บทที่ 3
“พี่เตยวันนี้กลับค่ำจังเลยค่ะ”
เสียงใสหวานดังขึ้นต้อนรับทันที ที่กวิสราก้าวเข้าไปในบ้านของครอบครัว ‘ปองทิวา’ เบ้านทาวเฮ้าส์สองชั้น พื้นที่ขนาด 22 ตารางวา เป็นสมบัติที่บิดาและมารดาทิ้งไว้ให้กับพวกเธอ และมันก็เคยเป็นภาระของกวิสรา จนต้องทำให้หญิงสาวต้องมาทำงานเสี่ยง แต่ผลตอบแทนคุ้มค่า ให้เพียงเสน่ห์เล่ห์มารยา แทนฝีมือและความรู้ที่เล่าเรียนมาในการทำงาน
“พอดีพี่แวะทานข้าวกับเพื่อนมาน่ะจ้ะ ทำอะไรกินเนี่ยหอมฟุ้งไปทั้งบ้านเลย”
มือเรียวเอื้อมโอบบ่าบางของน้องสาว แล้วพาเดินเข้าไปตรงบริเวณโต๊ะที่จัดไว้ สำหรับทานอาหารด้วยกัน อยู่ตรงหน้าครัวเล็กๆ กณิกามักจะใช้ทำอาหารรอพี่สาวคนเดียวกลับจากงานเลิก
“ของโปรดพี่เตยน่ะจ้ะ”
ทันทีที่เห็นปูม้านึ่งตัวโต วางอยู่บนโต๊ะรับประทานอาหาร กวิสราก็ย่นจมูก ก่อนจะหันมาทำเสียงเข้มๆ ใส่น้องสาว
“แอบเอาเงินที่ไหนไปซื้อปูมาเนี่ย ใช้ค่ากับข้าวเดือนนี้หมดแล้วแน่ๆ เลยใช่ไหมจ๊ะตอง”
“เปล่าเสียหน่อยค่ะ”
กณิกาหัวเราะกิ๊ก แล้วทรุดลงนั่งตรงที่ประจำของตัวเอง เธอเลื่อนจานใส่ปูนึ่งสีสันและกลิ่นน่าทานไปไว้ตรงหน้าพี่สาว พร้อมกับยิ้มหวานให้
“เงินพิเศษของตองออกต่างหากล่ะจ๊ะพี่เตย ก็เลยซื้อของโปรดมาให้พี่สาวสุดที่รัก สดมากเลยนะพี่เตย เพราะว่าซื้อกันมาจากแหล่งโดยตรงเลย จากบางปูเลยนะจ้ะ”
“เงินพิเศษ”
หัวคิ้วของกวิสราขมวดเข้าหากันทันที นัยน์ตาคมเฉี่ยวมองจ้องใบหน้าหวานละมุนของน้องสาวอย่างไม่พอใจนัก เสียงหวานตวัดขึ้นสูง บอกถึงอารมณ์ที่กำลังเปลี่ยนไปของเจ้าตัว
“ตอง! พี่บอกแล้วใช่ไหม ว่าไม่ต้องไปทำงานพิเศษอะไรนั่นอีกแล้ว คราวที่แล้วยังไม่เข็ดอีกหรือไงกัน”
“เอ่อ...”
ใบหน้าสวยหวานก้มนิ่ง อย่างรู้สึกผิด เธอหลบสายตาดุดันของพี่สาว พลางอ้อมแอ้มพูดตอบเสียงเครือ น้ำตาใสๆ เริ่มคลอดวงตา เมื่อถูกกวิสราดุ ใจเธอก็เริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ กณิกาทั้งรักและเกรงกลัวพี่สาวเพียงคนเดียวของเธอมาก กวิสราเป็นครอบครัวเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ของเธอ พวกเธอมีเพียงกันและกันเท่านั้น กวิสราเปรียบเป็นทุกอย่างของเธอ และกณิกาก็ไม่อยากทำให้พี่สาวขุ่นเคืองใจ เพราะรับรู้ว่าผู้เป็นพี่สาวทั้งรักและห่วงใยเธอมาก
“ตองก็แค่อยากผ่อนภาระของพี่เตยบ้าง แล้วอีกอย่างหนึ่ง งานนี้เป็นงานแจกสินค้าตัวอย่าง ตองมีเพื่อนไปด้วยเยอะแยะ พี่คนที่ชวนไปทำงานก็เป็นพี่ที่คณะ ไม่น่าเสี่ยงอะไร ตองก็แค่อยากจะช่วยพี่เตยบ้าง ไม่อยากให้พี่เตยเหนื่อย”
“เฮ้อ...”
ฟังคำพูดของน้องสาว รวมถึงท่าทางเศร้าเสียใจของเจ้าตัวแล้ว กวิสราก็ใจอ่อนยวบ แม้จะเคยเตือนแล้วเรื่องไม่ให้น้องสาวทำงานพิเศษ เพราะประสบการณ์เลวร้ายที่กณิกาเคยเจอ งานพิเศษงานแรกของ กณิกา เกือบจะทำให้หญิงสาวมีตราบาปไปตลอดชีวิต
ใบหน้าเรียวรูปไข่ นัยน์ตากลมโตสีน้ำตาลเข้มหวานระยับ จมูกโด่งได้รูปสวย ริมฝีปากรูปกระจับสีเรื่อ ผิวขาวลออตา ผมยาวตรงสีดำขลับเกือบถึงสะโพก เรียนร่างสูงเพรียวหากแต่มีสรีระชวนมองตามแบบที่สตรีควรจะมี รูปร่างหน้าตาอันงดงามที่ธรรมชาติบรรจงสร้างให้นั้น นำภัยมายังน้องสาวของเธอเช่นกัน กณิกาถูกหัวหน้างานล่อลวงไปจะข่มขืน หากแต่เคราะห์ดียิ่งนัก ที่เมธิชัย เพื่อนสนิทของกวิสารเห็นรถที่มีกณิกานั่งหน้า เลี้ยวเข้าโรงแรมม่านรูดและตามไปช่วยไว้ได้ทัน ตั้งแต่นั้นกวิสราก็ห้ามขาดไม่ให้น้องสาวทำงานพิเศษอีกเลย
“เอาเถอะ อย่าร้องไห้ พี่เป็นห่วงตองมาก ขอบใจมากที่อยากจะช่วยแบ่งเบาภาระของพี่ แต่น้องสาวของพี่ พี่ดูแลให้มีความสุขได้ ถ้าตองอยากจะผ่อนภาระพี่จริงๆ ก็ตั้งใจเรียนมากๆ นะน้องรัก จะได้เรียนจบเร็วๆ ดีไหมจ๊ะ นี่ก็เรียนปีสามแล้ว อีกปีเดียวเองน้องสาวพี่ก็จะเรียนจบให้พี่ได้ชื่นใจแล้ว”
น้ำเสียงอ่อนโยนลงของกวิสรา ทำให้กณิกาเงยหน้าขึ้น พลางยิ้มให้กับพี่สาวทั้งที่น้ำตาคลอตา กวิสราส่ายหน้าช้าๆ มือเรียวดึงทิชชูที่อยู่บนโต๊ะส่งให้น้องสาว พลางเอ่ยล้อเลียน
“ขี้แยเป็นเด็กๆ เลย โดนพี่ดุนิดเดียวเอง หยุดร้องได้แล้วจ้ะ เดี๋ยวคืนนี้พ่อกับแม่พานโกรธพี่ ที่ทำให้น้องสาวร้องไห้ มาหลอกพี่ล่ะก็ยุ่งเลยนะตอง”
“พี่เตยล่ะก็”
กณิกาหัวเราะออกมาทั้งน้ำตา รับทิชชูเนื้อนุ่มไปซับน้ำตาที่ไหลซึมลงมาตามนวลแก้ม ก่อนจะย่นจมูกให้
“ดุกับตองมากแบบนี้ คอยดูนะ คืนนี้ตอนไหว้พระ ตองจะแอบฟ้องพ่อกับแม่ให้ไปเข้าฝันดุพี่เตย”
“แนะ เอาใหญ่แล้วนะเราน่ะ”
กวิสราหัวเราะกิ๊ก แล้วเอื้อมมือโคลงศีรษะทุยสวยนั่นเล่นอย่างหยอกๆ เธอมองอาหารน่าทานบนโต๊ะ ก่อนจะมองใบหน้าสวยหวานของน้องสาว ริมฝีปากอิ่มสวยยิ้มอ่อนโยน รู้สึกปลื้มใจที่น้องสาวนึกถึงเธอ จนนำเงินพิเศษที่ตัวเองทำงานส่วนหนึ่งมาซื้อของโปรดให้ กณิกาน่ารักแบบนี้ เธอจึงไม่เคยโกรธน้องสาวได้นาน และยิ่งทั้งรักทั้งหวงกณิกามาก โลกใบนี้ไม่ได้เป็นสีขาวสะอาดใส หากแต่เป็นสีเทา ที่บางทีก็ขุ่นมัวไปด้วยกิเลสตัณหาของคน เธอไม่อยากให้น้องสาวต้องมาเจอกับความโสมมแบบนี้เลยแม้แต่น้อย กวิสราตั้งใจจะปกป้องคุ้มครองให้กณิกาเจอแต่สิ่งดีๆ
“ขอบใจมากนะตอง ที่คิดถึงพี่ แล้วก็อยากจะช่วยพี่ แต่พี่ดูแลน้องสาวพี่ได้ พี่ไม่อยากให้ตองเหนื่อย แค่เรียนก็เหนื่อยมากพออยู่แล้ว งานที่พี่ทำอยู่พอส่งเสียตองจนเรียนจบได้ล่ะจ้ะ”
“ตองก็แค่อยากจะช่วยจ้ะพี่เตย อีกอย่างหนึ่งใกล้ปีสุดท้ายแล้ว ถ้าตองออกไปทำงานบ้าง ก็จะได้มีประสบการณ์ทำงานร่วมกับคนอื่นบ้าง เห็นไหมว่าพอตองออกไปทำงาน ตองก็ได้ปูม้านึ่งตัวเบ่อเริ่มมาให้พี่เตยไงล่ะจ๊ะ”
“จ้ะ แต่อย่าไปทำอีกเลยนะตอง ตั้งใจเรียนดีกว่า พี่จะภูมิใจมากถ้าน้องสาวของพี่คว้าเกียรตินิยมมาให้ แทนที่จะเป็นปูม้านึ่งอร่อยๆ ตัวโตนะจ๊ะ”
“พี่เตยล่ะก็” กณิกาหัวเราะกิ๊ก แล้วทำตาโต
“จริงสิ พี่เมฆเองก็ชอบปูนึ่ง เราไปชวนพี่เมฆมาทานด้วยดีไหมจ๊ะ”
“เอาสิ ชวนเมฆมาด้วยก็ดีเหมือนกัน เดี๋ยวพี่จัดการเอง”
กวิสราเดินไปที่มุมห้อง มีโต๊ะเล็กตั้งโทรศัพท์ไว้มือเรียวหมุนหมายเลข และเมื่อปลายสายตอบรับ เสียงใสก็กล่าวทักทายทันที
“เมฆกินข้าวเย็นหรือยัง”
“ถามแบบนี้จะเลี้ยงหรือไงกันเตย พอดีเลย พึ่งจะซ่อมรถมาเสร็จหมาดๆ หิวมาก ไปทำอะไรมาล่ะ หรือว่า...ไปทำงานมาอีกหรือเปล่า?”
เสียงห้าวทุ้มที่ฟังสดใสเมื่อแรกรับสายเปลี่ยนไปทันที เป็นเสียงเครียดๆ แทน ก่อนที่เมธิชัยจะเริ่มบ่นเพื่อนสาวคนสนิท
“ยังไม่เลิกอีกเหรอเตย มันเสี่ยงมากนะ เมื่อไหร่เตยจะทำงานแบบคนอื่นเขาเสียที ทำงานแบบนี้มันเสี่ยงสารพัดแบบเลยนะ คอยดูนะถ้าเดือดร้อนขึ้นมาล่ะก็...”
“เมฆก็เป็นอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยเจ้าหญิงอย่างเตยไงจ๊ะ”
กวิสราเอ่ยเสียงขัดขึ้นทันที พร้อมกับหัวเราะเสียงใส เมธิชัยถอนใจ กับความดื้อดึงของเพื่อนสาวคนสนิท เขารู้ดีว่าเธอทำ ‘งาน’ อะไร เมธิชัยไม่เคยสนับสนุน และพยายามห้าม ชักจูงให้กวิสราหันไปทำงานอื่นที่เสี่ยงและอันตรายน้อยกว่านี้ เขาชวนเธอให้มาทำงานช่วยที่อู่รถยนต์ของเขา ช่วยงานบัญชีเล็กๆ น้อยๆ ให้เงินเดือนตามสมควรที่เขาพอจะให้ได้ แต่กวิสราก็ปฏิเสธ เธอไม่อยากรบกวนเขา เพราะรู้ว่าที่อู่ของเมธิชัยเองก็มีคนทำงานครบตำแหน่งอยู่แล้ว เธอรู้ว่าเขาหวังดีและอยากจะช่วย แต่กวิสราไม่อยากจะเป็นภาระของชายหนุ่มที่เป็นเพื่อนแท้ของคนนี้
กวิสราและเมธิชัยเกือบจะเรียกได้ว่าโตมาด้วยกัน เพราะความที่ทั้งสองเรียนมาด้วยกันตั้งแต่ชั้นอนุบาล จนมัธยม และจบมหาวิทยาลัย สองหนุ่มสาวเติบโตมาพร้อมๆ กันรู้จักกันดีเสียยิ่งกว่าเพื่อนคนไหน บางครั้งรู้จักกันมากเสียยิ่งกว่าคนในครอบครัวเสียอีก
“เฮ้อ...สักวันถ้าอัศวินไปไม่ทัน เจ้าหญิงจะแย่เอานะเตย”
“เจ้าหญิงไม่มีทางแย่หรอกเมฆ เพราะว่าเจ้าหญิงคนนี้เป็นแม่มดร้ายเจ้าเสน่ห์ปลอมตัวมา ไม่ใช่เจ้าหญิงผู้อ่อนแอหรอกนะจ๊ะ”
เสียงใสหัวเราะกิ๊กอย่างถูกใจ ขณะที่เมธิชัยได้แต่อมยิ้มแล้วส่ายหน้าช้า ถ้าเกิดว่าอยู่ใกล้กับเธอไม่ใช่โทรศัพท์คุยกันแบบนี้แล้ว เขาคงจะต้องแอบหยิกแก้มใสนั่นเพราะมันเขี้ยวแล้วแน่ๆ
“โอเคๆ เถียงกับเตยไม่เคยชนะเลยสักที รู้ว่าไม่เคยห้ามได้ เดี๋ยวเราจะไปแย่งกินข้าวเย็นด้วยก็แล้วกัน”
“รีบๆ มาเลยนะจ๊ะ วันนี้ตองซื้อปูม้าตัวใหญ่มาตั้งหลายตัว มาช่วยกินกันนะ น้ำจิ้มอร่อยมาก ปูตัวใหญ่เนื้อแน่นน่ากิน”
“พอๆ เราจะรีบวางแล้วเตย เดี๋ยวอีกสิบห้านาทีเจอกัน พูดจนน้ำลายเราสอไปหมดแล้วนะเนี่ย”
“จ้ะ ถ้ามาช้าอดนะ เราคงจะกินหมดแน่ๆ ออกจะยั่วน้ำลายขนาดนี้ ตองเองก็ท้องร้องจนเราได้ยินแล้วล่ะ ถ้าเกินสิบห้านาที ปูหมดเหลือแต่น้ำจิ้มแน่ๆ”
เสียงใสหวานยังเอ่ยเย้าๆ ก่อนจะวางสายไป เมธิชัยยังคงมีรอยยิ้ม ประดับที่ริมฝีปากได้รูปเมื่อคิดถึงเพื่อนหญิงที่เขารู้จักเธอมานานเกือบยี่สิบปีเต็ม
“เตยนะเตย ห้ามไม่เคยฟังเลย ไม่รู้จะทำให้ห่วงไปถึงไหน เฮ้อ...”
เมธิชัยคว้ามอเตอร์ไซค์ สกู๊ตเตอร์สีครีมคันโปรดของเขา ตรงไปยังบ้านของกวิสรา เพื่อนรักของเขา ที่เขาอยากจะรัก...มากกว่าในฐานะเพื่อน