บท
ตั้งค่า

บทที่ 4...ไฟรักเพลิงเสน่หา...

“นังกากี แกเป็นอะไร”

วรรณธนาร้องทักทั้งที่เห็นเต็มสองตาว่าเพื่อนสาวเดินสะดุด แต่สะดุดตาหนุ่มรูปงามราวเทพบุตรเจ้าของอ้อมแขนที่รับตัวเพื่อนเอาไว้มากกว่า และสนใจใคร่รู้กิริยาอาการที่สองหนุ่มสาวมองจับจ้องมองตากันเสียนมนาน ขนาดเพื่อนสาวชิ่งเดินหลีกหลบออกมา เธอยังเห็นหนุ่มสุดหล่อยืนมองตามด้วยแววตาห่วงใยเสมือนจะรอดูให้แน่ใจว่ากีรยาเพื่อนของเธอเดินมาถึงโต๊ะอย่างปลอดภัย

“นังวันทอง แกเรียกซะดัง ดูสิคนมองกันใหญ่แล้ว”

บุษบากรฟาดฝ่ามือเผี้ยะลงบนหน้าขาเพื่อนคู่ซี้ที่นั่งอยู่ข้างๆ นึกอายแทนเพื่อนสาวอีกคนที่ต้องเดินฝ่าสายตาอยากรู้อยากเห็นนับเป็นสิบคู่เข้ามา

“โอ๊ย แกจะตีทำไม” วรรณธนาร้องโวย

“ก็แกสิ ดูซิคนมองนังกีใหญ่แล้ว” บุษบากรชะเง้อคอยาว

“มองก็มองไปสิยะ มันจะแปลกอะไรนักหนา ดูสิ ตีซะแดงแช้ดเลย” วรรณธนาเถียงฉอดๆ คลำขาเหนือเข่าที่โดนฟาดแดงเป็นปื้นป้อยๆ

แต่หน้ายังทะเล้นยิ้มร่าให้เพื่อนสาวคนสวยที่ตกเป็นเป้าสายตาจากเสียงเรียกชื่อ...กากี...ของตน เพราะรู้ว่ากีรยาไม่ถือสากับชื่อเรียกเล่นที่ตนตั้งให้ และเรียกติดปากมาตั้งแต่สมัยยังเรียนมัธยมจนถึงปัจจุบัน

“แกจะแปลกอะไร ไม่มีใครอุตริตะโกนเรียกแกว่า นังกากี นี่ยะ” บุษบากรที่ถูกวรรณธนาตั้งชื่อเรียกเล่นให้ว่า...นังบาบ้าหรือนังบุษบาบ้า...ค้อนควักเป็นเดือดเป็นแค้นแทนเพื่อน

“แล้ว...นังวันทอง...ที่แกเรียกฉันล่ะ ดีนักสินะ” วรรณธนาหันมาค้อนเพื่อนข้างๆตาปะหลับปะเหลือกพอกัน

“นั่นละสมกันแล้ว ก็แกอยากมาเรียกพวกฉันก่อนทำไมล่ะ...นังกากี...นังบาบ้า...ใครได้ยินก็สะดุ้งก็แสลงหูทั้งนั้นแหละ” บุษบากรเถียงเจื้อยแจ้ว

“อย่ามาโมเมนะแก" วรรณธนาส่ายนิ้วชี้ตรงหน้าเพื่อน

"แกนั่นแหละที่เรียกฉันว่า นังวันทอง ก่อน ฉันเลยตั้งชื่อให้พวกแกสองคนบ้าง...ชื่อ...นังบาบ้า...น่ะสมตัวแกจะตายไป ดูผมแกสิ หยิกหย็องฟูเป็นกะเซิงอย่างกะคนบ้า”

“ผมฉันหยิกสวยตามธรรมชาติย่ะ ไม่ต้องดัดไม่ต้องไดร์ ทรงนี้กำลังเป็นที่นิยมนะยะ เท่กว่าผมซอยสั้นกุดของแกตั้งเยอะ”

“หยิกธรรมชาติเป็นกะเซิงยุ่งเหยิงเหมือน...มอย...น่ะสิ”

“อิบ้า ว่าผมฉันเหมือน...มอย...รึ”

“ก็เหมือนจริงง่ะ...หัวบานเป็นกะเซิงอย่างนี้ละสมชื่อแกแล้ว...นังบาบ้า...นังบาบ้า...เพราะดีนะ”

วรรณธนาแกล้งเน้นคำ...นังบาบ้า...คำท้ายเสียงดังจนคนนั่งอยู่โต๊ะรอบข้างทั้งแขกจีนฝรั่งไทยหันมามอง

“เพราะดีชื่อแกสิ แล้วหยุดเสียงดังซะที ฉันอายเค้า” คนบอกว่าอาย อายจริง แดงทั้งหน้าจนเกือบจะทั้งตัว

“อย่างแกน่ะเหรออายเป็น” วรรณธนายิ้มทะเล้น

“เป็นสิ ฉันไม่ได้หนังหน้าหนาอย่างแกนี่ที่อายเป็นน้อยกว่าใคร ดูนังกีมันสิ หน้าแดงยังกะลูกเชอรี่” คนต่อว่าบุ้ยใบ้ให้คู่ซี้ดูเพื่อนสาวที่เพิ่งเข้ามานั่งหน้าแดงปลั่งอย่างไม่ค่อยจะเคยเห็น

"เออ...ฉันลืมไปเลย นังกี ทำอีท่าไหนถึงได้โผผวาเข้าหาอ้อมแขนพ่อหนุ่มสุดหล่อคนนั้น ให้ตายเหอะ หล่อไม่สงสารคนอื่นเล้ย หรือแกแกล้งอ่อยเหยื่อ" วรรณธนากล่าวหา จ้องหน้าเพื่อนเขม็ง

“แกก็พูดเป็นเล่นไป ใครจะอ่อยเหยื่อคนแปลกหน้า” กีรยาแก้ตัว แม้จะจำได้ว่าเขาเป็นใครก็เป็นคนแปลกหน้าอยู่ดี

“น้อยไปสิ นังวันทองแหละ ได้โอกาสอ่อยเมื่อไรเป็นไม่มีพลาด มันคงอิจฉาที่ไม่ได้เป็นแกที่ถูกตารูปหล่อนั่นกอด” บุษบากรที่รู้นิสัยใจเพื่อนซี้แกล้งว่า

“ไม่เอา เลิกพูดเถอะ พวกแกสั่งอะไรกินกันหรือยัง”

กีรยาเลี่ยงที่จะพูดถึงจึงหันไปกวักมือเรียกบริกรมาขอเมนูเปิดดูรายการอาหาร ทำไม่รู้ไม่ชี้ต่อสายตาอยากรู้สองคู่ของเพื่อนสาว ถ้าเพื่อนสาวสองคนรู้ว่าเธออยู่อ้อมแขนใครต้องถูกซักไซ้ไม่เลิกราอย่างแน่นอน

“เราสั่งกันไปบ้างแล้วละ" บุษบากรตอบ

“แกจะกินอะไรก็สั่งเถอะ” วรรณธนาว่าตาม

สองสาวหันมาสนใจเมนูในมือเพื่อนแย่งกันสั่งอาหารเพิ่มคนละอย่างสองอย่าง กีรยาต้องเอ่ยปรามตัดรายชื่ออาหารเกินจำเป็นออก และบอกให้สองสาวกินที่สั่งมาก่อนหน้าให้หมดเสียก่อน แต่พอบริกรออกไปพ้นโต๊ะ เพื่อนสาวทั้งสองก็ซักไซ้ต่อ

“ว่าไง แกอ่อยเหยื่อได้ปลาหรือเปล่า” วรรณธนาเริ่มก่อน

“เขาเป็นใครน่ะ”

“ได้เบอร์มาไหม”

“ชื่ออะไร”

“พอ...พอ...แกสองคนจะไม่หยุดให้ฉันตอบเลยใช่ไหม” กีรยายกมือปราม

“เอ้า ฉันปิดปากมันแล้ว” บุษบากรตักเค้กคำโตที่สั่งมากินกับน้ำชาก่อนอาหารคาวใส่ปากวรรณธนา

“เสียใจนะ ฉันไม่มีอะไรจะบอก เพราะไม่ได้ทำอย่างที่แกสองคนถามสักอย่าง” กีรยายิ้มแยกเขี้ยว ที่เพื่อนสาวทั้งสองนึกอิจฉาว่าคนสวยทำอะไรก็น่ารักไปหมด

“เฮ้ย ได้ไงยะ บอกมาซะดีๆว่าผู้ชายที่แกแถเข้าไปให้เขากอดมองสบตาปิ๊งๆเป็นนานสองนานนั่นเป็นใคร” วรรณธนาวางถ้วยชาที่จิบล้างคอยื่นหน้าเข้ามาใกล้ด้วยท่าทางอยากรู้จัด

“ฉันไม่รู้" กีรยาปฏิเสธ กลัวต้องตอบคำถามเพื่อนสองสาวที่ต้องซักไซ้จนไม่เป็นอันกินข้าว

"ไม่รู้อะไร อ่อยไม่ได้ผลหรือ" วรรณธนาถามต่อ

"ฮึ้ม แกนี่ นังกีมันเคยอ่อยซะที่ไหน รูปร่างหน้าตาอย่างมันไม่ต้องอ่อย หนุ่มๆก็วิ่งตามเป็นพรวนอยู่แล้ว" บุษบากรว่า

"แกก็อย่าขัดคอสิ ให้นังกีมันตอบ" วรรณธนาว่ากลับ

"ฉันก็แค่สะดุด เท่านั้นแหละ” กีรยาสรุป

"เท่านั้นแหละ โห จ้องกันเป็นนาน เป็นปลากัดก็ท้องไปแล้วละ สบตากันนานสองนานไม่ปิ๊งปั๊งกันบ้างหรือ”

“บ้าน่า” คำพูดของวรรณธนาสะกิดใจให้กีรยาหน้าร้อนซู่

“เออ แล้วแกหน้าแดงทำไม" วรรณธนาจับผิด

“ก็อายซิ หรือแกไม่อายถ้าเดินสะดุดคะมำต่อหน้าคนเป็นโขยงอย่างนั้น” บุษบากรตอบแทน

“แล้วสรุปยังไง เขาให้เบอร์โทรหรือบอกชื่อแกหรือเปล่า” วรรณธนาไม่ยอมเลิกรา

"อะไร นี่แกคิดว่าฉันไวไฟ ขอชื่อ ขอเบอร์ เขาเชียวหรือ" กรียาอดหัวเราะขำเพื่อนสาวไม่ได้

"ไม่บ้าหรอก บอกมาซะดีๆ ดูโน่นสิ ตะกี้ฉันยังเห็นเขามองตามแกตาละห้อย เขาต้องสนใจแกแน่ หรือแกให้เบอร์ให้ไลน์เขาไปแล้วอุบไว้คนเดียว ดูสิ" วรรธนาสะกิดบุษบากร

“อะไร นังวันทอง” บุษบาแกล้งเรียกเสียงดังบ้าง

“เฮ้ย...เบาหน่อย คนมองกันตรึมแล้ว” วรรณธนากวาดตามองคนรอบตัวที่หันมองตามเสียงบุษบากรเป็นตาเดียว

“เป็นไงล่ะ โดนซะมั่ง” บุษบาปิดปากหัวเราะคิกคัก แล้วเปลี่ยนเรื่องทันที “ไหน แกให้ดูอะไร”

“โน่นไง”

วรรณธนาเพยิดหน้าไปทางร่างสูงของหนุ่มหล่อที่ยืนหันหลังอยู่อีกฟากของห้องอาหาร ดูเหมือนเขาจะหันมามองทางโต๊ะที่พวกเธอนั่งอยู่หลายครั้ง

“ตะกี้ฉันเห็นเขายืนคุยอยู่กับ...” วรรณธนาชะงักเมื่อเห็นคนที่ตนกำลังจะพูดถึงก้าวเข้ามายืนตรงหน้า

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel