ตอนที่ 3-2
“ว่าจะไม่คุยเรื่องงานกับพี่อาร์ตอีกแล้ว อยากจะชวนคุยเรื่องเบาๆ แต่ก็อดไม่ได้น่ะครับ เห็นพี่อาร์ตอยู่วงการแข่งรถมาก่อน เลยอยากได้ความคิดเห็นบ้าง ว่าจะจัดงานแบบไหนให้น่าสนใจ ไอ้รถยี่ห้อนี้ก็ดังในหมู่นักแข่งเสียด้วยสิ งบก็ค่อนข้างจะมากอยู่ ไอ้จะมาจัดรถผาดโผน เจ้าอื่นก็ทำกันมากแล้ว ผมอยากจะทำอะไรที่แตกต่างไปบ้าง”
“จัดประกวดแต่งรถ แล้วก็ประกวดสาวพริตตี้สิ เรียกร้องความสนใจดีนะ แล้วก็ค่อยเปิดตัวรถของนาย พร้อมกับสาวสวย” อัคคีว่าลอยๆ
“หรือจะทำแบบเป็นสาวสวยแข่งรถกัน ก็ดีนะ งานนี้เชิญลูกค้าวีไอพีอยู่แล้วนี่ ก็เชิญพวกเค้าไปนั่งรถที่มีสาวสวยขับ แข่งขันกันหาอาร์ซี มีของรางวัลด้วยเล็กๆ น้อยๆ แล้วพี่ว่าคงจะน่าสนใจ”
“เจ๋งเลยครับพี่อาร์ต!”
อติกานต์ยกนิ้วให้กับพี่ชาย โครงการที่อัคคีพูดฟังดูน่าสนใจมาก ซึ่งเขาคิดว่าลูกค้าของเขาคงจะพอใจ
“งานนี้มีลูกค้าเฉพาะกลุ่มจริงๆ เป้าหมายเป็นพวกเศรษฐีที่นิยมสะสมรถยนต์ราคาแพงยี่ห้อนี้ เรียกได้ว่าแฟนรถยี่ห้อนี้เลยน่ะครับพี่อาร์ต ผมว่าผมใส่ชื่อพี่อาร์ตร่วมแข่งขันไปด้วยดีกว่า เดี๋ยวจัดคนขับรถให้สวยๆ เลยนะครับ”
อติกานต์ว่าล้อๆ เพราะเขานั้นรู้จักพี่ชายของเขาดี ว่าอัคคีเสน่ห์แรงมากขนาดไหน
“เอาสิ แต่พี่เลือกคนขับเองนะ เดี๋ยวจะไปเป็นหน้าม้าให้นายเอง หึๆ ถ้ารถแรงถูกใจ คนขับแรงโดนใจ พี่อาจจะอุดหนุนสักคัน”
คนพูดนัยน์ตาระยับเป็นประกาย เมื่อนึกถึงสาวสวยที่จะมาเป็นคนขับให้เขาในการแข่งขัน บางทีเขาอาจจะชวนนอกลู่นอกทางบ้าง คิดแล้วชายหนุ่มก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ ทำให้น้องชายแอบย่นจมูก แล้วส่ายหน้าช้าๆ
“พี่อาร์ตอย่าไปมัวหาอย่างอื่น แทนหาอาร์ซีก็แล้วกันล่ะครับ เกิดว่าพี่อาร์ตเข้าวินทีหลังนี่เสียชื่ออดีตนักขับรถมือหนึ่งหมด”
“ถ้าคนที่นายหามาสวยถูกใจ บางทีพี่ก็อยากจะไปทำอย่างอื่นมากกว่าขับรถ”
อัคคียิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ จินตนาการไปถึงเรื่องเร่าร้อนที่จะชวนสาวสวยคนขับรถปฏิบัติกัน มันก็ทำให้เขาหายเบื่อได้มากไม่น้อย
“กับแกล้มมาแล้วจ้ะ สองหนุ่ม”
เสียงของกชกรเอ่ยขัดขึ้นเสียก่อนที่อติกานต์จะได้เย้าแหย่พี่ชาย เกี่ยวกับวีรกรรมของเรื่องสาวๆ แม้ว่าอัคคีจะไม่ใช่ดาราดัง แต่ตอนนี้เขาก็เกือบจะเป็นดาราไปแล้ว เพราะว่าขยันขึ้นหน้าข่าวบันเทิง ควงดาราสวยๆ นางแบบสวยๆ บ่อยๆ และการที่หน้าตาอันมีเสน่ห์ล้ำของเขา รวมถึงหน้าที่การงานและฐานะ มันก็ทำให้อัคคีกลายเป็นคนเด่นดังไปได้อย่างไม่ยากนัก
อาหารถูกทยอยนำมาตั้งโต๊ะ อัคคีเพลิดเพลินกับการดื่มกับน้องชายและพูดคุยกับกชกรเอามากๆ จนเกือบจะลืมเวลา เมื่อมองนาฬิกาอีกครั้ง เวลาก็ผ่านไปเกือบหกโมงเย็นแล้ว อัคคีดื่มเบียร์ในแก้วจนหมด พลางลุกขึ้นยืน แล้วเอ่ยอวยพรและอำลาน้องชายไปพร้อมๆ กัน
“ขอให้นายมีความสุขมากๆ นะอิม ผมขอตัวก่อนนะครับคุณบัว ฝากบอกพ่อด้วยว่าเย็นนี้ผมจะไปเจรจาเรื่องกู้แบงค์สำหรับโครงการใหม่ให้”
“เดี๋ยวก่อนค่ะคุณอาร์ต”
กชกรร้องเรียกเขาไว้ ก่อนที่อัคคีจะเดินไปขึ้นรถ เธอเดินเข้าไปในบ้าน สักพักหนึ่งก็รีบวิ่งออกมา พร้อมกับถุงพลาสติกขนาดย่อม เธอยื่นส่งให้เขา อัคคีมองดูผงที่บรรจุอยู่ในซองนั้นก่อนจะทำหน้างงๆ กชกรรีบอธิบายเสียงอ่อนโยน
“นี่เป็นกระเจี๊ยบ กับใบบัวบกตากแห้งค่ะ อบกลิ่นมะลิหอมๆ เอาไว้ใช้ชงเป็นชาสมุนไพร ให้คุณสุวีร์ดื่ม แล้วถุงนี้เป็นดอกคำฝอย เป็นชาเหมือนกันนะคะคุณอาร์ต ของคุณสุวีร์เหมือนกัน น้าได้ยินว่าคุณธิป บ่นๆ ว่าคุณสุวีร์ไม่ค่อยสบาย หมอประจำตัวเล่าให้ฟังว่าเธอดื้อไม่ค่อยยอมทานยาลดความดัน คุณธิปก็ห่วงอยู่ น้าเลยฝากสมุนไพรไปให้ชงดื่ม ใช้ได้นะคะคุณอาร์ต คุณธิปเองดื่มเป็นประจำก็ได้ผล”
“เอ่อ...ขอบคุณครับ”
มือใหญ่เอื้อมไปรับถุงจากกชกร พลางมองใบหน้ายิ้มแย้มใจดีนั่นอย่างตื้นตัน เธอเป็นห่วงมารดาของเขา ทั้งที่เคยโดนสุวีร์เล่นงานสารพัด น้ำใจงดงามแบบนี้ ทำให้อัคคีรักและเคารพคนตรงหน้า เสียยิ่งกว่ามารดาของตนเองอีก
“แล้วนี่ของคุณอาร์ต”
เธอยื่นส่งกระติกรักษาความเย็นให้ อัคคีรับมาแล้วเปิดฝาดู มีน้ำบรรจุอยู่ด้านใน กลิ่นของมันแปลกไม่คุ้นจมูกจนเขาต้องนิ่วหน้า กชกรรีบอธิบาย
“น้ำอัญชัญค่ะ น้าทำไว้ดื่มกันในบ้าน เลยแบ่งเผื่อให้คุณอาร์ตด้วย สรรพคุณช่วยบำรุงสายตา เสริมภูมิต้านทาน กินแล้วดีนะคะ คุณอาร์ตทำงานหนัก ไม่ค่อยได้พัก ดื่มพวกสมุนไพรบำรุงบ้างร่างกายจะได้สดชื่น บำบัดไปในตัวด้วย ถ้าชอบน้าจะฝากตาอิมไปให้บ่อยๆ”
“ขอบคุณมากนะครับ”
ชายหนุ่มยิ้มกว้าง กชกรมักจะเผื่อแผ่ความห่วงใยไปถึงเขาเสมอ ราวกับว่าเขาเป็นบุตรอีกคนหนึ่งของเธอ และเธอก็ค่อนข้างจะรักเขามาก รวมถึงสงสารอัคคีที่ต้องอยู่ท่ามกลางความกดดันมากมาย
“อย่าบอกก็แล้วกันนะคะ ว่ามาจากน้า ถ้าคุณสุวีร์รู้จะไม่ยอมกิน”
กชกรเอ่ยยิ้มๆ อย่างรู้กัน ไม่ได้มีร่องรอยประชดประชันในสีหน้านั้นแม้แต่นิดเดียว ชายหนุ่มพยักหน้าและยิ้มน้อยๆ ให้กับเธอ ก่อนจะเดินจากไป ขึ้นรถสปอร์ตสีแดงจ้าคันโปรด รีบขับออกไปอย่างรวดเร็วเพราะกลัวผิดนัดกับมารดา
“เอ้...อิจฉาพี่อาร์ตจัง แม่บัวเอาใจพี่ชายผมเสียยิ่งกว่าผมอีก งอนแล้วนะครับ”
อติกานต์ว่ายิ้มๆ ก่อนจะแสร้งทำหน้างอ กชกรตีแขนบุตรชาย พลางบ่นเสียงเบา
“ไปอิจฉาคุณอาร์ตทำไมกันล่ะพ่อตัวดี อยากกินน้ำอัญชัญก็โน่นในครัว ไปตักเอาสิ คุณอาร์ตนานๆ มาที แม่ก็ต้องเอาใจหน่อย”
“ถ้ามาบ่อยๆ ผมคงเป็นหมาหัวเน่า”
อติกานต์ว่า เลยโดนมารดาทำท่าจะตีเอาอีกรอบ นั่นแหละเขาถึงหัวเราะแล้วเดินเลี่ยงไปในครัว
“คุณอาร์ตน่ะ น่าสงสารนัก มาที่นี่แล้วคงได้ผ่อนคลายบ้าง”
กชกรบ่นพึมพำ พลางมองเหม่อไปยังหน้าบ้าน ที่มีรั้วไม้สีขาวล้อมรอบ บ้านของเธอหลังเล็ก ไม่ใหญ่โตกว้างขวางเหมือนบ้านเสรษฐภูมิ หากแต่อบอุ่นไปด้วยความรักความเข้าใจ ไม่ได้เยือกเย็นเต็มไปด้วยบรรยากาศมืดหม่น เธอยังจำอัคคีเมื่อแรกเจอได้ เด็กชายที่ต้องรับผลพวงจากพ่อและแม่ที่ไปกันคนละทาง กชกรรู้สึกผิดว่าตนเองแย่งอธิปมาจากเด็กชาย จึงรักและสงสารอัคคีนัก ความรู้สึกหวังดีนี้เผื่อแผ่ไปยังสุวีร์ด้วย แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่อยากรับมันไว้และรังเกียจเธอก็ตามที
คงจะเป็นกงเกวียนกำเกวียน ที่หมุนเวียนกันมาแต่ชาติปางก่อนกระมัง กชกรคิดอย่างปลงๆ ถึงได้มาพัวพันกัน สร้างความเจ็บร้าวให้กันในชาตินี้ แต่เธอก็ขอทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ในการทำหน้าที่เป็นภรรยาของอธิป มอบความเอื้อเฟื้อห่วงใยไปยังชายหนุ่มที่เธอรักดั่งลูก และภรรยาอีกคนของอธิปด้วยใจจริง แม้ว่าเธอจะถูกอีกฝ่ายเกลียดชังเพียงไหนก็ตามที...