บทที่ 4
หญิงสาวร่างเล็กบาง ผิวขาวลออตา ใบหน้าของเธอจิ้มลิ้มน่ารักราวกับตุ๊กตามีชีวิต นัยน์ตากลมโต จมูกโด่งปลายรั้นน้อยๆ ริมฝีปากแดงเรื่อรูปกระจับ เรือนผมหยักศกลอนใหญ่ยาวเกือบกลางหลังมีสีน้ำตาลเข้ม ดูนุ่มละมุนยามต้องแสงแดด เธอสวมชุดเสื้อยืดสีขาวลายน่ารักตัวยาว กางเกงยีนขายาว รองเท้าแตะคีบ ในมือถือตะกร้าบรรจุของสดที่กำลังเดินซื้ออยู่ในตลาดแห่งนี้
ข้างๆ มีหญิงสาวอีกคนยืนอยู่เคียงกัน มีรูปร่างสูงกว่า ผิวสีน้ำผึ้งนวลเนียน ใบหน้าสวยคม โดยเฉพาะนัยน์ตาหวานระยับนั่น จมูกโด่งสวยจนเหมือนผิดธรรมชาติ ริมฝีปากอวบอิ่ม เธอซอยผมแบบทันสมัยยาวเคลียบ่า แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าชีฟองเนื้อบางสีดำ ข้างในสวมเสื้อเกาะอกครึ่งตัวสีดำ กางเกงยีนสั้นจู๋สีซีด อวดรูปร่างอรชร อวบอิ่มของวัยสาว
“แหม...ลดให้หน่อยสิจ๊ะป้าจ๋า มาซื้อกันเกือบทุกวันน่ะจ้ะ”
เสียงใสเอ่ยเจรจาอย่างอ้อนๆ เมื่อส่งถาดบรรจุกุ้งที่คนตัวเล็กกว่าเลือกไว้ ส่งให้แม่ค้า แม่ค้าวัยกลางคนยิ้มตอบพร้อมกับหยิบกุ้งตัวเล็กแถมใส่ลงไปในถุงตัวหนึ่งแล้ว ก่อนจะยื่นถุงพลาสติกที่บรรจุกุ้งส่งให้
“แถมก็แล้วกันนะแม่แยม สมัยนี้ข้าวของมันแพง ต้นทุนมันแพงเหลือเกินน่ะลูก”
“เอ้าๆ แถมก็ยังดี นี่ถ้าลุงณัฐไม่อยากกินล่ะก็ หนูไม่ซื้อนะเนี่ย แพงมาก”
วรัทยาบ่นเบาๆ ก่อนจะหันมาออกคำสั่งกับหญิงสาวหน้าหวานที่ยืนอยู่ข้างๆ
“จ่ายเงินสิ บุษ แล้วก็อย่ามัวงุ่มง่ามชักช้า เดี๋ยวเราต้องไปดูของอีกหลายอย่าง จะทำกับข้าวไม่ทันเอา”
ราวกับว่าทำตามอีกฝ่ายอย่างว่าง่าย เพชรน้ำบุษย์ล้วงเอากระเป๋าเงินออกมา พร้อมกับควักธนบัตรจ่ายค่าสินค้า ก่อนจะเดินตามวรัทยาไปต้อยๆ แม่ค้ากุ้งมองดูหญิงสาวทั้งสองตามหลัง ก่อนจะแอบเบ้ปาก พลางบ่นพึมพำเบาๆ
“ทำไมลูกสาวของ นายกณัฐ ต้องเดินตามแม่แยมนี่ต้อยๆ เหมือนกับคนใช้ด้วยก็ไม่รู้”
“แหม...”
เสียงแหลมๆ ของแม่ค้าปลาที่นั่งอยู่ข้างๆ กันเอ่ยขึ้นมาร่วมสนทนาด้วยในทันที ที่ได้ยินเพื่อนข้างแผงพูดแบบนั้น นางเองก็มองดูสองสาวด้วยความหมั่นไส้อยู่แล้วพักหนึ่งเหมือนกัน
“ก็คางคกขึ้นวอยังไงล่ะ แม่ต้อย แม่แยมนี่ก็แค่ลูกของแม่แวว คนใช้ในบ้านของนายกณัฐ ยังกล้าเรียกท่านว่าลุงเล้ย คงจะอยากเป็นอย่างอื่นมากกว่าเด็กในบ้าน เหอะ! ดูแต่งเนื้อแต่งตัวก็รู้แล้ว ว่าคงอยากจะเป็นเมียของนายกณัฐจนเนื้อตัวสั่น”
“นั่นสินะ”
แม่ค้ากุ้งเอ่ยเออออ ก่อนจะนินทากับแม่ค้าปลาต่ออีกอย่างสนุกปาก เกี่ยวกับเรื่องของหญิงสาวสวยนามวรัทยา ที่พฤติกรรมของเจ้าหล่อนเป็นที่โจษจันกันอย่างสนุกปากในสังคมเล็กๆ ในเมืองชนบทแบบนี้
อาจจะเพราะความโด่งดังและความมีอิทธิพลของณัฐ ดิลกธรรมชัย หรือนายกณัฐตามที่ชาวบ้านเรียกขาน มีตำแหน่งเป็นนายยกอบต. บริหารงานของเทศบาลของตำบลรวงทอง แม้จะเป็นตำบลไม่ใหญ่นัก แต่ก็เจริญเพราะอยู่ใกล้กับตัวจังหวัด
และนอกจากจะมีอิทธิพลในการเมืองท้องถิ่นแล้ว ณัฐยังเป็นพ่อเลี้ยงที่มีกิจการมากมาย มีโรงสีอยู่หลายแห่ง กระจายอยู่ในหลายตำบล สวนส้ม ไร่ชา รวมถึงไร่สตอบอรี่ รวมถึงรีสอร์ตบนยอดดอยสวย เขาร่ำรวยติดอันดับของเศรษฐีเมืองเชียงใหม่ น้อยคนนักจะไม่รู้จักพ่อเลี้ยงณัฐ ซึ่งตอนนี้กำลังคิดจะวาดฝัน วางโครงการไต่เต้าเข้าสู่การเมืองระดับจังหวัด
แม้จะอายุห้าสิบปลายๆ แล้ว แต่หน้าตาของพ่อเลี้ยงวัยกลางคนยังคงหล่อเหลา คมเข้มแกว่งหัวใจของทั้งสาวน้อย สาวใหญ่ ให้สั่นไหว และความที่มีทั้งอิทธิพลและเงินทอง ณัฐจึงกลายเป็นหนุ่มโสดเนื้อหอมแม้จะเคยผ่านงานแต่งงานมาหลายครั้งแล้วก็ตามที แต่ตอนนี้เขาก็ขึ้นชื่อว่าโสด จึงมีแต่สาวๆ รุมตอมมากมาย แต่ก็เป็นที่รู้กันว่าณัฐมีลูกสาวคนสวยอย่าง เพชรน้ำบุษ สาวๆ ที่จะฝ่าด่านหัวใจของเขา อาจจะต้องเอาชนะหัวใจของเธอไปได้ด้วยพร้อมๆ กัน
“เดี๋ยวไปรอที่รถก่อนนะ บุษ พี่จะแวะซื้อของที่ร้านยาสักหน่อย”
วรัทยาว่า ท่าทางมีลับลมคมในพิกล หญิงสาวที่กำลังถือข้าวของเต็มอ้อมแขน เงยหน้าขึ้นมามองเธออย่างเป็นห่วง นัยน์ตากลมหวานส่งประกายห่วงใยอย่างจริงใจทันที เมื่อมองสำรวจไปทั่วร่างอวบอิ่มงดงามนั่น
“พี่แยมจะแวะซื้อยาอะไรหรือจ๊ะ ไม่สบายหรือเปล่า? อย่าซื้อยากินเองเลย บุษว่าพี่แยมไปหาหมอ...”
“ฉันจะเป็นอะไรก็อย่ามายุ่งน่า!”
เสียงใสตวาดเอาแว้ดทันที เล่นเอาเพชรน้ำบุษถึงกับสะดุ้ง ก่อนที่วรัทยาจะถอนใจ พลางเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นหวานนุ่มนวลลง มือเรียวรุนหลังหญิงสาวรุ่นน้องให้เดินนำไปทางอื่น
“ไม่มีอะไรหรอกน่ายายบุษ พี่ก็แค่ซื้อยาแก้ปวดวันเบาๆ น่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ไปรอที่รถก่อน เดี๋ยวพี่ตามไป”
“ค่ะ”
หญิงสาวรับคำอย่างว่าง่าย ก่อนจะเดินเลี่ยงจากไปแต่โดยดี เมื่อลับร่างบอบบางนั้นแล้ว วรัทยาก็กอดอก พลางพ่นลมหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่ายอีกฝ่าย ที่ชอบมาทำแสนดี เจ้ากี้เจ้าการห่วงใยเธอนัก ทำราวกับว่าเป็นหญิงสาวผู้บอบบางน่ารัก แสนจะเป็นนางเอก นิสัยหรือก็อ่อนหวาน เป็นที่รักของคนทั้งบ้าน ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมอะไรเอาเสียเลย ทำให้เธอรู้สึกว่าตนเองเจ้าเล่ห์ และเป็นเหมือนนางอิจฉาอยู่ตลอดเวลา
“ยุ่งไม่เข้าเรื่อง”
เธอทำปากเบ้ แล้วเดินเข้าไปในร้านขายยา มองซ้ายมองขวาเล็กน้อยว่าปลอดลูกค้าไหม เมื่อเห็นว่ามีเพียงเภสัชกรชายวัยกลางคนอยู่คนเดียว เธอก็เอ่ยสั่งยาที่ต้องการเสียงเบา
“เอายาคุมยี่ห้อ...สองแผง”
“ครับ”
เมื่อเขาหันหลังไปหายาให้เธอ วรัทยาก็แกล้งเอ่ยขึ้นลอยๆ ว่า
“แม่นะแม่ ให้เรามาซื้อยาให้แบบนี้คนอื่นเค้าเข้าใจกันหมด เฮ้อ...”
“ได้แล้วครับ”
เขายื่นแผงยาส่งให้เธอ ก่อนจะบอกราคาของยาคุม วรัทยารีบคว้าเอาถุงยาแล้วเดินเร็วๆ ออกไปจากร้านทันที เธอไม่อยากจะให้ใครเห็นมากนัก ว่ามาเข้าร้านยา ยิ่งถ้าคนเห็นเธอมาซื้อยาคุมแล้วล่ะก็ คงจะเอาเธอไปนินทากันสนุกแน่ๆ
แต่ถ้าไม่ซื้อหาไว้ใช้...วรัทยาเม้มปาก มันก็ไม่ได้เสียน่ะสิ เธอยังไม่อยากให้มีอะไรๆ ที่ผิดพลาดเกิดขึ้นมานี่นา เธอรักที่จะสนุก ก็ต้องหาทางป้องกันไว้ให้เรียบร้อย คนอย่างวรัทยาไม่เคยพลาด