บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 (1)

“พิธีอภิเษกสมรสระหว่างเจ้าชายฮารีฟร์ อัล ริฟาอีลส์กับนางสาวนีราพรรณ กมลเนตรจะเริ่มขึ้นในเวลา 09.00 น. ประชาชนทุกท่านสามารถรับชมการถ่ายทอดพิธีดังกล่าวได้จากทุกช่องสถานีข่าว...”

เสียงจากผู้ประกาศสาวที่กำลังรายงานข่าวผ่านสื่อทีวีให้ราษฎรทั่งทั้งอัลนูรีนได้ทราบ ถึงกำหนดการถ่ายทอดพิธีอภิเษกของประมุขแห่งแผ่นดิน ได้สร้างความโกรธเคืองจนล้นปรี่จุกคอหอยของจิ้งจอกเฒ่ายิ่งนัก มือคร้ามแดดสกปรกบีบแก้วเหล้าแน่น ก่อนจะขว้างใส่ทีวีจอเล็กเต็มแรงกะให้โดนตรงหัวของเจ้าชายฮารีฟร์ที่ทางสถานีกำลังแพร่ภาพประวัติของพระองค์ให้ราษฎรได้รับรู้

“กูจะไม่ให้พวกมึงได้เสวยสุขเป็นอันขาด”

อาดีบแผดเสียงประกาศก้องดังลั่นทั่วกระโจมเล็กๆ ซึ่งถูกสร้างเป็นที่พักหลบภัยชั่วคราว หลังถูกตามไล่ล่าอย่างหนัก จากกองทหารอันแข็งแกร่งภายใต้คำสั่งของเจ้าชายฮารีฟร์ อัล ริฟาอีลส์

“ท่านอาดีบ เมื่อไรเราจะจัดการกับไอ้อีพวกนี้ให้สิ้นซาก ผมอยากแก้แค้นให้จาลีเต็มทีแล้ว”

จาไล ลูกน้องมือหนึ่งของอาดีบ เค้นเสียงถามเจ้านายด้วยใบหน้าถมึงทึง ดวงตาลุกวาวด้วยไฟแห่งความเคียดแค้น หลังจากท่านอาดีบซึ่งมีศักดิ์เป็นท่านลุงของเจ้าชายชารีฟร์ได้ก่อการกบฏหวังปลงพระชนม์เจ้าชายฮารีฟร์ เมื่อทำไม่สำเร็จก็ได้จับตัวว่าที่ราชินีของพระองค์คือนีราพรรณ สาวงามจากแผ่นดินสยามมาเป็นตัวประกัน ด้วยหวังจะใช้เป็นเครื่องมือต่อรองให้เจ้าชายฮารีฟร์ได้สละราชบัลลังก์ แต่ทว่าพวกเขาเดินทางยังไม่ถึงกองโจร ก็เจอพายุทะเลทรายลูกใหญ่ซัดกระหน่ำ จนน้องชายของเขา จาลี และลูกน้องอีกหลายคนต้องจบชีวิตกลายเป็นผีเฝ้าทะเลทราย เขากับท่านอาดีบได้หนีซมซาน หลบการตามล่าของเจ้าชายฮารีฟร์ มาขอพักอาศัยกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งนอกจะแห้งแล้งแทบไม่มีอะไรจะยาไส้แล้ว ยังต้องเผชิญกับโรคระบาดอีกมากมาย

“ใจเย็นๆ จาไล”

อาดีบตบลงไปบนบ่าลูกน้องอย่างหนักมือ ก่อนจะพยักพเยิดให้อีกฝ่ายได้นั่งลง แล้วเอ่ยบอกถึงเรื่องที่ตนเองได้เตรียมไว้พร้อมแล้วสำหรับคนชั่วทั้งหลาย

“ยังไงแกกับข้าได้แก้แค้นไอ้ฮารีฟร์แน่ แต่คราวนี้เราจะไม่กำจัดแค่คนเดียว ข้าจะกำจัดพวกมันทั้งหมดทั้งไอ้เจ้าชายทั้งสามและราชินีของพวกมัน”

จาไลหัวเราะร่วนน่าสะพรึงกลัวกับแผนการของเจ้านาย จากนั้นก็ได้เอ่ยรายงานในสิ่งที่ตนเองแอบไปสืบทราบมา

“ผมสืบรู้มาว่าน้องสาวคนเล็กของนังนีราพรรณเป็นคนรักของไอ้ชารีฟร์ด้วย”

อาดีบหยิบบุหรี่มาสูบ แล้วพ่นควันพิษเผื่อแผ่การตายผ่อนส่งให้กับลูกน้องที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ก่อนจะเอ่ยตอบเสียงเย็นยะเยือก

“ไม่ใช่แกคนเดียวหรอกที่รู้เรื่องนี้ ข้าเองก็รู้และได้เห็นหน้าของนังโสเภณีพวกนี้ด้วย ไอ้ซารีฟร์มันรักน้องสาวของนังนีราพรรณ ส่วนไอ้ฮารีฟร์มันก็ได้ประกาศให้ข้าราชบริพารรู้ว่ามันจะรับน้องสาวคนเล็กของเมียมันมาเป็นน้องสาวคนเล็กของราชวงศ์อัล ริฟาอีลส์”

“ท่านอาดีบเข้าเมืองหลวงไปเห็นนังพวกนี้เมื่อไรกัน แล้วท่านทำอย่างไรถึงไม่ถูกจับได้”

เอ่ยถามไปแล้ว จาไลก็ได้แต่สงสัยว่าหัวหน้ากองโจรนั้นเป็นมนุษย์ล่องหนหรืออย่างไร ถึงเดินทางเข้าเมืองหลวงโดยไม่ถูกตำรวจทหารจับได้

อาดีบแสยะหัวเราะร่วน ยกมือเคาะที่หัวกะโหลกตนเอง ก่อนจะเอ่ยตอบ “หัดใช้สมองบ้างสิไอ้จาไล จะไปยากอะไรกัน กับอีแค่การเข้าเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยประกาศจับตัวข้า การปลอมตัวเป็นเครื่องมือที่ช่วยอำพรางข้าไม่ให้ถูกจับได้และข้าก็ไปดูนังพวกโสเภณีถึงที่สนามบิน”

จาไลยกนิ้วโป้งยกย่องให้กับความชั่วของหัวหน้ากองโจร แล้วเอ่ยถามถึงแผนการต่อไป ที่จะลงมือทำในเร็วๆ วันนี้

“ท่านอาดีบจะทำอย่างไร อีกไม่กี่ชั่วโมงพิธีอภิเษกจะเริ่มขึ้นแล้ว ท่านจะเริ่มงานวันนี้หรือจะรอไปอีกสักระยะ”

“วันนี้...จาไล”

อาดีบเปล่งเสียงเหี้ยม หยิบดอกกุหลาบพันธุ์ใหม่สีสดสวยขึ้นมาใกล้จมูกโด่งที่หักปลายจนเบี้ยวเล็กน้อย ด้วยเกิดจากการตกหลังม้าตอนที่ถูกพายุทะเลทรายเล่นงาน แต่ไม่กล้าดอมดมสูดกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกกุหลาบพันธุ์ใหม่ที่ตนเองตั้งชื่อให้ว่า ‘ดอกลัยลา’ เข้าปอด ด้วยรู้ว่าพิษของดอกลัยลานั้นรุนแรงยิ่งกว่าพิษของดอกนาดา ดอกกุหลาบขาวที่เคยปลูกหลายเท่านัก

“คราวที่แล้วข้าเตรียมพิษดอกนาดาให้พวกมันดื่ม แต่ไอ้ฮารีฟร์มันก็ไม่หลงกลง่ายๆ ครั้งนี้ข้าจึงเตรียมพิษดอกลัยลาทำเป็นน้ำหอมให้พวกมันสูดดมแทน ยิ่งสูดดมเท่าไหร่พิษยิ่งซึมเข้าสู่ร่างกายมากเท่านั้น กว่าพวกมันจะรู้ตัวว่าถูกเล่นงานด้วยพิษของดอกลัยลา โลงศพ! ก็ลอยเทียบท่ามารอพวกมันอยู่หน้าพระราชวังแล้ว”

จาไลขนลุกซู่เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะอันน่าสะพรึงกลัว ราวกับยมทูตที่พร้อมมาฉุดคร่าวิญญาณออกไปจากร่าง แต่ไม่ว่าจะน่ากลัวมากเพียงใด เขาก็เป็นใจพร้อมร่วมมือทำชั่วกับหัวหน้ากองโจร ด้วยต้องการเอาวิญญาณของเจ้าชายทั้งสามพระองค์มาเซ่นไหว้จาลีน้องชายของเขาที่ตายอย่างอนาถท่ามกลางทะเลทรายที่ร้อนระอุ

08.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นในอัลนูรีน พิธีอภิเษกสมรสที่ยิ่งใหญ่ระหว่างหนุ่มสาวสองแผ่นดิน กำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าตามขนบธรรมเนียมโบราณ

นีราพรรณว่าที่ราชินีสวยสง่างดงามในชุดแต่งงานสีทองอ่อน ซึ่งเป็นชุดแต่งงานของราชินีองค์ก่อนผู้เป็นพระมารดาของเจ้าชายฮารีฟร์ เครื่องประดับทุกชิ้นเริ่มด้วยสร้อยประดับหน้าผาก ต่างหู สร้อยคอ กำไลสร้อยข้อมือ ล้วนแต่เป็นอัญมณีราคาแพงทรงคุณค่า

“พี่น้ำเหนือสวยจังเลยเหมือนเจ้าหญิงในนิยายไม่มีผิด”

นาราพรรณเอ่ยชมพี่สาวคนโต หลังจากนะญาหญิงรับใช้ได้ช่วยแต่งตัวด้วยอาภรณ์งดงามให้กับนีราพรรณเรียบร้อยแล้ว

“พี่น้ำเหนือดูแปลกตา เวลาสวมชุดนี้แต่ก็สวยสง่าสมกับราชินีแห่งอัลนูรีน”

นาราภัทรหรือน้ำหนาว น้องสาวคนรองได้เอ่ยชมพี่สาวบ้าง พลางเข้าไปสวมกอดร่างบอบบางทั้งของพี่สาวและแฝดน้องไว้แนบแน่น

นะญาหญิงรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ ยืนอมยิ้มปล่อยให้สามสาวแสดงความรักความอบอุ่นต่อกันอยู่พักใหญ่ ก่อนจะเข้าไปสะกิดเรียกพระชายาของเจ้าชายซารีฟร์

“พระองค์เพคะ พระองค์กับองค์หญิงน้ำค้างต้องสวมชุดประจำชาติเหมือนกันค่ะ นะญาเตรียมชุดให้เรียบร้อยแล้ว เชิญพระองค์ทั้งสองที่ห้องแต่งตัวเลยค่ะ”

แม้หญิงสาวทั้งสอง ยังไม่ได้รับการสถาปนายศถาบรรดาศักดิ์อย่างเป็นทางการ แต่นะญารวมทั้งหญิงรับใช้คนอื่นๆ ต่างก็พร้อมใจรับใช้และให้การยกย่อง

“น้ำค้างต้องแต่งตัวเหมือนพี่น้ำเหนือด้วยหรือคะ”

นาราพรรณเบิกตาโตร้องถามด้วยความตื่นเต้นดีใจ เมื่อเห็นหญิงรับใช้อีกสองสามคนถือชุดประจำชาติแสนงดงามรออยู่

“เพคะ ขององค์หญิงเป็นสีฟ้า ส่วนของพระชายาเป็นสีแดงอ่อน”

“ใครเป็นคนเลือกชุดน่ะนะญา เข้ากับแหวนที่ท่านพี่ฮารีฟร์มอบให้น้ำค้างเลย”

นาราพรรณปราดเข้าไปลูบไล้อาภรณ์ ที่ถักทอจากเส้นไหมบางเบาจนกลายเป็นชุดประจำชาติที่งดงามยิ่ง จนแทบไม่กล้าหยิบจับมาสวมใส่ ชุดสีฟ้าอ่อนเข้ากันได้ดีกับแหวนวงงามที่ประดับด้วยอความารีน อัญมณีสีฟ้าอ่อนเหมือนสีน้ำทะเล ที่คัดสรรเป็นพิเศษ เจียระไรเป็นรูปหัวใจประดับอยู่บนเรือนแหวนทองคำแท้ อันเป็นอัญมณีประจำราศีเกิดของเธอซึ่งเจ้าชายฮารีฟร์ได้มอบแหวนวงนี้ให้ ในวันที่เดินทางมาถึงแผ่นดินอัลนูรีน เพื่อเป็นการต้อนรับว่าที่ขนิษฐาคนใหม่แห่งราชวงศ์

“พี่เป็นคนเลือกให้เองจ้ะ น้ำหนาวกับน้ำค้างรีบไปเปลี่ยนชุดน่ะจวนจะถึงฤกษ์พิธีแล้ว”

นีราพรรณยิ้มบางๆ พลางดุนหลังให้น้องสาวคนเล็ก ที่ยังคงลูบไล้อาภรณ์งดงามไม่เลิก ให้เดินตามหญิงรับใช้เข้าไปในห้องแต่งตัว

นาราพรรณขยันลูบไล้อาภรณ์งดงามอย่างไม่วางมือ ผ้าไหมเนื้อนุ่มที่นำมาตัดเย็บ ใส่แล้วเย็นสบายเสริมความสง่างามให้กับเจ้าของร่างบอบบาง เครื่องประดับซึ่งล้วนเป็นอัญมณีแท้ ไม่ว่าจะเป็นต่างหู สร้อยประดับหน้าผาก กำไลแขน ทำให้หญิงสาวดูเหมือนเป็นชาวอัลนูรีนโดยแท้ หญิงสาวหันซ้ายแลขวาดูตัวเองหน้ากระจกเงาบานใหญ่ พลันนั้นสายตาก็ได้เห็นภาพสะท้อนของชายชราที่เธอพบเมื่อวันก่อน ดูท่าว่าอีกฝ่ายคงมีเรื่องอยากจะคุยกับเธอ เพราะเห็นทำปากขมุบขมิบพร้อมกับกวักมือเรียกด้วย

“ออกไปพบแป๊บเดียวก็ได้มั้ง”

นาราพรรณงึมงำบอกตัวเอง พลางหันไปมองนะญาและหญิงรับใช้คนอื่นๆ ที่กำลังช่วยกันแต่งตัวให้กับแฝดพี่ของเธอ หญิงสาวเดินออกทางประตูหลัง เพื่อตรงไปยังบริเวณที่ชายชราหลบซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้ใหญ่ พอลงมาถึงสนามหญ้า หญิงสาวก็รวบชายกระโปรงที่ค่อนข้างยาวมาถือไว้ไม่ให้เกะกะ เปื้อนเศษดินเศษหญ้า ด้วยเกรงว่าจะทำให้อาภรณ์ชุดงามเปรอะเปื้อนได้

“ทางนี้ครับคุณหนูน้ำค้าง”

ชายชรากระซิบเรียกค่อนข้างแผ่วเบาแทบไม่ได้ยิน ก่อนจะไอแห้งๆ ด้วยเจอพิษไข้หวัดเล่นงานมาหลายวันแล้ว

นาราพรรณเดินตามเสียงกระซิบเรียกไปทางด้านหลังพุ่มไม้ใหญ่ พอเห็นอีกฝ่ายนั่งลงกับพื้นหญ้า แล้วไอจนหน้าดำหน้าแดงโน้นตัวไปกับพื้นก็รีบทรุดตัวลงนั่งไปประคองอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง

“คุณลุงไม่สบายมากขนาดนี้ ทำไมถึงไม่นอนพักอยู่ที่บ้าน”

ชายชราสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เมื่อรู้สึกว่าแน่นหน้าอก จากการไออย่างหนัก พร้อมกันนั้นก็ได้โบกมือว่อน ราวกับเห็นว่าอาการเจ็บป่วยของตนเองเป็นเรื่องปกติไม่ต้องตกใจอะไร

“คนแก่ก็แบบนี้แหละ สามวันดี สี่วันไข้ คุณหนูน้ำค้างอย่าเป็นกังวลเลยครับ”

นาราพรรณไม่อยากเชื่อคำพูดของอีกฝ่ายสักเท่าไหร่ ก็เห็นๆ อยู่ว่าไอโคลกๆ จนหน้าดำหน้าแดง หายใจแทบไม่ทัน แต่ยังบอกว่าไม่เป็นอะไรอีก

“คุณลุงมีอะไรให้น้ำค้างช่วยหรือเปล่าคะ แล้วทำไมคุณลุงต้องหลบๆ ซ่อนๆ มาทางด้านหลังพระราชวังด้วย”

หญิงสาวประคองให้อีกฝ่ายลุกขึ้นยืน แล้วชี้นิ้วไปยังศาลากลางสวนดอกไม้ เพื่อให้คนป่วยได้ไปนั่งพักขาที่นั่น แต่ชายชรากลับส่ายหน้าปฏิเสธต้องการยืนคุยอยู่หลังพุ่มไม้เช่นนี้

“คุยกันที่นี่ดีแล้วครับ ลุงรบกวนเวลาคุณหนูน้ำค้างแค่ไม่กี่นาที”

ชายชราหยุดเว้นวรรค หายใจเข้าปอดลึกๆ อยู่อีกเฮือกใหญ่ ก่อนจะเอ่ยถามเสียงแหบแห้ง

“ที่มาวันนี้ลุงอยากมาถามคุณหนูน้ำค้างเรื่องภาพวาด เจ้าชายชารีฟร์รับภาพวาดของลุงหรือเปล่า”

“เอ่อ...”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel