13 ฉีกเสื้อแม่เลี้ยง
เสียงระริกระรี้ที่ดังเล็ดลอดออกมาจากห้องนอน เด็กน้อยลุกขึ้นนั่งด้วยอารมณ์ที่โกรธขึ้ง เกลียดผู้หญิงที่ชื่อกำไลสุดขีด ทนไม่ไหวอีกต่อไป วิ่งลงไปข้างล่าง เห็นกองข้าวของที่กำไลขนมา ดวงตาลุกวาบ ยกเท้ากระทืบลงไปบนกล่องเสื้อผ้าจนปี้แบน
“นี่แน่ะ นี่ นี่ นังผู้หญิงหน้าด้าน แกขนของมาอยู่ที่นี่หรือ อย่าได้หวังว่าจะได้รับความสุข”
รสนาไม่รอช้าที่จะดึงเสื้อผ้าออกมากัด ฉีกขาดจนแทบทุกตัว ครั้นระบายอารมณ์จนสาแก่ใจแล้ว เด็กหญิงกลับขึ้นไปนอนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เกือบชั่วโมงประตูห้องเปิดออกจากกัน กำไลเดินกอดเอวไทยออกมาข้างนอกด้วยใบหน้าระรื่น
เด็กหญิงรสนาแอบหัวเราะชอบใจ นึกถึงตอนที่กำไลเห็นความวินาศจากข้าวของที่อยู่ข้างล่าง คงจะกรี๊ดจนบ้านแทบแตก
“ไหนล่ะ ของที่จะให้พี่ช่วยขนมาเก็บ”
ไทยกำลังมีความสุขเต็มที่จากการที่ได้รับการปรนเปรอรสรักจากกำไลส่งเสียงเอ่ยถามขึ้น ไม่สนใจลูกสาวที่แกล้งนอนหลับ กำไลเหลือบมองเด็กหญิงรสนาด้วยสายตาเยาะหยัน รู้ว่าตนเองเหนือกว่า ชี้นิ้วไปข้างล่าง
“นั่นไง กล่องเสื้อผ้าของกำไล เอ๊ะ อะไรน่ะ ว้าย ทำไมมันถึงเป็นอย่างนั้น พี่ไทยช่วยกำไลด้วย”
“อะไรกำไล ร้องเสียงดัง พี่ตกใจหมดเลย”
“พี่เห็นไหมนั่น ฉิบ.....หมดแล้ว”
กำไลร้องกรี๊ดเสียงดัง กระโจนแผล็วลงบ้านทันที ผวาเข้าหากองเสื้อผ้าซึ่งขาดไม่มีชิ้นดี นางร้องไห้ปานว่าจะขาดใจตาย
“พี่ไทยเห็นไหม เสื้อผ้ากำไลขาดหมดเลย ทำไมมันเป็นอย่างนี้ ต้องใช่มันแน่ๆ ลูกสาวพี่ นังเด็กนรกนี่ กำไลไม่ยอมหรอกนะ พี่ต้องตีมันนะ ไม่อย่างนั้นกำไลตีมันเอง”
“อะไรกัน ไม่หรอกมั้ง นังนามันยังนอนหลับไม่รู้เรื่อง”
“เฮอะ มันแกล้งน่ะสิ พี่ไม่รู้อะไร ลูกสาวคนนี้ มากเล่ห์เจ้ามายาจะตายไป”
“เอาเถอะ อย่าโวยวายไปเลย เดี๋ยวพี่จะถามไถ่ให้เอง”
“อ่อนปวกเปียกอย่างนี้น่ะสิ ลูกมันถึงได้ใจ กำไลไม่ยอมหรอก นังเด็กนาจะต้องได้รับการสั่งสอน”
กำไลไม่รอช้าวิ่งขึ้นไปข้างบนบ้านด้วยมาดนางเสือร้าย กระชากแขนเด็กหญิงรสนาให้ลุกขึ้น ทว่า เด็กแสบสะบัดตัวออก ร้องลั่น
“ปล่อยฉันนะ”
“แก นังเด็กหมา แก แก ฉีกเสื้อผ้าฉัน”
“ใครนี่ มายุ่งบ้านฉันทำไม ปล่อย”
“ปากดีนัก โดนดีแน่ นังนา”
แม่เลี้ยงคนใหม่ในเวลานี้หน้าตาน่ากลัวที่สุด ทำท่าจะเล่นงาน แต่คนอย่างเด็กหญิงรสนามีหรือจะยอม จ้องหน้าเช่นกัน รู้แต่เพียงเวลานี้จะต้องจัดการกับผู้หญิงคนนี้ ไม่ให้อยู่ที่นี่ ทำอะไรก็ได้เพื่อไปไกลๆ
ในเมื่อแรงมาก็ต้องแรงกลับไป ไม่มีวันอ่อนข้อให้เด็ดขาด
“อะไรกันวะ คนจะหลับจะนอน พ่อ ช่วยนาด้วย นาไม่รู้เรื่อง”
“แก ไม่ต้องฟ้องพ่อเลยนะ จำเอาไว้ พี่ไทยเขาไม่เข้าข้างแกหรอก ทำตัวเกเรเป็นพวกอันธพาลข้างถนนอย่างนี้ พ่อก็ไม่เอา”
“พ่อ ปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้ทำกับลูกได้ยังไง”
เด็กหญิงร้องจ้า ทำราวกับว่าเสียใจขนาดหนัก สายตามองบิดาเต็มไปด้วยความเว้าวอน ยกหลังมือเช็ดน้ำตาป้อยๆ ไทยถอนใจออกมาอย่างหนักอกหนักใจ ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นแก่ลูก ใจหนึ่งก็สงสาร ครั้นเห็นข้าวของเครื่องใช้ซึ่งเป็นของเมียใหม่เสียหายยับเยิน คงจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้รู้สำนึก
“เฮ้อ พอเข้าบ้านก็มีเรื่องเสียแล้ว ข้าปวดหัวเสียจริง นา เอ็งฉีกเสื้อผ้าน้ากำไลหรือเปล่า บอกพ่อมาตรงๆ”
“ไม่ได้ทำ นาก็นอนอยู่ตรงนี้ พ่อเห็นไม่ใช่หรือ”
“ฮึ อย่าถามให้มากความเลย นังผู้ร้ายปากแข็ง ทำยังไงก็ไม่รับหรอก”
เมียใหม่แทรกขึ้นอย่างเหลืออด เข้าใจว่าลูกเลี้ยงคือผู้ที่ทำลายข้าวของ ไม่มีใครในบ้านนี้ และผู้ที่ตั้งตนเป็นศัตรูกับเธอก็คือเด็กหญิงรสนาเพียงผู้เดียว
“ในเมื่อแกไม่ทำ แล้วใครมันทำ”
“ฉันจะรู้หรือ หมามั้ง มันคงเหม็นกลิ่นเน่าๆ ก็เลยฉีก”
“อ๊าย นังนา แก แก ว่าฉัน พี่ไทย ดูนะ ลูกพี่มันว่ากำไลเน่า”
กำไลหญิงเจ้ามารยา โกรธจนตัวสั่น เมื่อถูกลูกเลี้ยงว่าดังนั้น กอดแขนไทยเอาไว้แน่น ร้องไห้เสียใจ ไทยเองก็เหลืออด ต่อนิสัยของลูกสาว จ้องหน้า ชี้นิ้วสั่งทันที
“นา ขอโทษน้ากำไลเดี๋ยวนี้”
แทนที่จะทำตามที่บิดาร้องขอ เด็กหญิงรสนาเผ่นลงบ้าน เมื่ออยู่บันไดขั้นต่ำสุด เงยหน้าขึ้นมามองคนทั้งสอง เห็นกำไลยังคงมีสีหน้าเครียด เท้าทั้งสองข้างย่ำอยู่กับที่ โกรธเด็กรุ่นลูกจนแทบกระอักเลือด
“นาไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมต้องขอโทษด้วยล่ะ เอาไว้ให้นาทำผิดเสียก่อนแล้วจะขอโทษ ไปก่อนล่ะ”