3 พ่อแย่ แม่น่าสงสาร
“พ่อใจร้าย ไม่เห็นใจต่อความทุกข์ยากของแม่”
น้ำตาเด็กหญิงไหลพรากเมื่อย้อนนึกถึงวันเก่าๆ ที่ผ่านมา ตลอดเวลาสามเดือนที่ผ่านมา ไทยเปลี่ยนไปกว่าเดิม กลับเข้าบ้านด้วยกลิ่นเหล้าที่เหม็นหึ่ง พูดไม่เพราะ มักจะใช้อารมณ์กับเธอและแม่เกือบตลอดเวลา
เงินที่เคยให้ไปกินขนมที่โรงเรียนกลับไม่เคยได้รับ ครั้นไปถาม เขากลับมองตาขวาง เงื้อง่ามือทำท่าจะตี นารินเสียอีกเป็นผู้ที่เข้ามาขวาง ดึงรสนาเอาไว้และไล่ให้ออกห่างๆ จากนั้นทะเลาะกันไม่เว้นแต่ละวัน
กลับเข้าบ้านทีไร ไทยมักอารมณ์เสีย เห็นอะไรก็ขวางหูขวางตาไปหมด ไม่สงสารนารินที่รับจ้างดายหญ้าในไร่ข้าวโพด ตากแดดทั้งวันเพื่อหาเงินมาซื้ออาหารเลี้ยงลูกที่เขาไม่เคยเหลียวแล
แม่ทำงานเหนื่อยจนแทบขาดใจ พ่อกลับเบียดบังเอาเงินจำนวนน้อยนิดไป เด็กหญิงรสนานึกถึงเรื่องที่ผ่านมาแล้ว ร้องไห้ แค้นใจต่อการกระทำของไทยผู้เป็นพ่อ สัญญากับตัวเองว่า จากนี้เป็นต้นไปจะไม่แยแสผู้ชายคนนี้
ตั้งแต่นารินเข้าโรงพยาบาล ไทยไม่เคยแวะไปเยี่ยม มีแต่เพื่อนบ้านกับกำนันอ่วม มักจะเข้าไปสอบถามเกี่ยวกับอาการหญิงผู้น่าสงสาร ทุกครั้งที่กำนันอ่วมเข้ามาในห้องผู้ป่วยรวม ภาพชินตาที่เห็นก็คือ นารินนอนแบบอยู่บนเตียง มีสายน้ำเกลือเจาะลงที่แขน
“เป็นยังไงบ้าง ริน”
“กำนันหรือ เหมือนเดิม เจ็บร้าวไปทั้งตัว ไอ้ไทยมันซ้อมฉัน มันไม่ใช่คน สัตว์กลับชาติมาเกิดแท้ๆ”
“ไม่เอาน่า ทำใจให้สบาย”
“คงไม่ได้หรอก ในเมื่อมันทำซะอานขนาดนี้ อยากจะแจ้งความจับมันเข้าไปกินข้าวแดงในคุกนัก”
ความแค้นที่ถูกไทยซ้อมจนแทบกระอักเลือด ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างผัวเมียขาดสะบั้นลงอย่างไม่มีวันที่จะต่อคืนได้เหมือนเดิม มีแต่ความอาฆาตมาดร้ายที่จะเล่นงานให้เจ็บเช่นเดียวกัน กำนันถอนใจเฮือก รู้แล้วว่าชีวิตครอบครัวของลูกบ้านคนนี้แตกหักอย่างไม่เป็นท่า สงสารแต่รสนาจะต้องเป็นเด็กมีปัญหา
“สงสารลูกบ้างเถอะวะ มันจะรู้สึกยังไงที่แม่จับพ่อเข้าคุก”
“เป็นยังไงหรือ ดีใจน่ะสิ”
“นังริน พูดอะไรอย่างนั้น”
“เรื่องจริง นามันเกลียดพ่อที่ชอบลงมือทำร้ายฉัน กำนัน ฉันขอร้องนึกว่าสงสารเด็กตาดำๆ เถอะนะ ช่วยดูแลลูกสาวฉันด้วย ไหว้ล่ะ”
หญิงผู้น่าสงสารยกมือผอมแห้งที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดปูดโปนขึ้นไหว้ น้ำตาร่วงไหลอาบแก้มตอบ เพียงชั่วครู่เสียงสะอื้นดังขึ้น ร่างบางสั่นสะท้าน กำนันยกมือแตะลงที่บ่าด้วยความสงสาร รับปากว่าจะดูแลเด็กหญิงรสนาให้อย่างดีที่สุด
โดยไม่รู้เลยว่ากำลังเอาความยุ่งยากเข้ามาในบ้านเพราะเด็กหญิงคนนั้นร้ายอย่างสุดๆ
ในแต่ละวันที่ผันผ่าน เด็กหญิงรสนาผู้ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวอย่างโดดเดี่ยว เอาแต่นั่งเหม่อมองทาง หวังแต่เพียงว่าจะได้เห็นแม่ลงจากรถโดยสาร เฝ้ารอด้วยดวงใจปวดร้าว บางครั้งน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
ทุกคนที่ผ่านมาผ่านไปต่างเวทนาต่อสภาพของเด็กน้อย วันๆไม่ทำอะไร ได้แต่นั่งร้องไห้กอดเสาบ้าน คร่ำครวญคิดถึงแม่ บางคนสงสารเอาข้าว ขนมมาให้ แต่ผู้ที่ดูแลอย่างจริงจัง คอยส่งน้ำส่งข้าวให้ก็คือกำนันอ่วมกับเมียและลูก
วันนี้เช่นกัน อรดีเป็นผู้นำอาหารที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ มาให้รสนา เมื่อเหยียบย่างเข้ามาในเขตบ้านที่เต็มไปด้วยหญ้ารกๆ เด็กหญิงผู้น่ารัก ส่งเสียงเรียกทันที
“นา นา พ่อให้เราเอาข้าวมาให้ นี่ก็เกือบเก้าโมงแล้ว เธอคงหิวแล้วสินะ อยู่ไหนล่ะ นา อ้อ อยู่ตรงนี้เอง นี่จ๊ะข้าว”
เมื่อเห็นเด็กหญิงรสนาก้าวออกมาจากหลังต้นเสา อรดียื่นกล่องข้าวให้พร้อมกับยิ้มหวานๆ แต่ก็สะดุ้ง ใจหายวาบ เมื่อเด็กหญิงเจ้าของบ้านเดินตรงเข้ามา ดวงตาวาววับ กระชากกล่องข้าวเต็มแรง ร่างบางเซถลาจนเกือบล้ม
“อุ๊ย!”
“เธอก็รู้ว่าคนหิว ทำไมไม่รีบเอามาให้เร็วกว่านี้”
“เดี๋ยวก่อนสิ แม่รอพ่อค้าไปซื้อของที่ตลาด กว่าจะได้ทำก็สาย”
“อย่ามาแก้ตัวเลย แกล้งกันนี่หว่า ถือว่ารวยรึไงจะให้กินเมื่อไหร่ก็ได้ ใช่มั้ย ฉันล่ะเกลียดนักพวกที่ชอบเหยียบย่ำคนอื่นน่ะ”
น้ำเสียงไม่มีความเป็นมิตรเอาเสียเลย กล่าวอย่างกระแทกกระทั้น แววตาน่ากลัวเพราะเป็นเด็กเก็บกดจากปัญหาครอบครัว ซึ่งเป็นผลกระทบจากพ่อที่ก่อเอาไว้ ทำให้เด็กหญิงอารมณ์เสียง่าย ในใจเต็มไปด้วยไฟร้อน เกลียดชังผู้ที่มีความสุข