EP 4
ขาที่อยู่ใต้โต๊ะก็สะกิดอีกขาไปด้วย เพื่อเตือนให้หุบปากทันที เพราะเขาไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้ โดยเฉพาะผู้ใหญ่ทั้งสองและปราณปริยาวดี
“คุณตาจ๋า! หนึ่งทำไข่ตุ๋นทะเลของชอบมาให้ค่ะ”
ปราณปริยาวดีถูกแม่สอนจนเคยชินแล้ว ไม่ว่าจะพูดกับใครจะต้องมีคำว่าคุณนำก่อนเสมอๆ แม้กระทั่งกับตายาย มีพื้นเพเป็นครูสอนดนตรีสอนรำ และทำสวนอยู่แถวนครปฐมก็ตามที
แม้ปราณปริยาวดีจะรู้ว่าคนแถวนั้นฟังแล้วจะตงิดหู แต่ก็เปลี่ยนเป็นเรียกอย่างอื่นไม่ได้แล้ว เพราะเคยชินมาตั้งแต่จำความได้แล้ว
“ดีเลยลูก ตากำลังสงสัยอยู่ ว่าตกลงงานนี้จะมีแต่อาหารฝรั่งแค่นั้นหรือเปล่า”
คุณตาเปล่งยิ้มให้หลานที่กำลังยกหม้อดินมาวางโต๊ะกลางในศาลาทรงไทย ห่างจากแขกคนอื่นพอสมควร เพราะไม่ชอบร่วมโต๊ะกับคนอื่นๆ จัดไว้ในสนามตามเคย
ด้วยคุณตาเปล่งแลเห็นว่าตัวเองดูจะเข้าไม่ได้หรือไม่ชอบอยู่ใกล้พวกสังคมสูง ที่ลูกสาวพยายามจะพาต้นกระโดดขึ้นไปอยู่
แล้วหันหลังให้กำพืดเดิมของตัวเองของพ่อแม่ชนิดไม่คิดจะกลับไปเหยียบบ้านเก่า บ้านเดิม แหล่งให้ชีวิตให้การศึกษาและอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย
ยกเว้นความร่ำรวยและหรูหราเท่านั้น เมื่อห้ามลูกไม่ได้ สองตายายจึงเพียงแค่ดูอยู่ห่างๆ และคอยอบรมเลี้ยงดูหลานไม่ให้เป็นเหมือนผู้แม่ในทุกครั้งที่มีโอกาส
ส่วนหลานสาวก็รู้ดีถึงปัญหาของตากับยายและแม่ มีความคิดและวิถีชีวิตกันคนละฟาก และป่วยการจะทำให้หันกลับมาปองดองกันได้ เพราะผู้แม่ตัดขาดสังคมบ้านๆ ของตัวเองมานานและไม่หลงเหลือเยื่อใยใดๆ เอาไว้แล้ว
ส่วนตากับยายก็ไม่ค่อยจะชอบออกสังคมคนเมืองแบบนี้ ที่มางานก็เพราะอยากจะมาแสดงความยินดีกับหลานเท่านั้นเอง
“มีสิคะ นี่คุณแม่สั่งให้หนึ่งกับป้ากอบทำไว้ให้คุณตากับคุณยายโดยเฉพาะเลยนะคะ แล้วป้ากอบก็กำลังทำพล่ากุ้ง ปลากระพงนึ่งมะนาว ปลาอินทรีย์แดดเดียวทอด และต้มยำโป๊ะแตกให้อยู่นะคะ ป้ากอบบอกว่าคุณแม่ไปเลือกซื้อเองกับมือเลยล่ะค่ะ แล้วยังไม่เค้กไอศครีมเจ้าอร่อยๆ ไว้ให้ด้วยค่ะ แถมคุณแม่ยังซื้อไว้ตั้งหลายปอนด์ บอกว่าจะให้คุณตาเอาไปใส่ตู้เย็นไว้กินเวลาทำงานมาเหนื่อยๆ มีรังนกแปะก๊วยอีกหม้อเบ่อเร่อด้วยค่ะ คุณแม่สั่งป้ากอบว่าห้ามตักออกมาเสิร์ฟ เพราะทำให้คุณตากับคุณยายเท่านั้น แต่หนึ่งกับป้ากอบแอบตักชิมตั้งแต่ตอนทำแล้วล่ะค่ะ”
กระนั้นคนเป็นหลานก็ยังคอยประสานสองฟากฝ่ายให้โน้มมาหากันอยู่ดี และก็ได้ผลพอสมควร เพราะตากับยายยิ้มด้วยความอิ่มใจที่ได้ยินคำบอกเล่าของหลานแต่ก็ไม่อยากให้ใครรู้ใครเห็น
คุณตาเปล่งเลยดึงเอาเรื่องอื่นมาคุยแทน
“แล้วพ่อเราไปไหนซะล่ะหนึ่ง ไม่มาด้วยเหรอ วันเรารับปริญญาตาก็ไม่เห็นว่าพ่อเราจะไปเลย”
คุณตาเปล่งถามหาพ่อของหลาน ที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าจะยกไว้ในฐานะลูกเขยได้บ้างไหม เพราะตั้งแต่ได้ลูกสาวตามาเป็นเมียแล้ว ก็แทบไม่เคยได้เจอหน้าเจอตากันเลย
ยิ่งลูกสาวคุณตาเปล่งได้ลดระดับลงเหลือแค่เมียน้อยด้วยแล้ว แกยิ่งเกลียดผู้ชายคนนั้นจนไม่คิดจะยกตำแหน่งเขยให้ นอกจากเป็นพ่อของหลานเท่านั้น
เพราะอยากรู้เต็มทีว่าทำไมป่านนี้เจ้าลูกเขยจอมหลอกลวงถึงยังไม่มางานสำคัญของลูกเลย
“เห็นแม่บอกว่ามีงานด่วนจ้ะตา ดึกๆ ถึงจะปลีกตัวมาได้”
หลานตอบเลี่ยงไปอย่างนั้น ด้วยรู้ดีว่าพ่อไม่มีทางจะมาได้ ถ้าบ้านใหญ่ไม่ปล่อยให้มา ด้วยการอ้างว่าต้องไปกินข้าวที่บ้านว่าที่ลูกเขยด้วยแล้ว ไม่คาดหวังว่าจะได้เห็นพ่อในงานเลยสักนิด
“ดูสิหนึ่ง ร้อยวันพันปีไม่นัดกันไปกิน มันจงใจจะมานัดวันงานของหนึ่ง แล้วยกเอาเรื่องการจัดงานแต่งมาอ้างว่าจะต้องไปคุยกันให้รู้เรื่องอย่างนั้นอย่างนี้ มันแกล้งเราชัดๆ คอยดูแม่จะเอาคืนให้หนักๆ เลยนังมารบ้านใหญ่นี่”
ปราณปริยาวดีจำได้ว่าแม่หัวเสียแค่ไหน เมื่อรู้จากปากพ่อตอนหัวค่ำก่อนแขกจะมา และอาการไมเกรนก็เริ่มเล่นงานจนแม่ต้องกินยาและขึ้นไปนอนพักเป็นชั่วโมง
ถึงมีแรงลงมาต้อนรับแขกได้ สงสารแม่ก็สงสาร อยากให้แม่ปลงและไม่ยุ่งกับบ้านใหญ่ก็อยาก แต่บอกเท่าไหร่แม่ก็ไม่เคยเชื่อเลย เฝ้าแต่คอยสอดส่องความเป็นไปของอีกบ้านแล้วเอามานั่งปวดหัวทุกครั้งไป
จนจะหาความสุขในชีวิตไม่ได้แล้ว
“คอยดู กูจะหาลูกเขยที่ดีกว่าลูกเขยมึงหลายๆ เท่า อยากรู้นักว่ามึงจะทำหน้ายังไง หนึ่งจำคำแม่ไว้นะ ว่าคนที่จะมาเป็นลูกเขยแม่จะต้องดีกว่าไอ้เจ้าเป้นั่นหลายๆ เท่า แม่จะได้ไม่อายพวกมัน นะหนึ่งนะ หนึ่งต้องเชื่อแม่ อย่าไปเผอลปล่อยตัวปล่อยใจให้ใครเด็ดขาด ถ้าไม่มีงานแต่งและแม่ไม่เห็นด้วย ไม่งั้นหนึ่งจะถูกพวกมันตราหน้าว่าขี้แพ้ตลอดชาติเหมือนแม่ไงล่ะ”
หญิงสาวถอนหายใจน้อยๆ กับเป้าหมายในชีวิตของแม่ ที่ตั้งเอาไว้สูงเหลือเกิน แม่ลืมคิดไปว่า เรื่องอย่างนี้เป็นเรื่องของบุพเพ
และเรื่องบุญทำกรรมแต่งของใครมัน จะแข่งขันกันเหมือนกีฬาไม่ได้ แต่ป่วยการที่จะบอกแม่ สู้เงียบไว้จะดีกว่า
เสียงเพลงเบาๆ เศร้าๆ ในผับหรูของโรงแรมระดับห้าดาว มีเจ้าของใบหน้าเศร้ากำลังนั่งจับเจ่า จ้องมองแก้วในมืออยู่เนิ่นนาน ก่อนจะกระดกเข้าปากรวดเดียว และสั่งเพิ่มมาอีกสอง และทำแบบเดียวกันอีก
แล้วสั่งเพิ่มแก้วที่สี่ ห้า หก จนท้ายที่สุด บาร์เทรนเดอร์ยกขวดมาให้ตามคำสั่งลูกค้าประจำมาจัดการรินเองซะเลย โทษฐานบริการไม่ทันใจ