2 รสนาเด็กจอมวีน
เด็กหญิงรสนาตะโกนเสียงดังอย่างอารมณ์เสีย เจ้าปลาตัวนั้นเธอเห็นอย่างชัดเจน เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เอาเหยื่อแสนโอชะไปล่อตรงหน้า มันยังนิ่งเฉย ไม่สนใจที่จะอ้าปากงับ เด็กหญิงหงุดหงิดอย่างที่สุด
หลังจากใช้ความพยายามอยู่ชั่วครู่ เด็กหญิงรสนาสิ้นสุดความอดทน ลุกขึ้นยืนกระทืบเท้าแตะยางหูคีบจนเกิดเสียงดังปับๆ
“ไม่ต้องกิน อดไปเถอะไอ้ปลาหน้าโง่”
พร้อมกันนั้นทิ้งคันเบ็ดลงกับพื้นอย่างฉุนเฉียวและก้มลงคว้าก้อนดินขว้างลงไปในน้ำอย่างรวดเร็ว
“ในเมื่อไม่กินเหยื่อก็กินดินแทนแล้วกัน นี่แน่ะ นี่แน่ะ”
ดินนับสิบก้อนถูกขว้างลงไปอย่างไม่ปรานีปราศรัย บ่งบอกถึงอารมณ์ที่ร้ายกาจ หลังจากขว้างปาดินจนเหนื่อย หยุดยืนพักชั่วครู่ เสียงฝีเท้าใครบางคนวิ่งเข้ามาใกล้ๆ พร้อมกับเสียงเรียกชื่อเป็นระยะ
“นา นา นาอยู่ไหน”
แม้ว่าได้ยินคนเรียก แต่เด็กหญิงรสนาไม่ตอบ กลับทำตาขุ่นขวาง กระทั่งเห็นเด็กหญิงผมยาววัยไล่เลี่ยกัน ผิวขาว เนื้อละเอียดนิ่ม หน้าตาน่ารักโผล่เข้ามาจากแนวแมกไม้และอุทานเบาๆ เมื่อเห็นเด็กหญิงรสนาอยู่ที่ริมคลอง
“อ้อ อยู่นี่เอง”
“เรียกทำไม เสียงดังหนวกหู เห็นไหมปลากำลังกินเหยื่อ หนีไปหมดเลย”
“เราขอโทษ”
เด็กหญิงอรดีหน้าเผือดสี กล่าวขอโทษด้วยเสียงเบาหวิวเมื่อได้ยินรสนาตะโกนเสียงดัง หน้าหงิกงอง้ำ ท่าทางไม่สบอารมณ์เอามากๆ อะไรไม่ร้ายเท่าดวงตาคู่นั้นจ้องอรดีจนแทบทะลักออกมาจากเบ้า เด็กหญิงผู้น่ารักหวาดหวั่น รีบคว้ามือเพื่อนเจ้าอารมณ์เอาไว้
“นา อย่าห่วงตกปลาอยู่เลย รีบกลับบ้านเถอะ รู้ไหมตอนนี้พ่อเธอตีแม่อีกแล้วนะ”
“หา อะไรนะ แม่ถูกพ่อตี แม่จ๋า”
รสนาตกใจสุดขีด เมื่อได้ยินคำบอกเล่าจากเพื่อนผู้ที่เหนือกว่าทุกอย่าง คำว่าแม่ถูกทำร้ายสะเทือนใจอย่างที่สุด น้ำตาไหลเอ่อคลอรอบดวงตาคู่คม ริมฝีปากสั่นระริก โกรธพ่อผู้โหดร้ายจนแทบจะกรี๊ดออกมา
“ใช่ พ่อเธอตีแม่ พ่อเราให้มาบอกให้เธอกลับบ้านด่วน”
“แม่ แม่จ๋า อย่าเป็นอะไรนะ”
เด็กหญิงรสนาวัยเจ็บขวบตะโกนเรียกแม่สุดเสียง ออกวิ่งลัดเลาะไปตามชายคลองมุ่งสู่บ้าน เท้าเล็กๆ ซอยถี่ยิบด้วยความเร็ว ดวงใจน้อยๆ ห่วงแต่แม่ รู้ดีว่าพ่ออารมณ์ร้าย ทุบตีแม่แต่ละครั้งไม่เคยยั้งมือ ไม่รู้ว่าครั้งนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง
ทันทีที่ถึงบ้าน เห็นคนออเต็มไปหมด เด็กหญิงรสนาไม่รอช้ากระโจนพรวดขึ้นบันไดทีเดียวสามขั้น ส่งเสียงเรียกแม่ตลอดเวลา
“แม่จ๋า แม่จ๋า”
เสียงเล็กแหลมเสียดแทงเข้าไปในความรู้สึกของทุกคนและพากันหลีกร่างบางที่วิ่งฝ่าฝูงชนเข้าไปกอดประคองแม่ที่นอนตัวอ่อนคอพับ ตามเนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ ปากที่เคยบ่นๆ บัดนี้แตกยับมีเลือดไหลออกมา
รสนาจ้องมองตาถลน เขย่าร่างที่เกือบจะเป็นซากแรงๆ แต่รินไม่รู้สึกตัว เด็กหญิงเอาหลังมือไปรอใต้จมูก รับรู้ถึงลมหายใจเบาๆ สุดจะทนต่อสภาพอันเวทนา เด็กน้อยกรีดร้องสุดเสียง
“แม่!”
“ใครก็ได้ไปเอารถมาพานางรินไปส่งโรงพยาบาล”
“รถใครครับ กำนัน”
“รถที่บ้านข้าก็ได้ ไปเอากุญแจที่เมียข้า เร็วเข้า”
เสียงกำนันอ่วมพ่อของอรดีร้องสั่งลูกบ้านด้วยความกังวล กลัวว่านารินจะสิ้นลมหายใจ ครั้นเห็นรสนากอดผู้เป็นแม่ร้องไห้ปิ่มว่าจะขาดใจ แกก็แทบจะทนไม่ได้ เวทนาที่สุด ขณะเดียวกันชาวบ้านที่ได้รวมตัวเกาะกุมวิจารณ์ต่างทยอยกลับบ้านทีละคนสองคน บางคนด่าสาปแช่งการกระทำของไทยที่โหดร้ายเกินมนุษย์”
“นังนา พ่อเอ็งนี่มันเลวจริงๆ เห็นเมียน้อยดีกว่าเมียหลวง”
“นั่นสิ น้าได้ยินพ่อเอ็งตีแม่เอ็งตั้งนาน แต่ไม่กล้าเข้ามาช่วย จนแม่เอ็งเงียบเสียงนั่นแหละถึงเข้ามาแล้วก็ไปบอกกำนันอ่วม”
ทันทีที่น้าข้างบ้านพูดจบ แววตาเด็กหญิงรสนาฉายความเกลียดชังออกมาอย่างชัดเจน ได้แต่คำรามในลำคอ ในเมื่อรู้ว่าพ่อมีเมียน้อยและที่แม่เจ็บตัวเพราะพ่อเห็นผู้หญิงที่มาทีหลังดีกว่าแม่ จิตใจทำด้วยอะไร
“คนเลว คนเลว”
เผลอพูดออกมาเบาๆ แต่ไม่มีใครได้ยินเพราะกำลังวุ่นอยู่กับการขนย้ายคนเจ็บไปขึ้นรถ ไม่มีใครสนใจเด็กหญิงรสนา ขณะนี้กำมือทั้งสองข้างแน่น
เกลียดผู้หญิงคนนั้นที่ทำลายครอบครัว เกลียดพ่อที่รักผู้หญิงคนใหม่มากกว่าแม่ กล้าที่จะทุบตี ทำร้ายร่างกายจนเกือบตาย
มิน่าล่ะ ระยะหลัง พ่อไม่สนใจครอบครัว กลับบ้านดึก หรือบางวันไม่กลับ หายไปทั้งคืน แม่สอบถามกลับถูกตะคอกใส่ พูดด้วยคำหยาบคาย คงไปกกเมียน้อย อยากรู้เหลือเกินว่าเป็นใคร ทำไมถึงหน้าด้านนัก