15 ความเห็นแก่ตัวของรสนา
“แหม เดี๋ยวนี้พูดเพราะจริง ลุงพาอรไปซื้อหนังสืออ่านเล่นในเมืองนะ อร ไหนบอกว่าจะให้อะไรนาล่ะ”
“จริงด้วยสิพ่อ นา เราให้เธอนะ ขนมเค้กกับเสื้อยืด หวังว่าเธอคงจะชอบ”
“ขอบใจมาก ท่าทางน่าอร่อยดีนะ เราชอบ เธอเป็นเพื่อนที่ดีมาก”
รสนาปากหวานให้คนฟังชื่นใจ เด็กหญิงอรดีเข้ามาจับมือรสนาเอาไว้ สงสารที่แม่ทิ้งและอยู่กับพ่อซึ่งไม่เคยสนใจความเป็นอยู่และถูกแม่เลี้ยงกลั่นแกล้ง เคยเห็นนั่งเศร้าบ่อยๆ แต่ไม่กล้าเข้ามาปลอบโยน สิ่งที่ทำได้คือ ซื้อของมาฝากและช่วยเหลือทุกอย่าง เท่าที่จะทำได้
“ไม่เป็นไรหรอก กินซะแล้วก็ลองเอาเสื้อไปใส่ดูซิว่า ใส่ได้ไหม”
“เราว่าต้องได้แน่ๆ สีชมพูอ่อนเสียด้วย”
“งั้นลุงกับป้าไปก่อนนะ ไหว้พระเถอะลูก ไปอร เรากลับบ้าน ป่านนี้ไก่คงพากันไปเขี่ยพริกที่ตากเอาไว้ตรงลานบ้านหมดแล้วมั้ง”
กำนันชวนลูกกับเมียกลับบ้านเพราะเป็นห่วงพริกที่ตากเอาไว้ เมื่อทั้งสามคล้อยหลัง เด็กหญิงรสนามองตามอย่างโกรธเกลียด
“นังอร แกล้งทำดีกับเรา ให้คนอื่นรู้ว่าเป็นคนดี โธ่เอ๊ย แกล้งสร้างภาพไปอย่างนั้นเอง คอยดูเถอะ ฉันจะต้องดีและเหนือกว่าแกทุกอย่าง นี่ ไอ้ทอง ไปห่างๆ นั่งทับตักอยู่ได้ เมื่อยนะโว้ย”
“พี่ อย่าตี หนูเจ็บ”
“ร้องหรือ งั้นก็ต้องตีๆ ให้หนัก หยุดเดี๋ยวนี้นะ ไม่อย่างนั้นแกอ่วมๆ”
รสนาตะโกนใส่หน้าน้องชาย บัดนี้ยังคงส่งเสียงร้องจ้าด้วยความหวาดกลัว ขยับถอยกรูด ไม่กล้าเข้าใกล้ เด็กหญิงใจร้ายส่งเสียงหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ พร้อมกับยัดขนมเค้กก้อนใหญ่ใส่ปาก เคี้ยวอย่างรวดเร็ว ไม่ใส่ใจว่าน้องชายจะมองด้วยตาละห้อย อยากกินแต่ไม่กล้าขอ กลัวจะถูกลงโทษให้เจ็บเนื้อตัวอีก
งานประดิษฐ์ดอกไม้ใยบัวนักเรียนจะต้องซื้อวัสดุอุปกรณ์มาเอง ใครไม่มีก็จะถูกตัดคะแนน รสนาเพียงคนเดียวที่ไม่มีเพราะขอเงินพ่อแล้ว แต่พ่อไม่ให้ กลายเป็นความช้ำที่เด็กหญิงจะต้องทนทุกข์และอับอายเพื่อนฝูง
นักเรียนทุกคนเอาของขึ้นมาวางบนโต๊ะ เสียงพูดคุยอย่างมีความสุขดังขึ้น บางคนหันมามองรสนา ทำหน้ายิ้มๆ เมื่อรู้ว่าไม่มีอะไร
“ตายจริง รสนา เธอไม่มีอุปกรณ์หรือ อย่างนี้ก็ถูกตัดคะแนนสิ”
“ช่างฉัน ไม่เกี่ยวกับเธอ”
“แหม พูดดีๆ ทำเป็นมาใส่อารมณ์ เราก็ไม่อยากยุ่งกับเธอสักเท่าไหร่หรอก เอาไหมล่ะ เราขายต่อให้”
เพื่อนผู้ที่ชอบแหย่เด็กหญิงรสนา ทำเป็นใจดีจะแบ่งอุปกรณ์ในการทำดอกไม้ประดิษฐ์ขายให้ในราคาถูกๆ ทว่า กลับหน้าตึง เมื่อถูกสวนกลับไปว่า
“อย่ามายุ่งกับฉัน พวกเธอมันก็เลวเหมือนกันหมด ชอบดูถูกคนอื่น เห็นเขาพลาดเป็นต้องเหยียบขย้ำ”
“เฮ้ย นา เธอมองโลกในแง่ร้ายเกินไปหรือเปล่า ฉันไม่เคยคิดอย่างนั้นเลยนะ”
เด็กหญิงร่างอ้วนถามด้วยเสียงสั่นๆ แต่รสนาจ้องตาถลึง ท่าทางเอาเรื่องเต็มที่ เด็กหญิงอรดีเห็นดังนั้นรีบเข้ามากั้นกลาง กลัวว่าเรื่องจะลุกลามไปใหญ่โต
“นา นี่ไงอุปกรณ์ในการทำดอกไม้ เราซื้อมาเผื่อ”
“ซื้อให้ฉันหรือ ทำไมล่ะ ฉันมันทุเรศ น่าเวทนาขนาดนั้นเชียวหรือ เธอถึงต้องเจียดเศษเงินมาซื้อให้น่ะ”
“ไม่เอาน่านา อย่าคิดมาก เราเป็นเพื่อนกันนะ เราไม่เคยคิดอย่างนั้นกับเธอเลย”
ไม่ว่าจะพูดอย่างไร รสนากลับเห็นว่าเพื่อนดูถูกเหยียดหยามตัวเอง ทำท่าจะโกยของเหล่านั้นลงถังขยะ เด็กหญิงอรดีมองด้วยความเสียใจ ร่ำๆ จะร้องไห้ เวลานั้นครูผู้สอนเข้ามาพอดี นักเรียนทุกคนทำความเคารพและครูให้เอาอุปกรณ์ในการทำดอกไม้ประดิษฐ์ขึ้นมา
เด็กหญิงรสนาเห็นดังนั้น คว้าเอาสิ่งของทั้งหมดวางกองรวมกันเอาไว้ เด็กหญิงอรดียิ้มด้วยความดีใจ
กระทั่งได้ยินคำพูดลอยๆ สะเทือนใจอย่างที่สุด
“อย่าถือว่าให้เศษของเล็กๆ น้อยๆ อย่างนี้จะสร้างบุญคุณกับฉันนะ”
“เห็นไหมอร ยายนาเนี่ย ทำดีกับมันเท่าไหร่ ไม่รู้จักคุณหรอก อย่าไปยุ่งเลยนะ”
เพื่อนรูปร่างอ้วนกลมกระซิบเบาๆ แค่เพียงได้ยินเพียงสองคนให้รสนาได้รับฟัง เธอได้แต่ยิ้มน้อยๆ ไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดออกมา ตั้งใจฟังครูสอนวิธีเกี่ยวกับการประดิษฐ์ดอกไม้ พร้อมกับลงมือทำอย่างสวยงาม
เมื่อทำเสร็จแล้วเอามาวางไว้บนโต๊ะ แต่แล้วก็ถูกเด็กหญิงรสนาคว้าเอาไว้ แล้วเอาของตัวเองมาวางแทนที่ ดอกไม้บิดๆ เบี้ยวๆ ไร้ความงาม อรดีให้อภัย รีบแก้งานให้ออกมาดี เพื่อนในห้องต่างพากันมองเด็กหญิงรสนาอย่างรังเกียจเดียดฉันท์