ตอนที่ 3-1
กล่องของขวัญถูกวางลงตรงหน้าน้องชาย พร้อมกับรอยยิ้มนิดๆ ที่มุมปาก อติกานต์มองใบหน้าคมสันที่ไม่เหมือนเขาเลยสักนิด มีเพียงส่วนคล้ายก็คือเขี้ยวเสน่ห์เวลายิ้มเท่านั้น อัคคีหล่อเหลาคมเข้ม มีบางส่วนคล้ายไปทางชายหนุ่มยุโรป เพราะอธิปเองเป็นลูกเสี้ยวสเปน ส่วนเขาหน้าตาละม้ายคล้ายมาทางมารดา ที่มีเชื้อสายจีน และถอดแบบท่านมาเกือบทั้งหมด จึงเป็นหนุ่มตี๋หน้าตาดี ที่ยิ้มได้อบอุ่น ตามแบบบุคลิกของเขา ถ้าอัคคีเหมือนราชสีห์เจ้าป่าที่สง่างาม นัยน์ตาคมกริบพร้อมมองจ้องเหยื่อ อันตรายและน่าหลีกหนีให้ไกล อติกานต์ก็คงจะคล้ายกับช้าง ที่ตัวโต ดูง่าย เป็นมิตร อบอุ่น ปานนั้นกันเลยทีเดียว
“อะไรครับพี่อาร์ต หวังว่าคงจะไม่ใช่...”
“เหมือนปีที่แล้ว”
ริมฝีปากได้รูปนั้นตอบสั้น ทำเอาคนที่กำลังลุ้นของขวัญวันเกิดถึงกับย่นคิ้ว แล้วหัวเราะเบาๆ
“ว้า...หมดอารมณ์จะลุ้นเลยครับพี่อาร์ต ให้อะไรผมนอกจากเงินบ้างก็ได้นะครับ”
ผู้เป็นน้องชายกระเซ้า และแกะกล่องหยิบเอาเช็คออกมาดู เขาเห็นจำนวนเงินในเช็คเข้าก็ทำคิ้วขมวดเสียงทุ้มเอ่ยอย่างขลาดๆ
“เยอะเอาการนะครับพี่อาร์ต แล้วคุณ...”
“เงินของพี่ส่วนของพี่ พี่จะให้ใครก็ได้”
เสียงเข้มๆ นั่นขัดขึ้นเสียงก่อน อติกานต์ถอนใจเล็กน้อย จำนวนเงินนั้นมากจนเขาเกรงว่าพี่ชายอาจจะมีเรื่องกับมารดาได้ ก็สุวีร์ไม่ชอบเขาและกชกรมารดา การที่อัคคีมาคลุกคลีที่บ้านหลังนี้ และสนิทสนมกับเขา มันก็ทำให้สุวีร์โกรธเคืองบุตรชายคนเดียวของเธอ และบางคราวก็ถึงขั้นทะเลาะกันมาแล้ว เมื่ออัคคีเอาเงินส่วนหนึ่งมาร่วมลงทุนกับบริษัทของน้องชายที่พึ่งเริ่มก่อตั้ง
“เอ้า! คุณอาร์ต มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ มาเงียบๆ ไม่ได้ยินเสียงเลย”
เสียงเอ่ยทักทายอย่างยินดี ดังขึ้นมาจากสตรีวัยกลางคนรูปร่างเล็ก เธอมีใบหน้าใจดี ยิ้มจนเห็นร่องรอยแห่งวัยเกือบทุกรอยเมื่อเห็นใบหน้าคมสันของอัคคี ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ แล้วจูงมือจูงไม้ชายหนุ่มด้วยความดีใจ อัคคีเกร็งเล็กน้อยกับสัมผัสนั้น แต่ก็เดินตามเธอไปแต่โดยดี
“มานี่ค่ะ วันนี้ น้าทำของชอบของคุณอาร์ตด้วย ยำปูนิ่ม กับพล่ากุ้ง ทานกับเบียร์เย็นๆ เดี๋ยวน้าเอามาเสิร์ฟนะคะ วันนี้จัดงานกันข้างหลังบ้านนี่ก็แล้วกัน บรรยากาศกำลังดี”
กชกรจัดการเสร็จสรรพ จัดที่นั่งให้เขาตรงศาลาเล็กๆ ตรงสวนหลังบ้าน ตอนนี้มีไม้ดอกออกดอกกันสะพรั่ง ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ รื่นรมย์นัก อติกานต์ที่เดินตามหลังพี่ชายคนละมารดามาเอ่ยกระเซ้ากรกช ที่มัวแต่เอาใจอัคคี จนลืมเจ้าของวันเกิดอย่างเขาไปเสียสนิท
“แม่บัวครับ ตกลงนี่วันเกิดใครครับ พี่อาร์ตหรือว่าผม”
กชกรหันมาค้อนบุตรชาย แล้วเอาเล็บแหนบเอาเบาๆ อย่างหมั่นไส้ ก่อนจะเดินหายกลับเข้าไปในครัว เพื่อจัดแจงเอาอาหารมาบริการสองหนุ่ม อัคคีมองอาการสนิทสนมของสองแม่ลูกแล้วยิ้มน้อยๆ นัยน์ตาคมกริบสีน้ำตาลเข้มส่งประกายหม่นชั่วครู่ ก่อนจะแปรเป็นแบบเดิม เมื่อน้องชายมานั่งตรงกันข้ามกับเขา
“คืนนี้พี่อาร์ตจะค้างที่นี่ไหมครับ พ่อมีโปรแกรมพิเศษให้เราสองคนด้วย เห็นว่าจะท้าพี่อาร์ตดวลดื่ม แต่ผมขอเชียร์นะครับ เพราะสู้ไม่ไหว”
“พี่อยู่ถึงแค่หกโมงเท่านั้นนายอาร์ต ต้องรีบกลับไปธุระ”
นึกถึงธุระด่วนของเขาที่จัดมาแบบกะทันหันก็ทำปากเบ้ อย่างไม่ชอบใจนัก ให้เขานั่งทานข้าวคนเดียวดีกว่าร่วมโต๊ะกับมารดา เขาเกลียดสายตาของท่านยามจ้องมองเขา เกลียดบางคำพูดที่เอ่ยถึงบิดา แม้ว่าอธิปจะผิดที่มามีภรรยาอีกคน และไม่ค่อยกลับไปที่บ้านเสรษฐภูมินัก แต่อัคคีก็ไม่เห็นว่าจะเป็นเรื่องร้ายแรงที่ต้องโกรธเกลียดบิดา ถ้าเป็นเขา เขาก็คงจะทำเหมือนอธิป สุวีร์ทำตัวของตัวเองแท้ๆ
“เสียดายจัง ตอนแรกผมนึกว่าพ่อจะมาพร้อมพี่อาร์ตเสียอีก กลับเร็วแบบนี้ก็หมดสนุกสิครับ”
อติกานต์บ่นงึมงำ อธิปทำงานบริษัทเดียวกับบุตรชาย ในตำแหน่งผู้บริหารสูงสุด ที่มักจะมีงานยุ่งเสมอ เพราะตอนนี้กิจการกำลังรุดหน้า
“พ่อติดงานน่ะ ร่างแผนการเพิ่มเงินลงทุน พี่ต้องเจรจาเป็นคนกลางอีกแล้ว โคตรน่าเบื่อ”
ชายหนุ่มบ่นอย่างอดไม่ได้ คนกลางที่เขาพูดถึงก็คือการที่เขาต้องเป็นเหมือนล่าม วิ่งไปมาระหว่างบิดากับมารดา ทั้งสองทำงานบริษัทเดียวกัน แต่ไม่ยอมมองหน้ากัน หรือพูดคุยกันสักคำ ก็ยังดีที่สุวีร์ยังทำงานอยู่ในบริษัทเดียวกับบิดาได้ ก็อย่างว่า บริษัทนี้เป็นสิ่งที่มารดาประกาศนักว่าเธอรักมากและมุ่งมั่นกับมันมากขนาดไหน
นั่นก็เพราะบริษัท เอส พี คอปปอเรชั่น เป็นผลพวงมาจากการแต่งงานรวมสองตระกูลระหว่างครอบครัว เอนกอนากุล และเสรษฐภูมิเข้าด้วยกัน สุวีร์จึงทุ่มเทชีวิตของตนให้กับงาน เพราะถือว่าส่วนหนึ่งมันได้พังทลายไปแล้วกับอธิป หลังจากการแต่งงานอันรวดร้าวนั่น สุวีร์คิดแค้นและจำฝังใจ เธอเองก็อยู่กับเขาเพราะหน้าที่ บริษัทนี้เป็นเหมือนสิ่งที่เป็นหน้าที่ ซึ่งยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอ พิสูจน์ให้บิดามารดาเห็นว่า เธอเป็นลูกที่ดีมากขนาดไหน
“คิดก็ปวดหัวแล้วครับพี่อาร์ต”
อติกานต์ยิ้มแหยๆ เขารู้ตื้นลึกหนาบางของครอบครัวดี ตอนนี้เขาใช้นามสกุลมารดา ไม่ได้ใช้นามสกุลเสรษฐภูมิเหมือนพี่ชาย และแม้จะเป็นลูกภรรยารอง แต่เขาก็ได้รับความรัก ความอบอุ่นอย่างเต็มเปี่ยมจากมารดา กชกรเองนั้นถึงจะหวานอมขมกลืนกับฐานะที่เป็นอยู่บ้าง แต่เพราะเธอรักอธิป เธอจึงยอมได้ทุกอย่าง อธิปเองก็เลือกที่จะอยู่กับคนที่ทำให้เขาสบายใจนั่นก็คือกชกร มากกว่าจะอยู่กับผู้หญิงที่มองว่ากลายเป็นนางมารร้ายอย่างสุวีร์ อติกานต์จึงแทบไม่ได้ขาดความรักใดๆ เลย และยอมรับกับสิ่งที่ตัวเองเป็นอย่างหน้าชื่น เขารักอัคคีมากนับถือชายหนุ่มเป็นดั่งพี่ชาย แม้จะพึ่งมาได้อยู่คลุกคลีกันห้าหกปีหลังนี่ก็ตามที และกว่าที่อัคคีจะยอมรับเขา ก็เหนื่อยพอสมควรกันเลยทีเดียว ปราการของชายหนุ่มสูงนัก แต่เมื่ออติกานต์ฝ่าเข้าไปได้ อัคคีก็พร้อมที่จะให้น้องชายคนนี้ได้ทุกอย่าง
“น่าจะจ้างเลขาสักคนให้สองคนนี่ เอาไว้เป็นล่ามแทนพี่”
อัคคีว่า พลางถอนใจ อติกานต์บ่นบ่ากว้างของพี่ชายเบาๆ อย่างจะปลอบ แล้วชวนเขาคุยเรื่องอื่นให้ไปไกลจากเรื่องงานเสียบ้าง
“ผมได้งานอีเว้นท์ เกี่ยวกับจัดงานแสดงรถยนต์รุ่นใหม่มา พี่อาร์ตสนใจหรือเปล่าครับ เป็นรถรุ่นที่พี่อาร์ตชอบพอดีเลย เขาเปิดตัวในเมืองไทย นำเข้าแค่ไม่กี่คัน ทำเป็นรุ่นอัลลิมิเต็ด”
“หืม?”
เมื่อได้ยินในสิ่งที่สนใจ อัคคีก็เหมือนจะลืมเรื่องกลุ้มไปได้ชั่วคราว เขาค่อนข้างจะหลงใหลในเครื่องยนต์ และความเร็ว ชายหนุ่มสะสมรถยนต์ที่มีสมรรถนะแรงสูงไว้หลายคัน เข้าร่วมการแข่งขันความเร็วด้วยเป็นบางครั้ง แต่ตอนนี้เขาไม่ค่อยมีเวลามากเหมือนเมื่อก่อนเท่าไหร่นัก เพราะมาทำงานบริหารที่บริษัทแบบเต็มตัว
“งานมอเตอร์โชว์ก็พึ่งจะหมดลงไปด้วย เลยต้องทำให้น่าสนใจนิดหนึ่ง ผมยังคิดโครงงานไม่ออกเลยครับพี่อาร์ต” อติกานต์บ่น แล้วหัวเราะเบาๆ ก่อนจะแก้ตัวกับอัคคี