๑.๖ ชีคทะเลทราย
เช้าวันรุ่งขึ้นสาวน้อยผู้ได้รับภารกิจอันหนักอึ้งตื่นมาแต่งกายด้วยชุดของพนักงานโรงแรม โดยใส่เสื้อชั้นในตัวใหม่ที่เพิ่งจะซื้อมาและซักแห้งไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ร่างอรชรสมส่วนหมุนซ้ายหมุนขวาและก็ต้องหน้าแดงระเรื่อเมื่อพบว่าหน้าอกของตนเองอวบอิ่มขึ้นผิดปกติ แต่กระนั้นแพรมุกก็ยังอุตส่าห์ยัดฟองน้ำเสริมเข้าไปอีกชั้นเพื่อให้แน่ใจว่าส่วนนั้นของเธอจะเป็นที่สะดุดตาจริงๆ
หากทว่าวันนั้นแทบจะทั้งวันแพรมุกก็ไม่มีโอกาสได้เริ่มปฏิบัติการของตัวเองเลยเพราะมีกรุ๊ปทัวร์มาลงที่โรงแรม ทำให้เธอและเพื่อนๆ ยุ่งเกือบตลอดทั้งวัน
“แพรอย่าลืมเอาผ้าขนหนูไปเพิ่มให้แขกห้องเก้าศูนย์สามนะ แขกโทร.ลงมาเมื่อครู่นี้จ้ะ” พนักงานของโรงแรมซึ่งเป็นพี่เลี้ยงฝึกงานของแพรมุกหันมาบอก
“ค่ะพี่ริน” แพรมุกรับคำทั้งที่วันนี้เหนื่อยแสนเหนื่อยแต่ก็ยังยิ้มสู้ เพราะตระหนักดีว่างานบริการรอยยิ้มต้องมาก่อน ไม่ว่าจะอยู่ในอารมณ์ไหนหรือเหนื่อยมากแค่ไหนก็ตาม
สาวน้อยรีบขอผ้าขนหนูกับแม่บ้านแล้วตรงไปยังลิฟต์ทันที ประตูลิฟต์เปิดออกก่อนหน้าที่แพรมุกจะเดินไปถึงไม่กี่ก้าว เธอมองเห็นใครคนหนึ่งเดินเข้าไปในลิฟต์ไวๆ และหลังจากนั้นประตูลิฟต์ก็ปิดลง
“รอด้วยค่ะ รอด้วยค่ะ” เสียงหวานรีบร้องบอกคนในลิฟต์ทำให้ประตูเปิดออกอีกครั้ง เธอจึงรีบก้าวเข้าไปข้างในแล้วกล่าวขอบคุณคนที่อุตส่าห์มีน้ำใจรอเธอ
“ขอบคุณนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ คุณจะไปชั้นไหน” เขาตอบกลับมาเป็นภาษาอังกฤษ เสียงเข้มนั้นน่าฟังจนแพรมุกต้องหันไปมองเจ้าของเสียงเต็มตา และเมื่อพบว่าเขาคือชาฟากีย์เป้าหมายของเธอ แพรมุกก็เบิกตากว้างและเกิดอาการตื่นเต้นขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“เอ่อ...ชั้นเก้าค่ะ” เธอตอบกลับไปเป็นภาษาอังกฤษ ก่อนจะบ่นกับตัวเองเป็นภาษาไทยเบาๆ “ตายละหว่า เจอแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ดูสภาพเราสิโทรมจนแทบดูไม่ได้”
ชาฟากีย์ยังคงยืนนิ่งเหมือนรูปปั้น หากนัยน์ตาของเขาระริกไหวราวกับกำลังหัวเราะอะไรบางอย่าง แพรมุกไม่อยากจะคิดว่าเขาหัวเราะตัวเอง แต่ในลิฟต์ก็ไม่มีใครนอกจากเธอกับเขาสองคน นี่แสดงว่าสภาพของเธอคงจะดูไม่ได้จริงๆ ถึงได้ตลกในสายตาเขา ตายๆ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเห็นการแพ้แล้วรางๆ แพรมุกรีบก้มหน้างุดเพื่อซ่อนใบหน้าอันโทรมๆ ของตัวเองไม่ให้เขาจดจำได้นาน เพราะขืนชาฟากีย์ติดภาพเธอแบบนี้ เธอคงจะเรียกคะแนนลำบากแน่ๆ
ติ๊ง!
เสียงสัญญาณดังขึ้นเมื่อลิฟต์เลื่อนขึ้นมาถึงชั้นเก้า แพรมุกแอบระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เท้าเล็กๆ รีบก้าวออกจากลิฟต์ทันทีที่ประตูเปิด อารามรีบร้อนทำให้ส้นรองเท้าสะดุดกับขอบพรมจนล้มหัวคะมำลงไปกองกับพื้นอย่างไม่เป็นท่า
“โอ๊ย!” เสียงหวานร้องโอดโอยทั้งเจ็บทั้งอาย
“เป็นอะไรหรือเปล่า” ชาฟากีย์ซึ่งก้าวออกมาจากลิฟต์ย่อตัวลงแล้วเอ่ยถาม
“มะ ไม่เป็นไรค่ะ”
“ถ้าไม่เป็นไรจริงๆ ลองลุกขึ้นให้ผมดูหน่อยสิ” ชาฟากีย์พูดเหมือนสั่งกลายๆ ทำให้แพรมุกต้องเงยขึ้นมองใบหน้าของเขาพลางคิดว่าผู้ชายคนนี้คงจะออกคำสั่งจนเคยตัวถึงได้ใช้น้ำเสียงแบบนี้กับเธอ สาวน้อยไม่ค่อยชอบใจนักแต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกันเธอจึงยอมลุกขึ้นตามที่เขาบอก หากพอลุกขึ้นคนที่คิดว่าตัวเองไม่เป็นไรกลับมีอาการเจ็บแปล๊บๆ ที่ข้อเท้า ซ้ำร้ายไปกว่านั้นส้นรองเท้าของเธอยังหักอีกด้วย
“อุ๊ย!” แพรมุกอุทานและทำท่าจะทรุดตัวลงนั่งใหม่เพราะยืนไม่ไหว แต่เจ้าของร่างสูงขยับมาประคองเธอไว้เสียก่อน
“คงจะเท้าแพลง แบบนี้ต้องรีบทายา ไปหายาทาก่อนเถอะ”
“แต่ฉันต้องรีบเอาผ้าขนหนูไปให้แขกนะคะ”
“แขกของคุณอยู่ห้องไหน”
“ทำไมคะ”
“ถามก็ตอบมาเถอะน่า” ชายหนุ่มทำเสียงดุๆ ทำให้แพรมุกชักจะหน้าตึงขึ้นมาบ้าง ถึงเขาจะเป็นแขกระดับวีไอพีของโรงแรมและเป็นเป้าหมายของเธอ ทว่าก็ไม่มีสิทธิ์มาวางอำนาจใส่เธอในเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้นี่นา
“ห้องเก้าศูนย์สามค่ะ” เสียงหวานตอบออกไปอย่างไม่เต็มใจนัก พอได้คำตอบชาฟากีย์ก็ดึงเอาผ้าขนหนูในมือของเธออย่างถือวิสาสะก่อนจะสาวเท้าตรงไปยังห้องนั้นแล้วยื่นผ้าขนหนูให้กับแขกที่มาพัก คนในห้องค่อนข้างแปลกใจที่พนักงานของโรงแรมกลายเป็นหนุ่มหล่อแต่ก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เป็นเชิงถูกใจ
“ไปกับผม” ชาฟากีย์ประคองร่างอรชรขึ้นหลังจากที่เขากลับมา
“ปะ...ไปไหนคะ?”
“ไปทายาสิ จะปล่อยไว้แบบนี้หรือไง”
“ฉันหาทาเองได้ค่ะ ไม่รบกวนคุณดีกว่า”
“มาเถอะน่าอย่าเรื่องมาก”
ชาฟากีย์ไม่ยอมให้แพรมุกโต้เถียงใดๆ อีก เขาประคองเธอเข้าไปในลิฟต์แต่หญิงสาวเดินกะเผลกๆ เพราะเจ็บที่ข้อเท้า อีกทั้งความสูงของรองเท้ายังไม่เท่ากันทำให้ชาฟากีย์ถอนหายใจคล้ายรู้สึกรำคาญ ก่อนจะช้อนอุ้มร่างเล็กขึ้นไว้ในวงแขนแล้วพาเดินอาดๆ เข้าไปในลิฟต์
“คุณ! ปล่อยฉันลงเถอะนะคะ!” แพรมุกอุทานอย่างตกใจระคนเขินอายที่จู่ๆ ก็ถูกคนแปลกหน้าอุ้ม ถึงแม้เขาจะเป็นเป้าหมายของเธอก็เถอะ แต่นี่มันไม่ได้อยู่ในแผนของเธอเลยสักนิด
“เงียบๆ น่า ผมไม่ชอบผู้หญิงขี้โวยวาย” ทั้งน้ำเสียงและแววตาของเขาดุดันไม่แพ้กัน จึงทำให้แพรมุกต้องสงบปากสงบคำทั้งๆ ที่ในใจค้านว่านี่มันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง
ชาฟากีย์เอียงข้างไปกดลิฟต์ชั้นที่เป็นห้องพักของเขา จากนั้นเขาก็ยืนเงียบ หัวใจของสาวน้อยเต้นแรงโลดดุจจะทะลุออกมานอกทรวงขึ้นอีกครั้งเมื่อเขาอุ้มเธอเข้าไปในห้อง เจ้าของห้องวางร่างอรชรลงบนโซฟาหนานุ่ม ก่อนจะเดินไปหยิบยาในกระเป๋าเดินทางของเขาแล้วกลับมาหาเธออีกครั้ง
“นี่ยา ทาซะ” เขายื่นหลอดยาให้พร้อมกับออกคำสั่ง
“ขอบคุณค่ะ” แพรมุกรับยาจากมือเขา จากนั้นก็ถอดรองเท้าออกและบีบยาใส่ในมือพลางก้มลงไปทาบริเวณข้อเท้าโดยมีชาฟากีย์ยืนกอดอกมองอยู่ไม่ห่าง
“ทาแบบนั้นมันจะหายปวดได้ยังไง”
“แล้วต้องทาแบบไหนล่ะคะ”
“ส่งยามานี่เดี๋ยวผมทาให้เอง”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันทาเองได้” สาวน้อยรีบบอก หากแต่ชาฟากีย์ไม่ฟัง เขาดึงหลอดยาจากมือเธอแล้วบีบลงบนฝ่ามือใหญ่ก่อนจะทาลงบริเวณเดียวกันกับที่เธอทาเมื่อครู่นี้ กิริยาและท่าทางนั้นให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เพราะเขาไม่ได้ทาเฉยๆ แต่ยังนวดเบาๆ จนอาการเจ็บแปลบๆ ทุเลาลงราวกับเป็นยาวิเศษ
ดวงตากลมโตลอบมองใบหน้าคมคร้ามสลับกับมือใหญ่ที่กำลังบีบนวดอยู่บนข้อเท้าของเธอ ตอนนี้อาการเจ็บแปลบๆ ถูกแทนที่ด้วยอาการซ่านสยิวแปลกๆ ที่แล่นพล่านจากข้อเท้าขึ้นไปรวมตัวกันที่ท้องน้อยของเธอ และมันก็มากขึ้นๆ จนแพรมุกเกือบจะหลุดเสียงครางออกมาให้ได้อาย มันเป็นปฏิกิริยาที่ร่างกายของเธอตอบสนองสัมผัสของเขาในแบบที่น่าตกใจอยู่ไม่น้อย
“พอแล้วค่ะ ฉันหายเจ็บแล้วค่ะ” เสียงหวานใสรีบเอ่ยห้ามก่อนที่ตัวเองจะควบคุมอารมณ์ซึ่งกำลังถูกปลุกให้เตลิดเอาไว้ไม่อยู่
“แน่ใจนะ” เขาเงยหน้าพลางเลิกคิ้วขึ้น ซึ่งแพรมุกสารภาพกับตัวเองอย่างไม่อายว่าชาฟากีย์ช่างเป็นผู้ชายที่หล่อเหลาน่ามองไปทุกอิริยาบถจริงๆ
“แน่ใจค่ะ ยังไงฉันขอตัวกลับไปทำงานก่อนนะคะ ขอบคุณมากสำหรับความมีน้ำใจของคุณค่ะ” ร่างอรชรรีบลุกขึ้นยืนและสวมรองเท้าเพื่อจะได้ออกไปจากห้องของเขาไวๆ หากทว่าปัญหาของเธอก็ยังไม่จบเพราะส้นรองเท้าที่หักข้างหนึ่งทำให้ไม่สามารถรีบร้อนได้อย่างที่คิด
“รองเท้าแบบนั้นจะใส่เดินได้ยังไง นั่งลงก่อนสิ” เสียงเข้มออกคำสั่งอีกครั้ง
แพรมุกจำต้องนั่งลง ชาฟากีย์จัดการถอดรองเท้าด้านที่ไม่หักออกจากเท้าของเธอ แล้วใช้มืออันแข็งแรงของเขาหักส้นรองเท้าข้างนั้นออกแล้ววางลง
“ใส่แบบนี้น่าจะสบายกว่านะ”
สาวน้อยมองหน้าเขาด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ผู้ชายคนนี้ไม่ได้แค่หล่อเหลา แต่ยังมีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ ทำเอาคนอยู่ใกล้ๆ หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ แบบนี้ถ้าอยากได้สาวคนไหนมาเคี้ยวเล่นเป็นอาหารมันไม่ง่ายยิ่งกว่ากระดิกนิ้วหรอกหรือ
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะ ฉันไม่รู้จะตอบแทนคุณยังไงดี” เสียงหวานเอ่ยอย่างจริงใจ เพราะอย่างน้อยเขาก็มีน้ำใจต่อเธอ
“ถ้าอยากตอบแทน พรุ่งนี้เช้าผมขอกาแฟหอมๆ สักแก้วก็แล้วกัน”
“ตกลงค่ะ พรุ่งนี้ฉันจะเอากาแฟมาเสิร์ฟให้คุณทันทีที่ฉันมาถึงโรงแรม และรับรองว่าฉันจะชงกาแฟมาให้คุณอย่างสุดฝีมือ” แพรมุกบอกด้วยเสียงสดใสและยิ้มให้เขาอย่างมีไมตรีจิตอันดี แม้จะเขินๆ อยู่บ้างก็ตาม
“ผมจะรอ”
“ฉันสัญญาว่าจะไม่ให้คุณรอเก้อค่ะ”
แพรมุกรับปากอย่างหนักแน่น ก่อนจะลุกขึ้นแล้วก้าวไปยังประตูโดยไม่ลืมที่จะหันกลับมากล่าวขอบคุณและส่งยิ้มให้เขาอีกครั้ง