๑.๔ ชีคทะเลทราย
เมื่อถึงโรงแรมแพรมุกก็แยกตัวเข้าห้องตัวเอง จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเข้าไปในห้องน้ำ เปิดฝักบัวให้น้ำไหลชโลมลงบนศีรษะจนเปียกปอน ก่อนจะปล่อยน้ำตาที่สกัดกลั้นไว้นานเกือบสองชั่วโมงให้หลั่งรินออกมา บาดแผลในใจที่เริ่มจะจางลงไปตามกาลเวลาถูกสะกิดเหวอะหวะอีกครั้งด้วยฝีมือของชาฟากีย์ อารีฟ มูซัมมิน ผู้ชายที่ทำให้เธอรู้จักความรัก แต่สุดท้ายเขาก็จากไปพร้อมกับความโกรธเกลียด สิ้นเยื่อขาดใย โดยไม่บอกกล่าวเหตุผลให้ล่วงรู้เลยสักนิดว่าเธอทำอะไรผิด
แพรมุกใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนานกว่าปกติ พอกลับออกมาก็จัดการเช็ดผมและเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยท่าทางหงอยๆ จากนั้นก็ไปนอนคว่ำหน้าลงบนแขนทั้งสองข้างที่ไขว้ประสานอยู่บนหมอนอีกที เหตุการณ์ในอดีตเมื่อเกือบสองปีที่แล้วผุดพรายขึ้นมาในสมองอีกครั้ง...
ตอนนั้นแพรมุกกับเพื่อนๆ อีกสามคนซึ่งเป็นนักศึกษาชั้นปีสามสาขาการท่องเที่ยวและการโรงแรมเหมือนกัน ได้ไปฝึกงานที่โรงแรมระดับห้าดาวแห่งหนึ่งซึ่งน่านนทีเจ้านายพ่อเธอเป็นเจ้าของ กลุ่มของแพรมุกประกอบด้วยสามสาวและอีกหนึ่งหนุ่มที่หล่อเหลาแต่กลับมีบุคลิกตุ้งติ้งและฝีปากร้ายกาจตามแบบฉบับของผู้ชายหัวใจหญิงซึ่งสามารถสร้างเสียงหัวเราะให้เพื่อนๆ ได้เสมอ
ทั้งสี่คนได้ฝึกงานในตำแหน่งพนักงานต้อนรับ ซึ่งต้องประจำอยู่หน้าเคาน์เตอร์และไปดูแลความเรียบร้อยในห้องพักของแขกที่มาพักในโรงแรมเป็นบางครั้ง
“นี่ยัยแพรฉันคิดไม่ผิดเลยจริงๆ ที่เรียนสาขานี้” ศุภโชคหันมากระซิบกระซาบกับแพรมุกเมื่อเห็นผู้ชายมากหน้าหลายตาเดินผ่านเคาน์เตอร์
“เพราะหนุ่มๆ เหล่านั้นใช่ไหม” แพรมุกพูดอย่างรู้ทันพลางบุ้ยปากไปทางเป้าหมายที่เพื่อนชายกำลังเล็ง
“มันใช่เลยแพร มีแต่หล่อๆ น่ากินๆ อะ”
แพรมุกอมยิ้มเมื่อได้ยินคำตอบนั้น อีกทั้งสายตาของศุภโชคก็เป็นประกายระยิบระยับแบบไม่ปิดบังท่าทียามที่มองหนุ่มๆ เหล่านั้น
“โชคก็ลองลากไปกินสักคนสองคนสิ”
“ตีซะดีไหมยัยแพร บอกแล้วว่าห้ามเรียกโชค เสียภาพพจน์หมด” ศุภโชคหันมามองค้อน
“จ้าๆ ลืมไปว่าต้องเรียกแพทตี้” แพรมุกหัวเราะคิกคักหลังจากได้แหย่เพื่อนชายเล่นๆ “แต่แพรว่าเรารีบเอาอาหารกับเครื่องดื่มขึ้นไปให้แขกดีกว่า ก่อนที่ผู้จัดการจะมากินหัวเอา”
“เออ ใช่ๆ ลืมไปเลย”
คนที่มองผู้ชายอย่างกะลิ้มกะเหลี่ยอยู่เมื่อครู่นี้มีท่าทีกระตือรือร้นขึ้นมาทันทีที่ได้ยินแพรมุกพูดถึงผู้จัดการ ศุภโชครีบเดินไปยกถาดอาหาร ส่วนแพรมุกยกถาดเครื่องดื่มเพื่อนำไปให้แขกของโรงแรมที่สั่งเอาไว้ สองหนุ่มสาวเดินตามกันไปยังลิฟต์แต่ยังไม่ทันจะเข้าลิฟต์ ศุภโชคก็อุทานออกมาเสียงดัง
“โอ้ว! แม่เจ้า!”
“เป็นอะไรเหรอแพทตี้” แพรมุกรีบหันไปถาม
“หยิกฉันทีสิยัยแพร ฉันไม่ได้ตาฝาดหรือกำลังฝันไปใช่ไหม นั่นคนจริงๆ หรือเปล่าทำไมถึงได้หล่อเหมือนเทพบุตรอย่างนั้น รู้ไหมแพรว่าตอนนี้ฉันอ่อนระทวยไปหมดเหมือนกำลังจะละลาย ใครก็ได้ช่วยฉันที อร๊ายย!”
ศุภโชคเพ้อออกมาเป็นชุด ยืนตกตะลึงและก้าวขาไม่ออกอยู่ชั่วขณะ จนแพรมุกต้องหันไปทางต้นเหตุที่ทำให้เพื่อนของเธอมีอาการแบบนั้น และก็พบว่าคนที่ศุภโชคทำท่าคลั่งไคล้เป็นบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ ความสูงของเขาราวๆ หกฟุตกว่าๆ ดูจากเค้าโครงหน้าของเขาแล้วแพรมุกเดาว่าคงจะเป็นคนที่มาจากประเทศแถบทะเลทราย เขาไม่ได้ใส่ชุดโต๊ปแบบชาวอาหรับอย่างที่แพรมุกเคยเห็น แต่แต่งกายด้วยเสื้อโปโลสีน้ำเงิน กางเกงสแล็คสีน้ำตาล อวดหุ่นล่ำสันสมชายชาตรีอันชวนให้สาวๆ น้ำลายไหลอย่างที่เพื่อนของเธอว่าไม่มีผิด ใบหน้าของเขาไม่ได้ใสอย่างนายแบบในนิตยสาร แต่โครงหน้าคมคร้ามนั้นประดับด้วยคิ้วหนาดกดำ ดวงตายาวรีสีน้ำตาลแอมเบอร์ จมูกโด่งเป็นสันรับด้วยริมฝีปากหยักได้รูป มีหนวดเคราขึ้นตามแนวสันคางทั้งสองข้างทำให้ใบหน้าหล่อเหลานั้นคมเข้มน่าเกรงขามและมีเสน่ห์ชวนมองจนไม่อาจจะถอนสายตาได้ง่ายๆ
แพรมุกเผลอมองสำรวจผู้ชายตรงหน้าอยู่นานหลายวินาที และชั่วขณะหนึ่งเหมือนคนที่ตกเป็นเป้าสายตาของเธอจะรู้ว่าตัวเองกำลังถูกจ้องมอง จึงหันขวับมาทางเธอ สาวน้อยหัวใจกระตุกวูบเมื่อได้สบประสานกับสายตาคมดุและทะนงตนอยู่ในทีของขา
“แพทตี้ไปกันเถอะ เขามองมาแล้วเห็นไหม” แพรมุกที่เพิ่งจะได้สติรีบสะกิดเพื่อนชายหัวใจหญิงทันที
“ฉันก้าวขาไม่ออกน่ะแพร โอ๊ย นี่เขากำลังร่ายมนตร์สะกดใส่ฉันหรือเปล่า” ศุภโชคยังตกอยู่ในอาการเพ้อเช่นเดิม
“ตั้งสติหน่อยแพทตี้ ถ้าเขาเอาเรื่องที่เราเสียมารยาทจ้องเขาขึ้นมา เราสองคนไม่ผ่านฝึกงานแหงๆ”
“แต่ฉันกำลังจะสติแตกนะยัยแพร” ชายหัวใจหญิงทำท่าสะดีดสะดิ้ง
“สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วนึกถึงหน้าผู้จัดการกับอาจารย์เข้าไว้แพทตี้”แพรมุกกระซิบกระซาบและหาวิธีการมาทำให้ศุภโชคหายจากอาการเพ้อ แต่มันก็แทบจะไม่ได้ผลเลยจวบจนกระทั่งประตูลิฟต์เปิดออกแล้วตัวต้นเหตุก้าวเข้าไปในลิฟต์ นั่นแหละเพื่อนของเธอจึงกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
“โอย... คนอะไรหล่อไม่บันยะบันยัง เห็นแล้วอยากจะลากขึ้นเตียงไปนอนกอด นอนกก ชาตินี้ฉันจะมีโอกาสได้เจอผู้ชายอย่างนี้อีกเมื่อไหร่เนี่ย” ศุภโชคพูดเปิดเผยตามประสาคนที่ปากพูดตรงกับใจคิด
“ไปได้แล้วแพทตี้ ถือซะว่าเป็นอาหารตาชั้นเลิศก็แล้วกัน เราช้ามากแล้วนะ ขืนช้ากว่านี้โดนเฉ่งแน่ๆ”
พูดจบแพรมุกก็เดินนำหน้าไปยังลิฟต์ ทำให้ศุภโชคต้องเดินตามไปติดๆ ทั้งสองนำอาหารและเครื่องดื่มไปให้แขกตามที่ได้รับมอบหมาย พอกลับออกมาก็เจอเพื่อนสาวอีกสองคนซึ่งขึ้นมาดูแลความเรียบร้อยของห้องพัก และดูเหมือนว่าสองสาวนั้นเองก็มีท่าทีตื่นเต้นเช่นเดียวกัน