9 พ่อมาตาม
“น่าสงสารนะพี่กำนัน เห็นอาการนาแล้วกลุ้มใจจริงๆ ถ้าหากว่าลูกเราเป็นอย่างนี้ อรคงทนไม่ได้ ร้องไห้ตายแน่ๆ เลย”
“นั่นสิ พ่อมันไม่สนใจไปคนหนึ่งแล้ว แม่มันก็ช่างทิ้งขว้างไปได้ เฮ้อ เด็กตัวแค่นี้จะรับผิดชอบอะไร เราคิดถูกแล้วที่รับไว้ เลี้ยงเอาบุญ เวทนามัน ลูกเราก็จะได้มีเพื่อน ไม่เหงาด้วย พ่วงเห็นว่าไง”
“ก็ไม่ว่าอะไร ดีเสียอีก ฉันเองก็อยากมีลูกสาวเพิ่มขึ้นอีกคน”
“งั้นพี่ก็ดีใจที่พ่วงไม่ได้รังเกียจเดียดฉันท์มัน รักให้เหมือนกับลูกของเรา ให้กินและสิ่งของเหมือนกันทุกอย่าง เด็กจะได้ไม่น้อยใจ”
“จ้ะ พี่กำนัน เรื่องแบบนั้น ฉันมั่นใจว่าเป็นคนยุติธรรมอยู่แล้ว”
ทั้งสองยิ้มให้กันอย่างมีความสุขต่อการที่ได้อุปถัมภ์เด็กหญิงรสนาเอาไว้ในฐานะลูกคนหนึ่ง ทว่ากรรมของเด็กหญิงยังไม่หมด ขณะที่พ่วงกำลังจัดที่นอนให้แก่เด็กน้อย เสียงใครบางคนตะโกนโหวกเหวกอยู่ข้างล่าง พ่วงถึงกับชะงักมือ
เขม้นมองลงไปด้วยความกังขา ได้แต่ถามตัวเองว่าใครเรียก เสียงคุ้นๆ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนและเสียงนั้นอ้อแอ้เต็มที
“พี่กำนัน ใครมาเรียกเรา”
“ไม่รู้เหมือนกัน เดี๋ยว ขอดูก่อน”
“พี่กำนัน ระวังด้วยนะ ถ้าหากว่าเป็นพวกคนร้าย”
เมียเตือนด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นกำนันโผล่หน้าออกไปนอกหน้าต่าง จากนั้นหันกลับมา ถอนใจเบาๆ
“ใครจ๊ะพี่”
“ไอ้ไทย พ่อนังหนูนานั่นแหละ”
“มาทำไมนี่ก็มืดค่ำแล้ว”
“นั่นสิ มาทำไมก็ไม่รู้ แต่มันคงไม่มาดีหรอก เมาเสียจนยืนแทบไม่อยู่อย่างนั้น ไอ้คนนี้ไม่ธรรมดาแน่”
“หรือว่าเกี่ยวกับนังหนูนา”
พ่วงเอ่ยออกมาเบาๆ ประหลาดใจที่ไทยมาส่งเสียงตะโกนเรียกกำนันอยู่หน้าบ้าน ขณะเดียวกันเด็กหญิงรสนานั่งอยู่ใกล้ๆ ใจหายวาบ รู้ว่าพ่อคงมาตามให้กลับไปอยู่ที่บ้าน เธอกอดผ้าห่มเก่าๆ ของแม่เอาไว้ด้วยความกลัว กำนันอ่วมเห็นแล้วอดเวทนาไม่ได้
“พี่จะออกไปดู มันมีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
“ค่อยๆ พูดนะพี่ คนเมาส่วนใหญ่จะไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก ฉันสงสารเด็ก นา มานั่งใกล้ๆ ป้า อย่าแอบข้างฝาอย่างนั้น”
“นากลัวพ่อจะตี”
เด็กหญิงเสียงสั่นพอๆ กับเนื้อตัวที่ไหวระริก ดวงตามองไปที่ประตูบ้านด้วยอาการหวาดระแวง เมียกำนันอ่วมเห็นดังนั้น ถอนใจเฮือกใหญ่ สงสารเด็กน้อยอย่างที่สุด ปัญหาต่างๆ เกิดขึ้นเพราะผู้ใหญ่ก่อขึ้นมาทั้งสิ้น
“ไม่ต้องกลัว อยู่ที่นี่ ลุงกำนันดูแลอย่างดี”
“นาไม่อยากไปอยู่กับพ่อ กลัวเมียใหม่ มันจะตีนา”
“อย่ากลัวเด็ดขาด เราต้องสู้ ใครก็ตามที่หนี เท่ากับว่าปล่อยให้เขาทำร้ายเรา จำไว้ หนูนา”
“จ้ะ ป้าพ่วง นาจะไม่หนี สู้ทุกคนที่คิดไม่ดี”
เด็กหญิงรสนารับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะต้องสู้ให้ถึงที่สุด ดวงตาคู่เล็กมองตามร่างท้วมของกำนันที่เดินออกมาตรงนอกชาน ส่วนเบื้องล่างไทยยืนโงนเงนใต้ต้นขนุน ท่าทางคงกรึ่มมาได้ที่ ศีรษะที่เส้นผมยุ่งเหยิงส่ายไปมา
“กำนัน ออกมาแล้วหรือ คิดว่าหลับไม่รู้เรื่อง”
“มีอะไรวะไอ้ไทย มาเรียกค่ำๆ มืดๆ ข้ากำลังเข้านอนพอดีเลย”
“ไม่มีอะไรมากนักหรอก วันนี้ฉันไปที่บ้านมา รู้ว่านังรินมันหนีไปแล้ว ทิ้งลูกให้อยู่คนเดียว ฉันเป็นห่วง กลัวมันจะคิดมาก กำนันเอามาอยู่ที่นี่ก็ดี แต่จะดีกว่านี้ ถ้าลูกอยู่กับพ่อ”
“อ้อ จะเอานาไปอยู่ด้วยหรือไง”
“ใช่ กำนัน คืนนังนามาให้ฉันเสียดีๆ”
ไทยร้องขอในลักษณะเสียงกระชากข่มขู่ รู้ว่าไม่ใช่เรื่องธรรมดา กำนันลงไปข้างล่างประจันหน้ากับชายผู้ไร้อนาคต
“พูดดีๆ หน่อยไอ้ไทย ลูกเอ็งไม่มีคนดูแล ข้าต้องรับมาเลี้ยงดู ก่อนหน้านั้นหรือ เอ็งเคยดูมันไหม รินเข้าไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล นาอยู่บ้านคนเดียว อดๆ อยากๆ ข้านี่แหละคอยส่งข้าวส่งน้ำไปให้ ไม่อย่างนั้นมันอดตายแน่”
“เรื่องนั้นฉันขอบคุณกำนันมากที่ช่วยดูแลมัน”
“เอ็งเป็นพ่อประสาอะไรวะ ทิ้งลูกไปหาความสุขส่วนตัว”
กำนันอ่วมเหลืออดเหลือทนกับผู้ชายคนนี้เต็มที ต่อว่าอย่างไม่เกรงใจ ไทยได้ยินดังนั้น แทนที่จะสลดกลับแหงนหน้าส่งเสียงหัวเราะออกมาดังๆ กลิ่นเหล้าป่าเหม็นคลุ้ง
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า กำนันอย่าพูดอย่างนั้น ผมไม่ได้ทิ้งมันซะหน่อย ตอนแรกก็เห็นว่าแม่มันยังคุ้มกะลาหัวอยู่ ไม่อยากเข้ามายุ่ง ตอนนี้แม่มันทิ้งไปแล้ว ฉันเองก็อยากดูแลลูกบ้าง”
“ดูแลยังไงวะ”
“โธ่ กำนัน คนเป็นพ่อคงไม่ปล่อยให้ลูกมันอดอยากหรอกน่า มีปัญญาหาเงินเลี้ยง เห็นใจฉันเถอะนะ ในเมื่อนังนามันขาดแม่ไปแล้ว อย่าให้ขาดพ่อไปอีกคนเลย คืนมันให้ฉันเถอะนะ โปรดสงสารคนเป็นพ่อด้วย”