8 ไปอยู่บ้านลุงกำนัน
คำถามนี้ทำเอาผู้เป็นแม่น้ำตาซึมด้วยความเสียใจ สงสารลูกสาวตัวน้อยๆ ที่จะต้องใช้ชีวิตอยู่ตามลำพัง มือเล็กเหี่ยวลูบเส้นผมหยาบกระด้างของลูกไปมา รสนากอดแม่เอาไว้แน่น กลัวว่าจะจากไป
“นาก็อยู่บ้านนี่แหละ ลุงกำนันจะคอยมาดูแล ถ้าหากว่าแม่หาเงินได้จะส่งมาให้นาใช้ ซื้อขนม ซื้อเสื้อผ้าสวยๆ ใส่”
“นาซื้อไม่เป็นหรอก”
“แม่เอาเงินมาฝากลุงกำนันเอาไว้ ลุงกำนันเป็นคนดี”
“แต่นาไม่ชอบอรดี สวยกว่า แต่งตัวดีกว่า”
เด็กหญิงโพล่งออกมาด้วยนิสัยเด็กๆ ไม่ชอบเห็นคนอื่นเด่นกว่าตัวเอง ผู้เป็นแม่หัวเราะชอบใจ ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านี้
พลางนึกถึงเด็กหญิงอรดีรู้ว่าดูดีกว่าลูกสาวของตัวเองเป็นไหนๆ แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อเกิดมาบนกองเงินกองทอง
“เอาเถอะ อย่าไปอิจฉาเขาเลย อีกหน่อยนาก็จะมีเหมือนคนอื่นๆ และมีมากกว่าด้วยซ้ำ ถ้าหากว่าแม่ทำงานได้เงินเยอะๆ นาจะสบาย”
“มีกับข้าวอร่อยกับขนมหวานใช่ไหมแม่”
“จ้ะ นอนเถอะนะ แม่สัญญาว่าจะซื้อของกินที่อร่อยมากที่สุดให้นา”
คำสัญญาของแม่กลายเป็นกำลังใจชั้นดีที่มอบให้แก่ลูกสาว ทว่าน้ำตาแม่คลอหน่วย ไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ในเวลานี้ขอแค่เพียงทำให้ลูกมีความสุขก็พอ เช่นเดียวกับรสนา
คืนนั้นจำได้ว่านอนกอดแม่ร้องไห้ทั้งคืน ครั้นรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา รู้ว่าแม่หายไปแล้ว เด็กหญิงผวาลุกขึ้นไปที่ประตูบ้าน ตะโกนร้องเรียกหาแม่เสียงดัง
“แม่ แม่จ๋า แม่อยู่ที่ไหน”
ไม่ว่าจะร้องเรียกสักเท่าไหร่ แต่ไม่มีทีท่าว่าจะเห็นแม่ เด็กหญิงรู้แล้วว่านารินหนีออกจากบ้านไปแล้ว ร่างเล็กบางจ้อยทรุดฮวบลงกับพื้น ควานมือกอดผ้าห่มเก่าๆ กลิ่นเหม็นอับที่แม่เคยห่มเป็นประจำเอาไว้แนบอก ประหนึ่งว่าซับกลิ่นกายแม่เอาไว้
“แม่ทิ้งนาไปแล้ว นาจะอยู่กับใคร”
เสียงเล็กแหลมกรีดแทรกไปในอากาศ บาดลึกเข้าไปในความรู้สึกของทุกคน บางครั้งร้องโหยหวนน่าสงสาร ราวกับได้รับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส
เพื่อนบ้านที่ได้ยินพากันมาที่บ้านต้นเสียง เห็นเด็กหญิงรสนาร้องไห้ ดิ้นพล่านกับพื้น
กำนันอ่วมถูกตามมาดูว่าสมเพชของเด็กหญิง แกก้าวขึ้นมาข้างบนบ้านแล้วก้มลงไปอุ้มร่างเล็กบางเอาไว้
“นา เป็นอะไรไปล่ะลูก”
เสียงที่เต็มไปด้วยความเอื้ออาทร นัยน์ตาที่มองนั้นเปี่ยมไปด้วยเมตตา เด็กหญิงยังคงร้องไห้อย่างหนัก ดวงตาทั้งสองข้างปิดเข้าหากัน สะอื้นจนตัวสั่น
“แม่ แม่หนีนาไปแล้ว นาจะอยู่กับใคร”
“เอ็งไม่ต้องกลัวหรอก อยู่กับลุงก็ได้”
“นาคิดถึงแม่ แม่อยู่ไหน อย่าทิ้งนาไป กลับมาหาลูกสิแม่”
เด็กหญิงผู้น่าสงสารยังคงร้องไห้คร่ำครวญอยู่เช่นเดิม กำนันพยายามปลอบโยนอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าอาการเศร้าเริ่มคลายลง พาไปที่บ้าน
ตั้งใจว่าจะเลี้ยงดู ให้คู่กับอรดีผู้เป็นเด็กหญิงลูกสาวจะได้เป็นเพื่อนกัน
เด็กหญิงอรดีเข้ามาจับมือ แสดงความดีใจออกมา เมื่อรู้ว่าเด็กหญิงรสนาจะมาอยู่ด้วย แต่แล้วก็ต้องหน้าม้านเมื่อผู้มาใหม่ สะบัดหนี
“อย่ามายุ่งกับเรา”
“อ้าว! ทำไมล่ะ”
“เราอยากอยู่คนเดียวมากกว่า”
“เราดีใจนะที่นามาอยู่ด้วยจะได้เป็นเพื่อนกันไงล่ะ”
“อร ปล่อยนาก่อน เพื่อนคงไม่ชิน นา มากินข้าวเสียสิ ไม่มีใครเขาเลี้ยงเอ็ง มาอยู่กับป้าก็ได้ อรจะได้มีเพื่อน อรไปหาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้เพื่อนนะ”
พ่วงเมียกำนันอ่วมเข้ามาโอบกอดเด็กหญิงรสนาเอาไว้และเรียกให้กินข้าว ส่วนเด็กหญิงอรดีไปหาเสื้อผ้ามาเปลี่ยน เมื่อได้เสื้อมาแล้วเธอจับมือเพื่อนผู้น่าสงสารเอาไว้ กล่าวด้วยน้ำเสียงเว้าวอน
“อยู่ที่นี่กับเราเถอะนะ เรามีอะไรก็จะแบ่งให้เธอ”
เด็กหญิงรสนาไม่รับรู้สิ่งใดๆ เวลานี้ดวงใจน้อยๆ คร่ำครวญเรียกหามารดาที่จากไปเหมือนไม่อาลัยใยดีเลือดในอก เธอมีความรู้สึกว่าเหมือนอยู่คนเดียว ไม่มีพ่อแม่ให้ความอบอุ่นเหมือนเด็กคนอื่นๆ กลายเป็นปมด้อยที่จะต้องหาทางทำให้ตัวเองดูดีกว่านี้
แม้ว่าได้รับการปรนเปรอจากสิ่งของ และอาหารหวานคาวอันเลิศรส สำหรับเด็กหญิงรสนาแล้วกับไม่มีความรู้สึกใดๆ ทั้งสิ้น
เย็นมากแล้ว ร่างเล็กบางยังคงนั่งนิ่งอยู่ใต้ถุนบ้านกำนันอ่วม ไม่สนใจจะใส่เสื้อผ้าตัวใหม่หรือว่าขนมแสนอร่อย นัยน์ตาคู่นั้นยังคงเหม่อลอยมองไปที่ถนนหวังว่าจะเห็นแม่ พ่วงหันไปมองหน้ากำนันผู้เป็นเมียแล้วถอนใจ