ตอน 6
“มีแค่นี้ล่ะ ฉันไม่ได้มีเจตนาร้ายกับคุณจริงๆสาบาน คุณรู้แล้วปล่อยฉันไปนะ ฉันจะไม่มาให้คุณเห็นหน้า ส่วนเรื่องที่ฉันเล่า คิดซะว่าฉันไม่เคยเล่า แถมคุณไม่เคยได้ยิน” ในเมื่อเล่าความจริงแล้ว เขาควรปล่อยเธอไป แม้จะเสียดายอยู่มากในความสมส่วนลงตัว ซึ่งหายากซะหน่อย เพื่อทำให้บิดาปล่อยเธอไป หากเธอไปลากพาผู้ชายกระจอกหงอกหง่อยให้แสดงตัวเป็นแฟน มีหวังบิดาได้ไล่ตะเพิด หรือไม่งั้นคงมีคำสั่งให้เธอเลิกคบกับผู้ชายคนนั้น แล้วให้รีบแต่งงานกับผู้ชายที่บิดาจัดแจงไว้ให้
“ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่ประโยค ผมจำเป็นต้องเชื่อคุณด้วยอย่างนั้นหรือ” เขาเอียงหน้าถามหญิงสาว แววตาเธอใสซื่อเกินกว่าจะโกหกเขา
“อ้าวจะให้ฉันทำยังไง ในเมื่อฉันพูดความจริงทั้งหมดไปแล้ว” เธอโวยพูดไปหมดแล้วเขายังพูดออกมาราวกับไม่เชื่อเธอเลยสักประโยค
“พิสูจน์สิยายตัวเล็ก” เขาเอ่ย
“พิสูจน์ ฉันต้องพิสูจน์ยังไงวิธีไหน” เธองง
“พาผมไปพบพ่อของคุณตามที่คุณบอกว่าได้นัดกับพ่อไว้” เซบาสเตียนอยากรู้ความจริงที่เธอร่ายยาวกับเขาเมื่อกี้อยู่เหมือนกัน หากเป็นจริงก็เท่ากับว่าเธอไม่ได้โกหก การเล่นสนุกของเขาจะดำเนินไป
“ในฐานะอะไรไม่ทราบ” เธอย้อนถาม
“คุณกับผม มีฐานะอะไรได้อีกนอกจากแฟน ที่กำลังจะแต่งงานกัน” เขาบอกโดยไม่มีปี่มีขลุ่ยถือตนข่มท่านอยู่มาก
“หะ...หา ฉันหูฝาด หรือคุณเพี้ยนกันแน่” ในเมื่อท่าทีของเขาแข็งราวกับเห็นเรื่องที่เธอเล่าเป็นเรื่องไร้สาระ หรือแค่เด็กเล่านิทานที่ผู้ใหญ่ไม่สนใจให้เขาฟังอย่างนั้น
“ผมจะช่วยคุณ” ทั้งที่ไม่รู้เขาจะได้ผลประโยชน์อะไรจากการช่วยเธอในครั้งนี้ เอาเป็นว่าเขาต้องการช่วยเธอ เพื่อไม่ให้เธอต้องไปเป็นสมบัติของผู้ชายคนไหนๆ ทั้งนั้น
“ล้อเล่นน่าตัวโต” หญิงสาวเผยนิสัยขี้เล่นยียวนเรียกชายหนุ่มกลับ ไม่คิดว่าเรื่องยุ่งยากเสียงแข็งของชายหนุ่มจะลงเอยง่ายดาย เธอไม่อยากเชื่อในประโยคจากปากเขาเมื่อกี้
“ผมจำได้ว่าชีวิตผมไม่เคยล้อเล่นกับใคร” แม้แต่จุมพิตกับเธอเมือกี้เขาก็ไม่ได้มีเจตนาล้อเล่น ความต้องการเขามันเกิดขึ้นจริงๆโดยไม่เข้าใจตัวเอง ไม่เคยสักครั้งจะปรากฏแรงพิศวาสหรือเสน่หาต่อสตรีที่ตัวเองไม่เคยรู้จัก ทว่าแม่ตัวเล็กกะทัดรัดกลับกระชากความไม่เคยให้เคยเป็นครั้งแรกจนได้
“ไหนลองเล่าประวัติคร่าวๆคนที่จะเป็นแฟนกันให้ผมฟังหน่อยซิ” เขาบอกโดยไม่ต้องรอให้หญิงสาวได้เอ่ยปากปฏิเสธหรือก้าวหนีไปจากห้องนี้อย่างที่ได้ตั้งใจไว้
“ประวัติฉันอย่างนั้นหรือ”
“ใช่ตัวเล็ก คุณฟังไม่ผิดหรอกในเมื่อผมกับคุณต้องเป็นแฟนกัน เราควรรู้จักกันไว้ และผมคิดว่าคุณรู้จักผมผ่านนิตยสารเล่มนั้นแล้ว”
“อันนั้นมันก็จริง” สำเนียงล้อเล่น เมื่อถูกจับทางได้ เผยออกมาต่อหน้าชายหนุ่ม เซบาสเตียนถึงกับกดดวงตามองหญิงสาว เธอน่ารักอยู่ไม่น้อย ถ้าอย่างนั้นเขาก็มีอะไรสนุกเล่นคลายเหงาจริงๆแล้วสิ ไม่เสียแรงที่เดินทางมาเยือนเมืองไทย ไหนจะได้สะสางเรื่องคนคิดคดทรยศ กล้าแหกกฎที่เขาวางไว้ ไหนจะมีสาวสวยน่ารัก ไร้เดียงสาแนบกาย ในยามที่ยังอยู่ที่นี่ บริหารสมองไม่น้อยเลยเชียว
“ฉันชื่อธัญชนก อิทธิชัยกุล ชื่อเล่นสอง เรียนจบระดับปริญญาตรี คณะอักษรศาสตร์ มีความฝันอยากท่องดินแดนแห่งศิลปะ เช่นเมืองฟลอเรนซ์ของอิตาลี อยากไปชมประติมากรรมรูปปั้นเดวิด ที่ปีอัซซาเดลลาซิญญอเรีย ฉันใฝ่ฝันอยากไปเยือนที่นั่น หลังจากคว้าปริญญามาให้พ่อชื่นชม ตอนนี้ฉันนำมันมาฝากท่านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากนั้นจะท่องไปตามความฝันของตัวเอง แต่พ่อสิ...” ใบหน้าหวานส่อรอยเศร้าหมอง เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่บิดา หลอกเธอไปดูตัวอยู่หลายครั้ง แววตานั้นราวกับเด็กถูกขัดใจเมื่อไม่ได้ของที่ตัวเองหมายตา เธอเล่าเสียจนลืมไปด้วยซ้ำ ผู้ชายตัวสูงคือประชาชนชาวอิตาลี ประเทศที่เธอใฝ่ฝันอยากเดินทางไปชมศิลปะเลื่องชื่อแห่งอารยธรรม
“คุณอายุเท่าไหร่” สงสัยเต็มแก่ ตัวเล็กๆบางๆหน้าอ่อนหวาน อาจจะไม่เกิน 18 แต่เอาเข้าจริงประโยคที่เธอบอกเขา ได้ปริญญามาให้พ่อชื่นชม จึงขัดต่อสายตาเขาตั้งใจจับจ้องดวงหน้าหวานอ่อนเยาว์แก้มป่อง พวงแก้มสุกใส สบายตาต่อคนมองเหลือเกิน เขากำลังอยากกินเด็ก อยากเป็นคุณอา อยากเป็นป๋า ชายหนุ่มคิดจนไม่อาจกลั้นรอยยิ้มไว้ได้ จึงเบี่ยงหลบเพื่อลอบยิ้มกับตัวเอง
“ยี่สิบสองย่างยี่สิบสาม” เธอบอกโดยไม่คิดอะไร วัยนี้ควรเป็นวัยที่ต้องศึกษาหาความรู้ไม่ใช่ต้องทำหน้าที่แม่บ้านให้กับผู้ชายคนใดคนหนึ่งเท่านั้น อีกอย่างการแต่งงานสำหรับธัญชนก สำคัญอย่างมาก หากไม่รักเธอคงไม่มีวันลงเอยด้วยเด็ดขาด ชีวิตแต่งงานต้องอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันตลอดชีวิตหากไร้ซึ่งรักแล้ว จะอยู่กันได้ราบเรียบได้อย่างไร บิดาควรนึกถึงข้อนี้ ไอ้ประโยคที่มักกรอกหูเธอบ่อยๆ ต้องการให้เธอมีคนดูแล ทำไมบิดาพูดราวกับเธอไม่มีปัญญาดูแลตัวเองได้
“อืม...” เขาคราง เมื่อรู้อายุดของเธอ หญิงสาวตัวเล็กยังเด็กจริงๆ และเมื่อฟังความเพ้อฝันของเธอจบลง เซบาสเตียนเริ่มคล้อยตาม รวมทั้งปักใจเชื่อในสิ่งที่เธอต้องการ เพื่อไล่ตามความฝันให้เป็นจริง ทว่ากลับโดนสกัดดาวรุ่งด้วยพ่อบังเกิดเกล้า เพียงแค่ต้องการให้เธอแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา บางทีผู้ใหญ่อาจมีเหตุผลในการทำสิ่งนั้นสิ่งนี้เพื่อลูก แต่ไม่เคยถามลูกสักนิดว่าต้องการสิ่งนั้นหรือไม่ เชนบิดาของเขาเคยบอกเอาไว้บ่อยครั้งก่อนจะยกทุกอย่างให้เขาดูแล จนกระทั่งทุกวันนี้งานการ กิจการในการดูแลของเขา หนักอึ้งพัวพันในชีวิตยุ่งเหยิงไปหมด
“เอาเป็นว่าผมยินดีช่วย”
“อย่าล้อเล่นน่า นักธุรกิจงานชุกอย่างคุณจะช่วยเด็กกะโปโล คิดซุกซนหลอกพ่อตัวเองอย่างฉัน”
“จริงๆคนเป็นแฟนกัน คงต้องมีระยะเวลา”
“เอ๋...คุณหมายความว่ายังไง”
“หากคุณต้องการพาผมไปแนะนำให้พ่อคุณรู้จักในฐานะแฟนเพื่อไล่คู่ดูตัวให้กระเจิง เราควรสร้างข้อมูลระหว่างการคบหากัน”
“เอ่อ...”
“คุณต้องการมันไม่ใช่เหรอ”
“ก็จริง”
“คนไทยมักเคร่งเรื่องธรรมเนียม เจอกันเมื่อกี้ วันนี้ คงเป็นแฟนกันไม่ได้ เราต้องสร้างข้อมูลเท็จ” เขาส่งแววตากระตือรือร้นจนเกินเหตุ วาจาช่างเป็นการเป็นงาน พูดจามีหลักการต่างจาก ท่าทีในครั้งแรกที่เธอเล่าความต้องการเข้าใกล้เขา ดูตอนนี้สิ เขาเสนอนั่นนี่ จนเธอตามแทบไม่ทัน
ธัญชนกถึงกับเคลิ้มไปกับข้อเสนออันแสดงถึงความชาญฉลาดของผู้ชายคนนี้ จนต้องเก็บความปลาบปลื้มไว้ในใจ พลางใช้ความคิดตรึกตรองตาม เออ...มันก็จริงหญิงสาวลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเลย นอกจากคิดเพียงแต่จะลากเขาเข้าไปพบกับบิดา รวมทั้งจะออกรับแทนทุกอย่าง หากบิดายิงคำถามอะไรมา เธอจะเป็นฝ่ายตอบแทนชายหนุ่ม เพียงให้เขาพยักหน้ารับ เห็นดีกับคำตอบของเธอเท่านั้นเขารอบคอบไม่เบา
ทั้งคู่ชายหญิงเพิ่งพบเจอกัน ต่างนั่งปรึกษา ถึงที่มาที่ไปของการคบหากันกระทั่ง ตัดสินใจใกล้ถึงวันวิวาห์หากบิดาธัญชนกเอ่ยถามถึงระยะเวลาการคบหากัน และถ้าเกิดผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมาก่อน เจาะลึกคำถามและอนาคตที่ทั้งคู่อาจจะมีร่วมกันในฐานะผู้ชายซึ่งเป็นผู้นำ อายุอานามากกว่า ควรเป็นคนตอบ ขืนปล่อยให้แม่ตัวเล็กตอบฝ่ายเดียว เขาอาจเดือดร้อนภายหลัง แม้อาจเป็นความเดือดร้อนซึ่งนำมาซึ่งความเต็มใจก็ตาม ทว่ามาเฟียหนุ่มจากโรม ไม่พึงใจติดหนึบกับผู้หญิงคนใดแม้แต่คนเดียว
“เราเจอกันทางเฟซบุ๊คส์อย่างนั้นหรือคะ”
“ใช่ เราคุยกันผ่านเฟซบุ๊คส์อยู่ร่วมปี จนผมอยากเจอกับคุณมาก จึงต้องบินมาพบคุณ และขอพบพ่อแม่คุณ”
“ร่วมปี ก็ไม่เลวนะ เป็นระยะเวลาที่เหมาะสมสำหรับ ผู้ชายคนหนึ่งดั้นด้นมาพบผู้หญิงอีกซีกโลก” เธอเห็นด้วยกับอุบายของเขา