บทที่ 1 (2)
“ก็ตอนนี้เราเปลี่ยนใจแล้ว และก็อยากออกไปดูสาวๆ หน่อย เผื่อว่าจะเจอคนที่ถูกใจ จะได้คว้ามานอนกอดให้หายหนาวในคืนนี้”
องครักษ์ คาฟาลลอบถอนหายใจยาวเป็นครั้งที่สิบเห็นจะได้ แต่เมื่อไม่อาจต้านความประสงค์ของผู้เป็นเจ้าเหนือหัวได้ ก็ได้แต่หยิบเสื้อผ้ามาช่วยสวมใส่ให้กับชีคผู้อาจหาญ พร้อมกันนั้นก็ได้ภาวนา บนบานศาลกล่าวอยู่ในใจแต่เพียงผู้เดียว
‘สาธุ...ขอให้ท่านชีคเจอแม่เสือสาวที่จะลบลาย ขจัดความเจ้าชู้ออกไปจากตัวฝ่าบาทสักทีเถอะ หากท่านชีคเจอหญิงงามที่ใช่ จนยอมมอบใจภักดิ์ให้ ภายในค่ำคืนนี้ ลูกช้างจะถวายผลหมากรากไม้ เห็ด เป็ด ไก่ สัก 9 ชุดเลยครับ’
ชีคฮาริคเหลือบสายตามาเห็นเข้าพอดิบพอดี ตอนที่องครักษ์ คาฟาลทำปากพะงาบๆ ราวกับกำลังพูดอยู่กับใครอยู่ ก็ได้ตะคอกถามเสียงดังลั่นติดห้วนๆ จนผู้เป็นองครักษ์เอกถึงกับสะดุ้งเฮือกหน้าถอดสีด้วยความตกใจ
“ คาฟาล! เจ้าบ่นอะไร ทำปากขมุบขมิบราวกับกำลังร่ายคาถายังไงยังงั้น”
“เอ่อ...ปะ...เปล่าพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท กระหม่อมไม่ได้พูดอะไรเลยนะพ่ะย่ะค่ะ”
องครักษ์ คาฟาลแก้ตัวไปแบบน้ำขุ่นๆ พร้อมกันนั้นก็รีบก้มหน้าก้มตาช่วยท่านชีคแต่งกายให้เรียบร้อย จากนั้นก็หยิบหน้ากากสีทองรูปสิงโตมาให้เจ้าเหนือหัวได้สวมใส่เฉกเช่นแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน ซึ่งล้วนแต่สวมหน้ากากด้วยกันทั้งสิ้น
“ไปกันได้แล้ว คาฟาล”
ชีคฮาริคในชุดแฟนตาซีสีดำสนิท สวมหน้ากากสีทองรูปสิงโต ได้ก้าวเดินด้วยท่วงทาผึ่งผายสง่างาม อำนาจบารมีของความเป็นผู้นำได้แผ่ซ่านออกรอบกาย ก่อนหน้านี้พระองค์ได้แอบเข้าไปในงานเลี้ยงด้วยการปลอมตัวเป็นหนึ่งในแขก
เหรื่อที่ได้รับเชิญมาร่วมงานเลี้ยง เพื่อเข้าไปเฝ้าสังเกตการณ์ คอยแอบฟังบรรดาสาวๆ ปากมากนินทาพระองค์
แต่ในเวลานี้...พระองค์จะก้าวเดินเข้าสู่ห้องจัดเลี้ยงในฐานะของท่านชีคแห่งประเทศฮาริยา ซึ่งใครๆ ต่างก็รอคอยยลโฉมรูปกายอันหล่อเหลาองอาจของพระองค์
สุ้มเสียงของบรรดาสาวๆ และแขกเหรื่อทุกๆ คน มีอันต้องเงียบกริบลงทันที คงมีแค่เพียงเสียงดนตรีจากวงออ
เคสตร้าเท่านั้น ที่บรรเลงเบาๆ เป็นการขับกล่อมผู้คนที่อยู่ภายในสถานที่แห่งนี้ เมื่อชีคฮาริค ดาเนียล อิสมาแอล ได้ปรากฏกายในห้องจัดเลี้ยงด้วยชุดสีดำสนิท ใส่หน้ากากสิงโตสีทองมองดูน่าเกรงขามสมกับฐานันดรศักดิ์อันสูงส่ง โดยมีองครักษ์เอกอย่าง คาฟาลซึ่งอยู่ในชุดแฟนตาซีสวมหน้ากากเงินคอยทำหน้าที่เป็นองครักษ์พิทักษ์ผู้เป็นเจ้าเหนือหัวไม่ได้ห่าง
ชีคฮาริคทรงยืนเด่นอยู่กลางห้อง ที่รายล้อมไปด้วยบรรดาสาวๆ ทั้งหลาย ที่พยายามจะเข้ามาเสนอตัว เสนอกายเข้าใกล้ชิดกับพระองค์ให้ได้มากที่สุด ทว่าพวกเธอเหล่านั้นก็ไม่อาจเข้าใกล้เรือนกายกำยำของท่านชีคฮาริคได้ตามที่ใจนึกคิด เพราะนอกจากจะมีองครักษ์ คาฟาลที่ทำหน้าที่เป็นองครักษ์หน้ายักษ์คอยกันไม่ให้บรรดาสาวๆ เข้าใกล้ท่านชีคในระยะห้าหลาได้แล้ว ยังมีองครักษ์อีกหลายนาย ที่คอยยืนล้อมรอบเป็นดั่งกำแพงอีกชั้น ที่กั้นไม่ให้สาวๆ ได้มาแตะเนื้อต้องตัวท่านชีคได้
ชีคฮาริครับแก้วแชมเปญมาจากองครักษ์ คาฟาลก่อนจะชูแก้วขึ้นสูง แล้วตรัสขอบใจบรรดาแขกเหรื่อทุกคนที่ได้มาร่วมงานเฉลิมฉลองวันประสูติครบรอบปีที่ 34 ของพระองค์
“เราขอบใจทุกท่าน ที่ได้มาร่วมงานฉลองในวันนี้”
ตรัสบอกเสร็จแล้ว ก็ทรงยกแชมเปญขึ้นจิบเพียงเล็กน้อยพอเป็นพิธี ซึ่งบรรดาแขกเหรื่อทุกคนในห้องต่าง ก็พากันชูแก้วขึ้นสูง พร้อมกับจิบแชมเปญบ้าง หลังจากที่ท่านชีคฮาริคได้เป็นประธานเบิกฤกษ์จิบแชมเปญเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ขอให้ทุกคนสนุกให้เต็มที่ ถือเสียว่าเป็นการให้กำไรกับชีวิต หลังจากที่ได้ตรากตรำทำงานมาทั้งปี”
ทรงตรัสบอกทุกคนอีกครั้ง และแทนที่จะเลือกสาวๆ ออกไปควงเต้นรำวาดลวดลายเช่นการจัดงานเลี้ยงครั้งที่ผ่านๆ มา ชีคฮาริคกลับเดินไปนั่งบนเก้าอี้ที่จัดไว้สำหรับพระองค์โดยเฉพาะ สร้างความแปลกใจระคนงุนงงให้กับองครักษ์
คาฟาลและบรรดาสาวๆ เป็นอย่างมาก ด้วยทุกคนหวังเหลือเกินว่าท่านชีคฮาริค จะคว้าพวกตนไปเต้นรำเปิดฟลอร์ในค่ำคืนนี้
“ฝ่าบาท ไม่ออกไปเต้นรำหรือพ่ะย่ะค่ะ”
องครักษ์ คาฟาลเข้าไปกระซิบถามเจ้าเหนือหัว รู้สึกได้ว่าวันนี้ท่านชีคของตน ทรงทำอะไรแปลกๆ ที่เขาคาดไม่ถึงอยู่เรื่อย
“ไม่ล่ะ คาฟาลก็บอกแล้วว่าเราเบื่อ ตอนที่คิดจะจัดงานเลี้ยงเรารู้สึกตื่นเต้นจนแทบทนรอวันนี้ไม่ไหว แต่พอเอาเข้าจริงๆ เรากลับรู้สึกเบื่อหน่ายอย่างบอกไม่ถูก งานเลี้ยงที่เคยสนุก กลับทำให้เรารู้สึกเซ็งจนง่วงนอนอย่างบอกไม่ถูก”
ไม่ได้ตรัสบอกแต่ปากเปล่า แต่ชีคฮาริคได้อ้าปากหาวนอนติดๆ กันหลายครั้ง บ่งบอกให้องครักษ์เอกรู้ว่าพระองค์นั้นเบื่องานเลี้ยงในค่ำคืนนี้จริงๆ
“บอกยกเลิกงานเลี้ยงซะ คาฟาลเราอยากกลับไปนอนแล้ว”
คราวนี้ทรงตรัสสั่งพร้อมกับลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ทำท่าจะเดินออกจากห้องจัดเลี้ยงทันที หากไม่มีมือใหญ่ขององครักษ์ คาฟาลจับยึดต้นแขนของเจ้าเหนือหัวไว้ ป่านนี้เรือนกายกำยำล่ำสันของชีคฮาริค คงได้เผ่นแนบออกจากห้องจัดงานเลี้ยงไปนานแล้ว
“โธ่...พระองค์ อย่าเพิ่งไปเลยพ่ะย่ะค่ะ ทรงทนนั่งอยู่ในนี้อีกสักชั่วโมงเถอะพ่ะย่ะค่ะ”
องครักษ์ คาฟาลขอร้อง พร้อมกับทำใจกล้าฉุดแขนเจ้าเหนือหัวให้ทรุดกายลงนั่งอีกครั้ง พร้อมกับเอ่ยแนะนำเผื่อว่าท่านชีคจะทรงเปลี่ยนใจยอมทำตามคำแนะนำของตน
“ฝ่าบาท ถ้าเบื่อมาก กระหม่อมว่าฝ่าบาทออกไปเต้นรำเปิดฟลอร์สักเพลงเถอะพ่ะย่ะค่ะ จากนั้นกระหม่อมจะบอกกับแขกทุกคนว่าฝ่าบาทไม่ค่อยสบาย เลยเสด็จกลับไปพักผ่อนก่อน”
ชีคฮาริคซึ่งเอามือเท้าคาง ตีสีหน้าเซ็งสุดๆ ขณะที่ได้ทอดสายตามองไปยังผู้คนที่ต่างก็พากันเต้นรำอย่างสนุกสนาน พระองค์ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมจู่ๆ ความเบื่อหน่าย เบื่อชีวิตที่เต็มไปด้วยบรรดาสาวๆ ที่ต่างก็คอยล้อมหน้าล้อมหลัง ถึงได้จู่โจมเข้าตัวพระองค์อย่างกะทันหัน ทำให้มองไปทางไหนก็เห็นแต่ความน่าเบื่อจนแทบจะทนนั่งอยู่ภายในห้องนี้ไม่ได้อีกต่อไป
“เราไม่รู้จะเต้นรำกับใครดี” ทรงพึมพำออกมาเบาๆ ก่อนจะตรัสบอกองครักษ์เอกต่อ “สาวๆ พวกนั้นคอยจ้องเขมือบเราอย่างที่พวกเธอว่า ถ้าเป็นแต่ก่อนเราคงรู้สึกสนุกและตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย ที่จะเล่มเกมพิศวาสกับพวกเธอ แต่บอกตามตรงนะว่าตอนนี้เราไม่อยากเล่นเกมนี้แล้ว เราอยากเจอสาวๆ จำพวกที่คอยวิ่งหนีไฟสวาทของเราบ้าง เฮ้อ! แต่อย่างว่าแหละ ไม่รู้ว่ายังจะมีสาวที่ว่าหลงเหลืออยู่อีกหรือเปล่า”
“เอาน่าฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่าภายในกองก้อนกรวด จะต้องหนึ่งในล้านที่จะเป็นเพชรน้ำหนึ่งน้ำเอกอันสวยงาม ที่รอให้ฝ่าบาทได้คว้ามาครอบครอง”
“ให้กำลังใจดีมาก คาฟาล”
ชีคฮาริคตรัสออกมาแกมประชดประชัน พลันนั้นหัวสมองอันฉลาดปราดเปรื่อง ก็ผุดความคิดดีๆ ขึ้นมาความคิดหนึ่ง พอฉุกคิดได้เช่นนั้น ก็ทรงตรัสบอกให้องครักษ์ คาฟาลได้ไปสั่งให้วงออเคสตร้าหยุดบรรเลงเพลงชั่วขณะ
“ คาฟาลเจ้าไปบอกพวกนักดนตรีให้หยุดเล่นก่อน”
“ทำไมหรือพ่ะย่ะค่ะ”
องครักษ์ คาฟาลเอ่ยถามด้วยความงุนงง ใคร่อยากรู้เหลือเกินว่าเจ้าเหนือหัวของตนนั้น คิดจะทำอะไรถึงได้สั่งออกไปเช่นนี้
ชีคฮาริคทรงแย้มยิ้มตรงมุมปาก ก่อนจะตรัสตอบด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด
“เราจะเล่นเกมรจนาเลือกคู่ เสี่ยงพวงมาลัยว่าเราจะได้พบกับเพชรน้ำงามอย่างที่เจ้าบอกหรือเปล่า”
“เอายังงั้นเลยหรือพ่ะย่ะค่ะ”
องครักษ์ คาฟาลถามยิ้มๆ พอท่านชีคฮาริคพยักหน้ารับ ก็รีบเดินไปบอกให้วงออเคสตร้าหยุดบรรเลงเพลงครู่หนึ่ง ซึ่งทันทีที่เสียงเพลงอันไพเราะเพราะพริ้งได้หยุดลง บรรดาสาวๆ และแขกเหรื่อทุกคนต่างก็หันไปมองที่ท่านชีคฮาริคเป็นจุดเดียวกัน ต่างก็รอคอยว่าพระองค์จะประกาศเรื่องใดออกมา และเมื่อได้ยินคำประกาศของราชนิกุลหนุ่มผู้หล่อเหลา บรรดาสาวๆ ต่างก็พากันร้องกรี๊ดด้วยความตื่นเต้นดีใจ ด้วยหวังว่าตนเองจะเป็นหญิงสาวผู้โชคดีคนนั้น
ชีคฮาริคผุดลุกขึ้นยืนเผยให้เห็นเรือนกายที่ล่ำสันบึกบึน เป็นที่ต้องตาของสาวๆ ทั้งหลาย ทรงกวาดสายตามองทั่วห้องจัดงานเลี้ยง ก่อนจะตรัสสั่งเสียงเข้ม
“ทุกคนเงียบๆ เสียงกันหน่อย” ทรงยกมือห้ามทัพให้บรรดาสาวๆ ได้หยุดวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา พอภาย
ในห้องจัดงานเลี้ยงตกอยู่ในความเงียบสงบอีกครั้ง ก็ได้ตรัสบอกถึงความต้องการของพระองค์ ที่เรียกเสียงฮือฮาได้จากทุกคน ณ ที่แห่งนี้ทันที
“วันนี้เราจะเล่นเกมเสี่ยงดวงกันสักหน่อย สาวๆ คนไหนที่ได้เต้นรำกับเราในเวลาเที่ยงคืนพอดี เราจะมอบจุมพิตหวานๆ ให้กับสาวผู้โชคดีผู้นั้น และที่สำคัญเธอผู้นั้นจะได้อยู่กับเราตลอดค่ำคืนนี้ พร้อมกับรางวัลตอบแทนเป็นเงินสดจำนวนห้าล้าน”