บทที่ 4
“อิ่มมากๆ เลย อิ่มจนลุกไม่ไหวแล้วนะเนี่ย น้ำจิ้มของตองแซบมาก พี่กินเพลินเลย ถ้าเกิดมากินข้าวบ้านนี้ทุกวันสงสัยพี่จะต้องอ้วนแน่ๆ”
เมธิชัยบ่นอุบ หลังจากที่ทานอาหารมื้อเย็นเสร็จเรียบร้อย ปูนึ่งของกณิกาหมดเกลี้ยง เนื้อปูที่สดและหวาน ตัดกันกับน้ำจิ้มเผ็ดเปรี้ยวเค็ม ครบรส ทำให้เย็นนี้ทุกคนเจริญอาหารกันมาก ไม่เว้นแม้กระทั่ง กวิสรา ที่ทานอาหารนอกบ้านกับผลิดามาแล้ว ก็ยังอดทานอีกไม่ได้ จนต้องแอบปลดกระดุมกางเกง เพราะอิ่มจนแทบจะจุก
“ใครเชิญมากัน เมฆ มื้อนี้มื้อเดียวหรอกจ้ะ มาบ่อยๆ เปลือง”
กวิสราว่า พลางย่นจมูกให้กับเพื่อนสนิท ที่ตอนนี้ครอบครอง เก้าอี้หวายตัวโตของกวิสราที่ใช้นอนดูโทรทัศน์ แทนเจ้าของ ที่ต้องไปนั่งโซฟาตัวยาวแทน พวกเขาอยู่ในห้องซึ่งแบ่งกั้นไว้ใช้พักผ่อนและรับแขกไปด้วย
“งก” เมธิชัยว่า ขณะที่กณิกาอมยิ้ม พลางตีแขนพี่สาวอย่างเย้าๆ
“พี่เตย เปลืองที่ไหนกัน พี่เมฆก็ไม่ใช่คนอื่น เหมือนพี่ชายของตองอีกคนหนึ่ง มาทานด้วยกันบ่อยๆ ตองไม่ว่าหรอกค่ะพี่เมฆ เพราะกับข้าวของตองบางมื้อก็เป็นหมัน พี่เตยออกต่างจังหวัดบ่อย นี่ก็พึ่งจะได้พัก”
“รอบนี้จะไปจังหวัดไหนล่ะเตย”
เมธิชัยมองจ้องใบหน้าสวยคมเย้ายวนของกวิสรา เจ้าตัวยิ้มยั่วให้พลางขยิบตาก่อนจะเอ่ยเสียงหวาน
“อ๋อ...ยังไม่รู้เลยต้องรอหัวหน้าน่ะจ้ะ”
“พี่เตยทำงานหนักมาก จนตองนึกสงสารจัง ผู้หญิงคนเดียวต้องไปต่างจังหวัดบ่อยๆ ถึงแม้จะเงินดีก็เถอะนะคะ อาชีพเซลล์นี่ แต่ว่าไม่มีเวลาอยู่บ้านบ้างเลย ทำงานก็ไม่เป็นเวลา ตองอยากให้พี่เตยทำงานบัญชีเหมือนสาขาที่เรียนมามากว่า”
กณิกาบ่นพึมพำ เมธิชัยได้โอกาส เขารีบพูดต่อกณิกาทันที
“นั่นสิ เราว่าเตยหางานทำใหม่ดีกว่า งานนี้เงินดี แต่ว่าเสี่ยงมาก”
คำพูดเน้นเสียงหนักตรงคำว่าเสี่ยงของเขา ทำให้กวิสราสะดุดหู ว่าเพื่อนสนิทคงจะตั้งใจต่อว่าอะไรเธออีกแน่ๆ หญิงสาวจึงเชิดหน้า แล้วแกล้งทำเสียงแข็ง
“เสี่ยงแต่เงินดี เราก็ยอมจะเสี่ยง อย่ามายุ่งกับเราเลยน่าทั้งคู่นั่นแหละ เราเอาตัวรอดได้ย่ะ อีตาเมฆขี้บ่น แล้วก็แม่น้องสาวที่ขี้บ่นพอกัน”
มือเรียวเอื้อมไปหยิกแก้มใสๆ ของน้องสาวอย่างแกล้งหยอก
“พี่มีเวลาให้ตองอยู่แล้วก็ตองพักงานยังไงล่ะจ๊ะ คราวนี้พี่ไปคงไม่นานหรอก แต่คงได้พักนานเลย พี่คงทำอีกไม่นานหรอกนะตอง รอตองเรียนจบ พี่อาจจะมีเงินทุนพอเปิดร้านเล็กๆ สักร้าน แล้วเราก็จะสบายขึ้น”
“จริงๆ น่ะเหรอคะพี่เตย”
กณิกาหันมาทำตาโต แล้วคว้ามือของกวิสรามาบีบพลางเขย่าอย่างดีใจกับสิ่งที่ได้ฟัง
เมธิชัยถึงกับย่นคิ้ว เขาทราบดีว่างานของกวิสราคืออะไร เธอไม่ได้เป็นเซลล์ขายสินค้าที่ต้องวิ่งไปที่จัดหวัดโน้นจังหวัดนี้ อย่างที่บอกกับน้องสาว งานของกวิสราเสี่ยงกว่านั้น และอันตรายมากมาย การที่เธอพูดแบบนี้มันทำให้เขารู้สึกดีใจ ขณะเดียวกันก็ระแวงว่า เพราะอะไรกวิสราถึงจะยอมถอนตัวเลิกเอาง่ายๆ ในเมื่อเจ้าตัวเคยยืนยันกับเขาว่า งานนี้เป็นงานที่เหมาะสำหรับเธอ และคงจะเลิกมันได้ยากนัก
“จริงสิจ๊ะ แต่ก็ต้องหางานชิ้นใหญ่ๆ คอมมิชั่นดีๆ แบบนี้อีก”
หญิงสาวยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เก้าแสน...เงินจำนวนนี้มากมายมหาศาลยิ่งนัก เธออาจจะไปต่อรองของให้มันเป็นเลขกลมๆ ถ้วนๆ อย่างสักหนึ่งล้าน หญิงสาวคิดอย่างปราดเปรื่อง เพราะถ้าใครสักคนหนึ่งยอมลงทุนเงินมากมายขนาดนี้ เพียงแค่ต้องการให้เธอไปเล่นบทเป็นชู้รักแล้วล่ะก็ ผลประโยชน์ตอบแทนที่ได้มา มันก็ต้องมากกว่าเป็นหลายเท่าตัว ไม่มีใครยอมเสียเงินมากขนาดนี้ ถ้าไม่ได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าหรอก พรุ่งนี้การต่อรองของเธอ จะเริ่มต้นขึ้น กับคนที่ชื่อวรปรัชญ์ เธอคาดไว้ว่าจะเป็นหญิงเจ้ายศแกมเจ้าเล่ห์ อยากเป็นแม่ม่ายเศรษฐีนี เบื่อสามี ซึ่งอาจจะเป็นชายแก่ท่าทางน่ารำคาญ หมกมุ่นกับงาน รายละเอียดคร่าวๆ มีบอกไว้ว่าเธอต้องทำตัวให้อีกฝ่ายหนึ่งหลงใหลให้ได้ ถ้าเธอแน่ใจว่าเสน่ห์ของเธอมีมากพอ เงินเก้าแสนก็จะเป็นของกวิสรา
‘ไม่เอาแค่เก้าแสนหรอกน่า’ หญิงสาวคิดในใจ นัยน์ตาคมสวยเป็นประกายระยับ
‘ล้านหนึ่งต่างหากล่ะ ที่เราจะยื่นข้อเสนอ พรุ่งนี้เจอกันแน่ๆ ค่ะคุณวรปรัชญ์ งานที่ต้องลงทุนใช้พลังงานมากๆ ผลตอบแทนมันก็ต้องมากขึ้นด้วย’
“จะเลิกจริงๆ น่ะเหรอเตย”
เสียงทุ้มเอ่ยถาม เมื่อเวลาผ่านไปจนเกือบสี่ทุ่ม กณิกาขอปลีกตัวไปทำรายงานแล้ว เหลือไว้แต่เพียงสองหนุ่มสาวเพื่อนสนิท เมธิชัยได้โอกาสจึงเอ่ยถามข้อสงสัยออกมาทันที กวิสรามองซ้ายมองขวาก่อนจะย่นจมูกให้กับเพื่อนชาย
“มาถามอะไรตอนนี้น่ะเมฆ เดี๋ยวยายตองลงมาได้ยินพอดี”
“เราเป็นห่วงนะเตย แล้วนี่ต้องไปทำอะไรอีกล่ะ เฮ้อ...นึกแล้วก็ไม่อยากให้ไอซ์กลับมารู้จักกับเตยอีกจริงๆ”
“รู้จักสิดี ถ้าเราไม่รู้จักไอซ์ คงจะลำบากมากไปกว่านี้ ไม่รู้ว่าป่านนี้เราจะโดนนายจ้างหัวงูที่ไหนจัดการไปแล้ว”
กวิสราเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ นัยน์ตาคมหวานฉายแววปวดร้าวขึ้นชั่วครู่ ความรู้สึกยามถูกดูหมิ่นและเหยียบย่ำศักดิ์ศรี มันทำให้หญิงสาวทั้งเจ็บปวดและเคืองแค้นผู้ชายมักมาก ที่เห็นผู้หญิงเป็นเพียงเครื่องสนองความใคร่
“ชวนมาทำงานด้วยกันก็ไม่มา”
เมธิชัยยังบ่นไม่เลิก เขามองใบหน้าสวยเย้ายวนเปี่ยมเสน่ห์นั่นแล้วก็ถอนใจ กวิสราเป็นคนสวยมาก มีเสน่ห์ดึงดูดอย่างมหาศาล นี่เป็นสิ่งที่นำภัยหลายๆ อย่างมาให้กับตัวเธอ และ กวิสราก็กำลังใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้หารายได้ให้กับตนเอง ซึ่งมันก็น่าเป็นห่วงมากเสียด้วย
“เราต้องใช้เงินเยอะน่ะเมฆ งานแบบนี้ดีจะตายเสี่ยงหน่อย แต่เราก็เอาตัวรอดได้ทุกทีแหละน่า เมฆไม่ต้องกลุ้มใจกับงานของเราอีกนานหรอก ไม่แน่นะ หมดงานนี้แล้วเราได้เงินก้อนใหญ่มา รับอีกสักสองสามงานเรก็คงจะเลิก”
กวิสราหัวเราะเสียงใส รับรู้ว่าเพื่อนสนิทเป็นห่วงเธอมาก จึงมักจะชวนให้เธอไปทำงานด้วยอยู่เรื่อย แต่เธอก็เกรงใจเขานัก อีกอย่างหนึ่งจะมีงานไหนให้ผลตอบแทนได้รวดเร็วขนาดนี้กันเล่า ไม่ต้องออกแรงมาก ใช้เพียงสมองและเสน่ห์ ซึ่งสองสิ่งนี้ กวิสราก็มั่นใจว่าตัวเองมีดีพอ และไม่เพลี่ยงพล้ำกับใครได้ง่ายๆ จึงไม่เคยกลัวเลยสักครั้ง ว่าเธอจะมีอันตรายจากงานลับๆ นี้ของตัวเอง
“เงินก้อนใหญ่” เมธิชัยทวนคำ พลางหรี่ตา
“เงินก้อนใหญ่ แล้วงานล่ะเตย คงไม่มีใครยอมจ่ายรายได้งามขนาดนี้ กับงานง่ายๆ หรอกนะเตย เราสังหรณ์อย่างบอกไม่ถูก ว่ามันอาจจะพาความยุ่งยากมาให้เตยมากกว่าที่คิด อย่าทำเลย” กวิสราหัวเราะกิ๊ก ก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ
“ไม่เลิกหรอกน่า เราน่ะระดับไหนแล้วเมฆ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก อาจจะเป็นไฮโซเงินหนาสักคนที่อยากจะเลิกกับสามีมากกว่า ไม่มีอะไรมากมายหรอกน่า เมฆก็ห้ามเราทุกทีเวลารู้ว่าเรามีงานทำ บ่นจนจะเป็นพ่อคนที่สองอยู่แล้ว ทุกวันนี้ยังสงสัยว่าเมฆเป็นเพื่อนหรือญาติผู้ใหญ่กันแน่”
“ก็เรารัก...”
น้ำเสียงนั้นอ่อนโยนอย่างที่คนพูดไม่รู้ตัว นัยน์ตาคมของเขาฉายประกายลึกล้ำในใจยามเอ่ยคำนั้นออกมา หากแต่คนฟังกับยิ้มกว้าง ไม่ได้รับรู้ถึงความล้ำลึกเกินเลยนั้นแม้แต่น้อย ว่าคำรักที่ผู้พูดเอ่ยนั้น มันเป็นรักแบบเพื่อนอย่างที่เข้าใจมาตลอดเวลาที่คบหากัน หรือว่ารักแบบอื่นที่อีกฝ่ายอยากให้เป็นแต่ไม่กล้าเอ่ย เพราะกลัวจะเสียเธอไปตลอดกาล
“รู้น่าว่ารักและเป็นห่วง แต่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เราเอาตัวรอดได้ สี่ทุ่มกว่าแล้ว กลับบ้านไปได้แล้วล่ะจ้ะพ่อแก่ เราจะได้นอน เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องไปให้นายจ้างดูตัว เกิดโทรมไปไม่สวย ชวดเงินก้อนใหญ่กันพอดี”
กวิสราลุกขึ้นยืน พร้อมกับตรงมาฉุดร่างสูงให้ลุกตามขึ้นไปด้วย มือเรียวอบอุ่นในอุ้งมือใหญ่ เมธิชัยลอบมองเสี้ยวหน้าหวานเย้ายวนของเธอพลางลอบถอนใจ
รักคำนั้นของเขาที่เอ่ย...มันมากเกินกว่ารักแบบเพื่อนนัก แต่เธอจะรู้ตัวไหมนะ เขาไม่อยากให้เธอเอาตัวไปเสี่ยงกับงานครั้งนี้เลยจริงๆ ลางสังหรณ์บางอย่างบอกกับเขาว่า เงินก้อนใหญ่ที่จะได้มาครั้งนี้ของกวิสรามันอาจจะไม่ใช่งานหมูๆ อย่างที่เธอเคยทำ และเขาไม่อยากให้เธอทำมันเลย แต่ก็ไม่รู้จะห้ามแม่สาวจอมดื้อมากแผนการอย่างกวิสราอย่างไรดี คงจะได้เพียงแต่เฝ้ามองอยู่ห่างๆ เท่านั้นเอง