๑.๑ ชีคทะเลทราย
๑
ชีคทะเลทราย
สาวน้อยเจ้าของรูปร่างอรชรสมส่วน ใบหน้าหวานใส ดวงตากลมโตดำขลับ ในชุดนักศึกษาแบบเสื้อพอดีตัว กระโปรงจีบรอบสั้น แค่เข่า และรองเท้าหุ้มส้นสีดำถูกต้องตามระเบียบของมหาวิทยาลัย กำลังเปิดประตูรั้วไม้สีขาว ก่อนจะก้าวอย่างกระฉับกระเฉงเข้าไปในบ้านไม้หลังขนาดย่อมซึ่งทาสีขาวทั้งหลัง โดยรอบๆ นั้นถูกรายล้อมด้วยต้นไม้และสวนหย่อมเขียวขจี ทำให้บรรยากาศดูร่มรื่นจนคนที่ผ่านไปผ่านมาต้องอิจฉา
วันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้าย ‘แพรมุก มุกมนตรี’ สาวน้อยวัยยี่สิบสองปีมั่นใจว่าจะต้องสอบผ่านไปได้ด้วยดีถึงแม้ว่าเกรดจะไม่สวยนักก็ตาม แต่ก็ช่างมันเถอะ เพราะตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปเธอก็ไม่ต้องแต่งชุดนักศึกษาไปเรียนเหมือนสี่ปีที่ผ่านมาอีกแล้ว
เรียวปากอิ่มสีชมพูระเรื่ออย่างคนสุขภาพดีฉีกยิ้มกว้างจนเห็นรอย ลักยิ้มมาแต่ไกลและกำลังจะเอ่ยปากบอกเรื่องการสอบของตัวเองให้ผู้เป็นพ่อและพี่ชายฟัง แต่ทว่าดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจเธอเลยเพราะทั้งสองคนกำลังดูเทปบันทึกการแข่งขันม้ามาราธอนในหน้าจอโทรทัศน์อย่างใจจดใจจ่อ
ใบหน้าสวยหวานถึงกับง้ำงอลงเล็กน้อย จากนั้นก็พาตัวเองเดินไปบังหน้าจอและส่งเสียงให้ดังขึ้นเพื่อเรียกร้องความสนใจ
“พ่อคะ พี่เพชรคะ แพรกลับมาแล้วค่ะ” เจ้าของร่างอ้อนแอ้นยกมือขึ้นกอดอกในขณะยืนบังหน้าจอโทรทัศน์ ยังผลให้ทั้งพ่อและพี่ชายต้องเงยหน้าขึ้นมอง
“เห็นแล้วน่าว่ามา รีบๆ หลบไปสิยัยแพรไม่เห็นหรือไงว่าพี่กับพ่อกำลังดูแข่งม้าอยู่” กฤชเพชรเอ็ดน้องสาวที่มาขัดจังหวะ ส่วนพิทยาผู้เป็นบิดายิ้มน้อยๆ อย่างเคยชินกับการป่วนของลูกสาวคนเล็ก เพราะแพรมุกมักจะทำเช่นนี้เสมอเวลาต้องการให้คนในบ้านสนใจตัวเอง
“แล้วไม่มีใครคิดจะถามเรื่องสอบของแพรบ้างเลยหรือคะ”
“ไม่ถามหรอก อย่างเราแค่ผ่านก็หรูแล้ว” กฤชเพชรพูดเรียบๆ ตามแบบของเขา ทำให้แพรมุกหน้าง้ำงอลงยิ่งกว่าเดิมแต่ในใจก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไรเพราะรู้ดีว่าทั้งพ่อและพี่ชายรักตนมากแค่ไหน
“ที่แพรเรียนไม่เก่งก็เพราะพี่เพชรนั่นแหละ”
“อ้าว เรื่องอะไรมาโทษพี่”
“ก็พี่เพชรเอาความเก่งจากพ่อกับแม่ไปหมดคนเดียวจนไม่เหลือไว้ให้แพรน่ะสิ” แพรมุกหาเรื่องโทษพี่ชายไปตามประสา ทั้งนี้ก็เพราะกฤชเพชรนั้นเรียนเก่งมาก เขาเรียนจบสัตวแพทย์เช่นเดียวกับผู้เป็นบิดา ด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัยชื่อดัง จากนั้นก็สอบได้ทุนไปเรียนต่อปริญญาโทยังต่างประเทศ ก่อนจะกลับมาทำงานเป็นอาจารย์พิเศษที่มหาวิทยาลัยและสัตวแพทย์ประจำฟาร์มม้าชื่อดังแห่งหนึ่ง ซึ่งนอกจากจะเก่งแล้ว กฤชเพชรยังหล่อเหลาจนสามารถเป็นนายแบบหรือนักแสดงได้สบายๆ แต่กระนั้นพี่ชายของเธอก็ยังไม่เคยมีแฟนเป็นตัวเป็นตนเสียที
“ยอมรับมาเถอะว่าที่เรียนได้แค่นี้ก็เพราะเรามันขี้เกียจ” กฤชเพชรพูดพลางเอนกายพิงพนักโซฟาตัวใหญ่เพราะตอนนี้โทรทัศน์ถูกบังจนเกือบมิด
“แหมถึงยังไงแพรก็เอาตัวรอดจนจบมาได้นะพี่เพชร”
“แน่ใจนะว่าจะไม่ต้องไปลงซ่อม”
“แน่ใจล้านเปอร์เซ็นต์” แพรมุกเอ่ยด้วยน้ำเสียงและสีหน้าท่าทางที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ เพราะถึงเธอจะเรียนได้เกรดไม่สวยแต่ไม่เคยมีประวัติเรียนติดเอฟหรือตกสักวิชา
“แล้วพี่จะคอยดู แต่ตอนนี้หลีกไปก่อนพี่กับพ่อกำลังดูทีวีอยู่”
“หลบก็ได้ แล้วพ่อกับพี่เพชรดูอะไรกันอยู่หรือคะ” หญิงสาวเอ่ยถามอีกครั้งหลังจากยอมหลบจากหน้าจอโทรทัศน์แล้วขยับไปนั่งลงข้างบิดา
“ดูแข่งม้ามาราธอนน่ะลูก พอดีปีนี้ปรินซ์ธันเดอร์กับปรินซ์อาเธอร์จากฟาร์มของคุณน่านผ่านการคัดเลือกได้ไปแข่งม้ามาราธอนชิงแชมป์ยุโรปรอบสุดท้ายที่สาธารณรัฐเช็ก” พิทยาตอบลูกสาว ข่าวนั้นทำให้ดวงตากลมโตดำขลับของแพรมุกเป็นประกายขึ้นด้วยความตื่นเต้นทันที เพราะฟาร์มของคุณน่านหรือหม่อมหลวงน่านนทีก็คือฟาร์มที่พ่อกับพี่ชายของเธอทำงานอยู่นั่นเอง
“อย่างนี้พ่อกับพี่เพชรก็ต้องได้เดินทางไปกับคุณน่านสิใช่ไหมคะ” แพรมุกถามแบบนั้นเพราะการแข่งขันม้ามาราธอนจะต้องมีสัตวแพทย์คอยดูแลเรื่องสุขภาพของม้าในระหว่างการแข่งขัน ซึ่งถ้าหากม้าตัวใดตรวจสุขภาพและความแข็งแรงไม่ผ่านในระหว่างการแข่งขันก็จะถูกตัดสิทธิ์
“ใช่ พ่อกับพี่เพชรก็ต้องไปด้วยลูก”
“ถ้าอย่างนั้นขอแพรไปด้วยนะคะพ่อ”
“ไปไม่ได้หรอกแพรเกรงใจคุณน่านเขา พ่อกับพี่ไปทำงานนะไม่ได้ไปเที่ยว” กฤชเพชรพูดขัดขึ้นทันที
“แพรก็ไปช่วยทำงานไงคะ ให้แพรไปเป็นพนักงานวางถังน้ำคูลดาวน์ม้าก็ได้ค่ะ” สาวน้อยรีบหางานให้ตัวเองด้วยรู้ดีว่าการแข่งขันม้ามาราธอนนั้นม้าจะต้องมีการหยุดพักเพื่อให้น้ำเป็นระยะเนื่องจากม้าต้องวิ่งระยะไกลกว่าหกสิบกิโลเมตร
“แต่พนักงานคูลดาวน์มีครบแล้วนะแพร” คนเป็นพี่ยังคงขัดน้องสาวอยู่เช่นเดิม
“พ่อคะให้แพรไปด้วยนะคะ แพรไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว” คนถูกขัดใจรีบหันไปทางบิดาพร้อมกับทำเสียงอ้อนๆ เมื่อพี่ชายทำท่าจะไม่ยอมให้ตามไปด้วย
“ไปก็ไปลูก” พิทยาเอ่ยปากอนุญาตลูกสาวแล้วหันไปทางลูกชาย “ถือซะว่าเป็นของขวัญที่น้องเรียนจบก็แล้วกันนะเพชร อีกอย่างพ่อกับเพชรก็ไปด้วยไม่น่าจะมีปัญหาอะไร พ่อจะขออนุญาตคุณน่านเอง”
“ไชโย! พ่อใจดีที่สุดเลยค่ะ” พออ้อนพ่อเสร็จก็หันไปย่นจมูกใส่พี่ชาย “ไม่เหมือนพี่เพชรหรอก ดุก็ดุแถมเจ้าระเบียบเป็นที่หนึ่ง มิน่าล่ะถึงไม่มีแฟนเสียที”
“ทำเป็นพูดดีไปเถอะ ทำยังกับเรามีอย่างนั้นละ” กฤชเพชรย้อนให้บ้าง
“อย่างแพรเขาเรียกว่าสวยเลือกได้ค่ะ ที่แพรไม่มีแฟนเพราะยังไม่เจอคนถูกใจต่างหาก” พอถูกพี่ชายย้อนแพรมุกก็หาข้ออ้างแบบข้างๆ คูๆ มาโต้แย้งจนได้
“พี่ว่ากระโดกกระเดกขาดเสน่ห์จนไม่มีใครเอามากกว่า”
“พี่เพชรน่ะ” สาวน้อยทำหน้ากระเง้ากระงอดและย่นจมูกใส่พี่ชายอย่างที่เคยทำเป็นประจำเวลาเมื่อถูกเขาขัดคอ
“ดูทำหน้าเข้า แบบนี้ผู้ชายที่ไหนจะอยากได้ไปเป็นแฟน” คนเป็นพี่ตอกย้ำก่อนจะหัวเราะในลำคอเบาๆ
“ไม่มีคนเอาก็ดีแพรจะได้เกาะพี่เพชรกินไปตลอด แพรไปอาบน้ำดีกว่าไม่อยากพูดกับพี่เพชรแล้ว”
จบคำแพรมุกก็หยิบเอากระเป๋าสะพายแล้วเดินขึ้นชั้นบนไปทันทีถึงเมื่อครู่นี้จะทำท่าเหมือนงอนพี่ชายแต่พอเปิดประตูเข้าห้องตัวเองก็ฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี จากนั้นก็ควานหาโทรศัพท์ออกมาโทร.หาหม่อมหลวงอนามิกาน้องสาวของหม่อมหลวงน่านนทีซึ่งสนิทสนมกับแพรมุกเป็นอย่างดีเพราะทั้งสองเรียนอยู่มหาวิทยาลัยและชั้นปีเดียวกัน