงจะเปลี่ยนเป็นอื่นไปไม่ได้ นอกจากภีมะจะต้องยอมรับนาราเป็นภรรยาตลอดไป