บท
ตั้งค่า

๑.๓ ชีคทะเลทราย

“ไม่หรอก มีแต่องครักษ์ที่ติดตามมา เดี๋ยวพ่อจะไปดูพี่เพชรสักหน่อยนะ แพรรอพ่ออยู่นี่ก่อน”

“ได้ค่ะพ่อ”

พอคล้อยหลังผู้เป็นพ่อ แพรมุกก็มองไปทางเต็นท์สุดหรูนั้นอีกครั้ง ความอยากรู้อยากเห็นทำให้สาวน้อยลุกขึ้นและเดินตรงไปยังเต็นท์ขนาดใหญ่เท่าคฤหาสน์ของเจ้าชายจากตะวันออกกลางทันที

เมื่อไปยืนใกล้เต็นท์หลังนั้นดวงตาคู่สวยก็สอดส่ายเข้าไปข้างใน แม้ว่าจะไม่ได้เห็นเจ้าชายแต่การได้มายลโฉมเต็นท์ที่มีราคาแพงลิบลิ่วใกล้ๆ แบบนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นไม่แพ้กัน ไม่ใช่แต่เธอที่สนใจความอลังการของเต็นท์หลังงามนี้ หากยังมีสื่อมวลชนจากหลายประเทศกำลังทำข่าวเกี่ยวกับเต็นท์หลังนี้อย่างคึกคัก

แพรมุกพบว่ารอบๆ เต็นท์ของเจ้าชายมีการอารักขาอย่างหนาแน่น ถึงแม้จะไม่มีใครแต่งเครื่องแบบแต่เธอก็รู้ดีว่าคนเหล่านั้นล้วนเป็นองครักษ์ฝีมือดีทั้งนั้น

“เฮ้อ... คงจะเข้าใกล้ที่สุดได้แค่นี้ละ” เสียงหวานรำพึงกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ก้าวถอยห่างออกมา แต่เพียงแค่ก้าวแรก แผ่นหลังของเธอก็ปะทะเข้ากับอะไรบางอย่างที่แข็งแรงราวกับกำแพงหินแกรนิต ทว่าให้ความรู้สึกทรงพลังและแน่นตึงชวนให้หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ

และทันทีที่หันกลับไปมอง สาวน้อยก็ถึงกับตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ ความร้อนวูบวาบแผ่ซ่านไปทั่วใบหน้าสวยหวานเมื่อสบประสานกับดวงตาซึ่งถูกบดบังด้วยแว่นกันแดดสีชาที่กำลังจ้องมองมาแข็งเขม็งราวกับเธอเป็นผู้ร้ายคดีอุกฉกรรจ์ก็ไม่ปาน

“คุณ!” เสียงหวานใสอุทานอย่างตกใจ ดีใจ แปลกใจ ปนเปกันไปหมดจนแยกแยะไม่ออกว่าความรู้สึกไหนเด่นชัดกว่ากันเมื่อได้เจอ ‘ชาฟากีย์ อารีฟ มูซัมมิน’ บุรุษที่อยู่ในห้วงความทรงจำของตัวเองตลอดระยะเวลาเกือบสองปีที่ผ่านมาอีกครั้งอย่างไม่คาดฝัน

“บอกแล้วใช่ไหมแพรมุกว่าถ้าผมเจอคุณอีก ผมจะโยนคุณทิ้งเหมือนเศษขยะ” น้ำเสียงเขายังเกรี้ยวกราดเหมือนครั้งสุดท้ายที่ได้เจอกันไม่มีผิด

“คุณยังไม่หายโกรธฉันอีกหรือคะ” แพรมุกถามออกไปทั้งๆ ที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาโกรธเกลียดเธอเรื่องอะไร

“ถ้าไม่อยากถูกโยนออกไปจากที่นี่ ก็รีบไปซะ” ชาฟากีย์เค้นเสียงลอดไรฟัน

“บอกฉันหน่อยได้ไหมคะว่าฉันทำอะไรผิด” เสียงหวานถามอย่างวิงวอน ปากคอสั่นไปหมดเพราะตั้งตัวไม่ทันกับการได้เจอเขาอีกครั้ง ทั้งๆ ที่คิดตลอดมาว่าชาตินี้คงจะไม่มีโอกาสเจอเขาอีกแล้ว

“ไปซะแพรมุก!”

“ไม่ ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น จนกว่าคุณจะบอกฉันว่าคุณโกรธเกลียดฉันเรื่องอะไร” แพรมุกส่ายหน้าดิก พลางยืนประจันหน้ากับเขาอย่างไม่หวาดหวั่น

“ไม่ไปใช่มั้ย ได้!”

ชาฟากีย์ตะคอกด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด และโดยที่แพรมุกไม่ทันได้คาดคิด ร่างสูงใหญ่ก็ก้าวพรวดเดียวมาถึงตัว แล้วอุ้มเอาร่างเล็กกระจ้อยร่อยของเธอขึ้นไว้ในวงแขน

“นี่ปล่อยฉันนะ คุณจะทำอะไร?” สาวน้อยอุทานระงม

“....” เขาไม่ตอบ แต่กลับอุ้มเธอเดินอาดๆ ไปจนพ้นอาณาเขตของเต็นท์หรู แล้วโยนร่างบางลงบนพื้นหญ้าอย่างไม่ปรานีปราศรัยท่ามกลางสายตาของคนนับสิบที่อยู่บริเวณนั้น

“โอ๊ย! คนบ้าทำไมต้องทำรุนแรงแบบนี้ด้วย” แพรมุกร้องโอดครวญออกมาทั้งเจ็บทั้งอาย

“ถ้าคราวหน้าผมเจอคุณอีก ผมจะไม่ทำแค่นี้แน่ เพราะฉะนั้นถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็อย่าเสนอหน้ามาให้เห็นอีก” เขาขู่สำทับก่อนจะออกปากไล่ซ้ำ “รีบไปให้พ้นหน้าผมซะ!”

“คนป่าเถื่อน”

ชาฟากีย์จ้องมองเธอด้วยสายตาชิงชังเย็นชาอยู่เพียงครู่หนึ่งแล้วก็หมุนตัวเดินหันหลังหนีไปจากตรงนั้น ปล่อยให้แพรมุกค่อยๆ ประคองตัวเองลุกขึ้นยืนอยู่คนเดียว

มือเรียวเล็กปัดเศษฝุ่นเศษหญ้าที่เปรอะเปื้อนอยู่ตามเสื้อผ้าออก ในขณะที่ร่างกายถูกอาการเจ็บแปล๊บๆ เล่นงานบริเวณบั้นท้ายและสะโพกซึ่งเป็นส่วนที่กระแทกกับพื้นหญ้าแรงที่สุดเมื่อครู่นี้ ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันแน่น เพื่อระงับความเจ็บกายเจ็บใจและสกัดกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา ก่อนจะรวบรวมกำลังใจเดินกลับเต็นท์ด้วยความรู้สึกที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับตอนมา

เมื่อแพรมุกไปถึง พิทยาก็กลับมาแล้ว เขามองสีหน้าจ๋อยๆ และเนื้อตัวที่มอมแมมของลูกสาวพลางขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะเอ่ยถาม

“ไปไหนมาแพร แล้วทำไมถึงได้มอมแมมแบบนั้นล่ะลูก”

“แพรไปเดินเล่นน่ะค่ะพ่อ พอดีซุ่มซ่ามหกล้มนิดหน่อยก็เลยเป็นแบบที่พ่อเห็นนี่ละค่ะ” สาวน้อยจำต้องปดบิดา เพราะไม่รู้จะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังยังไง

“หมดสวยเลยลูกสาวพ่อ” พิทยาเอ่ยพร้อมกับวางมือบนศีรษะของลูกสาวแล้วลูบเบาๆ

“แล้วพี่เพชรกับคุณน่านเป็นยังไงบ้างคะ”

“ไม่มีปัญหา ปรินซ์ธันเดอร์กับปรินซ์อาเธอร์ตรวจความแข็งแรงผ่านทั้งสองตัว”

“ดีจังค่ะ พรุ่งนี้คงจะเข้ารอบได้สบายๆ” แพรมุกพยายามฝืนยิ้มให้ดูร่าเริงทั้งๆ ที่ตอนนี้หัวใจหนักอึ้งมึนชาไปหมด

“ถ้างั้นกลับโรงแรมพร้อมพ่อดีกว่า แพรจะได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็พักผ่อนด้วย” พิทยาเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าของลูกสาวไม่ค่อยดีนัก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel