๑.๒ ชีคทะเลทราย
“ว่าไงแพร” ปลายสายเอ่ยทักทายมาอย่างคุ้นเคยหลังจากกดรับสาย
“แพรจะโทร.มาถามว่า คุณนิจจะไปเช็กกับคุณน่านหรือเปล่าคะ”
“เปล่าจ้ะแพร พี่น่านไม่ยอมให้นิจไปด้วย บอกว่าถ้านิจจะเรียนต่อปริญญาโทในประเทศก็ต้องอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่นี่ให้ได้ ไม่อย่างนั้นพี่น่านจะส่งไปเรียนที่อังกฤษ แพรก็รู้ว่านิจไม่อยากไป นิจเบื่อแล้วอยู่โน่นมาตั้งแต่เด็ก” อนามิกาตอบกลับมาเสียงเนือยๆ เพราะเธอเติบโตที่อังกฤษจึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เรียนต่อในประเทศ
“ว้าเสียดายจังค่ะ นึกว่าคุณนิจจะได้ไปด้วยกัน”
“แพรจะไปด้วยหรือ”
“ไปค่ะคุณนิจ แต่กว่าจะฝ่าด่านอรหันต์ของพี่เพชรได้เล่นเอาแพรเหนื่อยแทบแย่ รายนั้นไม่อยากให้แพรไปไหนมาไหนหรอกค่ะ”
“พี่ชายของแพรก็คงจะเหมือนกับพี่น่านนั่นแหละ แต่นิจไม่ยอมเสียเปรียบแน่ๆ เอาไว้สอบเสร็จแล้วนิจจะไปเที่ยวบ้างดีกว่า เดี๋ยวนิจจะชวนแพรไปด้วยกันนะ”
“ได้สิคะคุณนิจ แพรเรียนจบแล้วว่างตลอดค่ะ ยังไงก็ขอเที่ยวให้ฉ่ำใจก่อนแล้วค่อยทำงาน”
“ถ้าอย่างนั้นฝากแพรเชียร์ทีมพี่น่านและก็เที่ยวเช็กเผื่อนิจด้วย”
“ค่ะคุณนิจ เดี๋ยวแพรจะถ่ายรูปสวยๆ มาฝากนะคะ”
แพรมุกจบการสนทนากับอนามิกาแค่นั้น อดที่จะถอนหายใจอย่างเสียดายนิดๆ ไม่ได้เพราะถ้าหากอนามิกาเดินทางไปในครั้งนี้ด้วย เธอคงจะมีอิสระได้ออกนอกกรอบไปเที่ยวไหนต่อไหนกันตามลำพังกับอนามิกาบ้าง ด้วยรู้ว่าพ่อของตนคงจะเกรงใจอนามิกาในฐานะน้องสาวของเจ้านายอยู่ไม่น้อย
อีกสามสัปดาห์ต่อมาคณะนักกีฬาและทีมงานจากฟาร์มของหม่อมหลวงน่านนทีก็เดินทางไปยังประเทศสาธารณรัฐเช็กเพื่อร่วมการแข่งขันม้ามาราธอนชิงแชมป์โลก ซึ่งก่อนหน้านี้ม้าแข่งและทีมงานบางส่วนเดินทางไปล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว แพรมุกตื่นเต้นไม่น้อยเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ได้เดินทางไปต่างประเทศ ทันทีที่เครื่องบินลงจอดที่สนามบิน ทั้งหมดก็เดินทางไปยังโรงแรมที่พักซึ่งเป็นโรงแรมระดับห้าดาวที่ทางผู้จัดการแข่งขันได้จัดเตรียมไว้ให้
เช้าวันรุ่งขึ้นแพรมุกตามพ่อและพี่ชายไปยังสนามเพื่อเตรียมการแข่งขันโดยจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ กฤชเพชรแยกตัวไปช่วยดูแลการตรวจสุขภาพม้าตามที่ทางผู้จัดกำหนดให้มีการตรวจกล้ามเนื้อ จังหวะการเต้นของหัวใจ และความแข็งแรงของขาทั้งสี่ข้าง ส่วนแพรมุกไปช่วยทีมงานวางถังน้ำในเส้นทางที่จะนำม้าเข้ามาคูลดาวน์ เสร็จแล้วทีมงานก็พาเธอไปยังเต็นท์สีขาวที่กางเอาไว้สำหรับเจ้าหน้าที่ของแต่ละประเทศในระหว่างการแข่งขัน ซึ่งจะต้องมีเต็นท์ที่พักแบบนี้ก็เพราะการแข่งขันม้ามาราธอนใช้เวลานานร่วมสิบสองชั่วโมงนั่นเอง
เต็นท์ของทีมจากประเทศไทยเหมือนกับเต็นท์ของประเทศอื่นๆ คือเป็นเสาสี่เหลี่ยมและมุงด้วยหลังคาผ้าใบสีขาว แต่มีเต็นท์สองหลังที่แตกต่างจากเต็นท์หลังอื่นๆ เพราะนอกจากจะมีขนาดใหญ่เท่าคฤหาสน์แล้วยังมีการอารักขาอย่างแน่นหนา จากที่แพรมุกประเมินด้วยสายตาก็พอรู้ว่าในการเนรมิตเต็นท์หลังงามนั้นคงจะมีค่าใช้จ่ายไม่ต่ำกว่ายี่สิบล้านบาท แถมข้างในเต็นท์คงจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ครบครันเป็นแน่
“นั่นเต็นท์ของประเทศไหนหรือคะพ่อ ทำไมมันถึงได้แตกต่างกับเต็นท์ของประเทศอื่นๆ แบบนั้น” แพรมุกถามบิดาซึ่งนั่งอยู่ในเต็นท์ก่อนแล้ว
“เป็นเต็นท์ของเจ้าชายและชีคจากประเทศตะวันออกกลางน่ะลูก”
คำว่า ‘ตะวันออกกลาง’ สะกิดหัวใจดวงน้อยของแพรมุกจนกระตุกวูบ แต่ก็ปกปิดความหวั่นไหวของตัวเองอย่างมิดชิด สาวน้อยรีบฉีกยิ้มร่าเริงเพื่อกลบเกลื่อนไม่ให้ผู้เป็นพ่อรู้ว่าเธอกำลังรู้สึกเช่นไร
“มีเจ้าชายกับชีคมาแข่งขี่ม้าแบบนี้ด้วยหรือคะพ่อ”
“มีสิแพร แถบตะวันออกกลางเขานิยมเลี้ยงม้าไม่แพ้เลี้ยงอูฐเลยนะลูก แล้วม้าในแถบนั้นก็แข็งแรงและอึดมาก มาแข่งทีไรก็ติดหนึ่งในห้าทุกที”
“แล้วทำไมแค่เต็นท์ที่พักมันถึงได้ใหญ่โตขนาดนั้นคะพ่อ เงินรางวัลที่ได้จะคุ้มค่ากับการสร้างเต็นท์หลังนั้นหรือเปล่าก็ไม่รู้”
แพรมุกวิพากษ์วิจารณ์ตามที่ตัวเองสงสัย ซึ่งนั่นก็ทำให้พิทยาอดที่จะยิ้มไม่ได้ นี่แหละนิสัยลูกสาวของเขา คิดอะไรก็พูดออกไปเช่นนั้น แต่ถึงจะเป็นคนแบบนี้ก็ไม่เคยพูดจาทำร้ายจิตใจคนอื่นแต่อย่างใด
“ส่วนใหญ่เจ้าชายและชีคที่มาแข่งม้าไม่ได้หวังเงินรางวัลอะไรหรอกนะแพร ท่านแค่อยากนำม้าที่ท่านเลี้ยงไว้เข้ามาร่วมแข่งขันและทดสอบความสามารถของม้าเท่านั้นเอง”
“ต้องลงทุนขนาดนั้นเลยหรือคะพ่อ”
“แพรก็รู้ว่าประเทศในแถบตะวันออกกลางร่ำรวยมากแค่ไหน”
“รู้ค่ะพ่อ แต่แพรก็ไม่เคยประจักษ์กับสายตาตัวเองสักครั้ง เพิ่งจะเห็นครั้งนี้แหละค่ะ แต่ตอนนี้แพรอยากเห็นเจ้าชายมากกว่าค่ะว่าจะหล่อเหมือนในนิยายที่แพรเคยอ่านหรือเปล่า” แพรมุกพูดติดตลกพลางทำหน้าเคลิ้มฝันขณะกวาดสายตาไปทางเต็นท์หลังใหญ่โดยหวังว่าจะได้เห็นเจ้าชายซึ่งเป็นเจ้าของเต็นท์สักครั้ง
“ท่านคงกำลังซ้อมขี่ม้าอยู่ พรุ่งนี้แพรอาจจะได้เห็น” พิทยาตอบลูกสาวยิ้มๆ อย่างเอ็นดูระคนขบขันในท่าทีขี้เล่นของลูกสาว
“แพรอยากให้ถึงพรุ่งนี้ไวๆ จังค่ะ เผื่อจะได้เห็นเจ้าชายตัวเป็นๆ ว่าแต่มาแบบนี้เจ้าชายพกสาวในฮาเร็มมาด้วยหรือเปล่าคะ”