บท
ตั้งค่า

บทที่ 5...ไฟรักเพลิงเสน่หา...

“สวัสดีครับ คุณผู้หญิง ผมธานินทร์ผู้จัดการโรงแรม ขอโทษนะครับที่เข้ามารบกวน คือ วันนี้ทางโรงแรมมีโปรโมชั่นพิเศษเป็นรางวัลอาหารฟรีหนึ่งมื้อสำหรับผู้สั่งอาหารแบบโมร็อกโค และโต๊ะคุณผู้หญิงทั้งสามก็โชคดีได้รับเลือกให้รับรางวัลนี้ ผมขอแสดงความยินดีด้วยครับ”

หญิงสาวทั้งสามนั่งอ้าปากหวอ ตื่นตะลึงกับเซอร์ไพร์สจากผู้จัดการหนุ่มที่เข้ามายืนโค้งคำนับประกอบคำแสดงความยินดีด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างมีมิตรไมตรี

“กินฟรีหรือคะ...อ๊าย...ดีใจจังเลย...” วรรณธนาร้องขึ้น เป็นคนแรก ตื่นเต้นดีใจราวกับถูกรางวัลที่หนึ่ง นานครั้งจะมีลาภปากอย่างนี้สักทีต้องกินให้สุดคุ้มถึงท้องแตกตายก็ยอม

“รางวัลกินฟรีหรือคะ ขอบคุณคุณธานินทร์ค่ะที่กรุณาเลือกโต๊ะของพวกเรารับรางวัล” บุษบากรยิ้มหวานเลยไปถึงดวงตาให้ผู้จัดการหน้าตาคมเข้มที่ถูกชะตาตั้งแต่แรกเห็น

“อ๋อ...มิได้ครับ คนที่เลือก คือ มิสเตอร์เควิน เจ้าของโรงแรมน่ะครับ”

ธานินทร์ติดตามเจ้านายลงมาดูความเรียบร้อยภายในห้องอาหาร โดยมายืนสังเกตการณ์อยู่กับผู้จัดการฝ่ายห้องอาหาร เพื่อคอยเฝ้าระวังการบริการของพนักงานมิให้ขาดตกบกพร่อง จึงเห็นเหตุการณ์ที่สาวงามคนหนึ่งในโต๊ะเดินสะดุดเซถลาเข้าหาร่างสูงของประธานกรรมการบริหารโรงแรมที่เพิ่งเดินผละจากพวกเขาออกมา

เขารีบเดินเข้าไปจะถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง เป็นเวลาเดียวกับที่หญิงสาวสวยเดินผละออกไป จากนั้นก็ได้รับคำสั่งด่วนจากเจ้านายให้จัดโปรโมชั่นกินฟรีแก่โต๊ะของสามสาวงามเป็นกรณีพิเศษที่ทางโรงแรมไม่เคยทำมาก่อน

“มิสเตอร์เควิน เจ้าของโรงแรมเชียวหรือคะ เอ๊ะ คนที่เพื่อนดิฉันสะดุดไปชนเมื่อกี่หรือคะ” วรรณธนาเบิกตาโตตื่นเต้นกับชื่อเจ้าของโรงแรมมากกว่าคำบอกกล่าวการได้รับโชคกินฟรีเสียอีก

“ครับ คนนั้นละครับ” ธานินทร์เปิดยิ้มกว้างเมื่อเห็นอาการผู้ถาม

“ตายจริง...ยัยกีแกจำไม่ได้หรือว่าเขาเป็นใคร...” บุษบากรหันมาถามเพื่อนสาว และได้คำตอบเป็นการส่ายหน้าพาให้งง

“อ้าว! แกจะมาสัมภาษณ์เขาไม่ใช่เรอะ” วรรณธนาแปลกใจ

“ใช่ แต่ฉันเคยเห็นแต่รูปนะ ไม่ได้เคยเห็นตัวจริง” กีรยาพูดตามจริง

“ไม่จริงมั้ง หล่อเตะตาแทบบอดขนาดนั้นแกจะจำไม่ได้” วรรณธนาไม่ยอมเชื้อ มองค้อนเพื่อนตาปะหลับปะเหลือก

“เป็นแกจะมีกะจิตกะใจดูหรือว่าใครเป็นใคร แค่นี้ก็อายอยากจะแทรกดินหนีแล้ว” กีรยาแกล้งค้อนกลับบ้าง

“เออ...เป็นฉันก็คงไม่ทันดูทันคิดเหมือนกันแหละ” บุษบากรเข้าข้างเพื่อน

“แหม...จ้องกันอยู่เป็นนานสองนาน สมองแกไม่ทำงานบ้างหรือไงยะ” วรรณธนาค่อนขอดยังอิจฉาเพื่อนสาวไม่หายที่ได้อยู่อ้อมแขนและยืนจ้องตากับประธานโรงแรม

“อึม ” กีรยาอ้อมแอ้ม ยอมรับว่าตอนแรกสมองของตนไม่ได้ทำงานจริงๆ ความอับอายทำให้รีบจะหลบหลีกไป แต่พอได้สบตากันก็จดจำได้ ทั้งตื่นเต้นตั้งตกใจ และอับอายมากขึ้น ผนวกกับความรู้สึกวาบหวามอันแปลกประหลาดกีรยาจึงไม่อยากพูดถึงเจ้าของภาพถ่ายจากทำเนียบนักธุรกิจที่เฌอมาลย์ญาติผู้พี่ให้มาพร้อมแฟ้มประวัติคร่าวๆ ภาพนั้นเป็นภาพใหม่ที่น่าจะเพิ่งถ่ายได้ไม่นานทำให้เห็นใบหน้าและสีดวงตาเด่นชัด

“อ้าว!” เพื่อนสาวทั้งสองอุทานพร้อมกัน งงงันกับคำตอบ สั้นกุดของเพื่อนสาว

“ไม่แปลกหรอกครับที่คุณกีรยาจะจำท่านไม่ได้ เป็นปกติของคนกำลังตกใจ และคุณเควินก็ไม่ค่อยออกสื่อหรือเป็นข่าวบ่อยๆ” ธานินทร์ที่ยืนฟังสามสาวถกเถียงกันอยู่เอ่ยขึ้นเมื่อคิดว่าสามสาวคงลืมเขาเสียแล้ว

“อ้าว...ขอโทษนะคะ เราลืมคุณไปเลย” บุษบากรยิ้มเจื่อนที่เสียมารยาทกับชายหนุ่ม ปล่อยให้เขายืนรอเป็นนาน

“ค่ะ ดิฉันตกใจเลยไม่ทันสังเกต ต้องขอบคุณมากนะคะ ที่ให้โปรโมชั่นโต๊ะของพวกเรา” กีรยาโล่งใจที่ผู้จัดการโรงแรมช่วยให้การซักไซ้จากเพื่อนสาวยุติลง

“ไม่เป็นไรครับ ท่านฝากเรื่องมาเรียนถามคุณกีรยาด้วยครับ” ธานินทร์ยิ้มรับ ก่อนเอ่ยปากเรื่องที่เจ้านายฝากมา

“ฝากถาม...เรื่องอะไรหรือคะ” กีรยาแปลกใจ

“ท่านประธานฯ เอ้อ คุณเควินน่ะครับ ฝากให้เรียนถามคุณกีรยาว่าท่านขอพบบ่ายวันนี้ จะสะดวกไหมครับ”

“นั่นไง ท่านประธานเควินยังจำแกได้เลย” วรรณธนาสอดขึ้นอย่างลืมมารยาท และถูกบุษบากรซัดเผี้ยะให้อีกครั้ง

“โอ๊ย แกมาตีฉันทำไม” ร้องโวยที่เจ็บตัว แต่บุษบากรแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้พยักหน้าให้ธานินทร์กับกีรยาพูดต่อ

“มิสเตอร์เควินให้เข้าสัมภาษณ์เลยหรือคะ” กรียานึกไม่ถึงว่าที่เขาจะจดจำได้ และเดาว่าคงจะให้เข้าพบเรื่องงาน

“ท่านไม่ได้บอกครับว่าเรื่องอะไร ถ้าคุณกีรยาสะดวกเข้าพบผมจะได้ไปเรียนให้ท่านทราบ” ธานินทร์ไม่แน่ใจว่าเจ้านายจะเรียกพบเรื่องงานหรือเปล่า

“สะดวกสิคะ ดิฉันจะได้เข้าพบเวลาไหนคะ” กีรยาไม่คิดจะปฏิเสธ เพราะเตรียมงานไว้เสร็จสรรพแล้ว หากมิสเตอร์เควินจะให้สัมภาษณ์ก็สามารถทำได้ทันที นับเป็นโชคดีที่จะได้งานเร็วกว่าที่คาดไว้

“บ่ายสองโมงผู้ช่วยเลขาจะไปรอรับที่หน้าห้องพักพาไปพบท่านที่ห้องทำงานนะครับ”

“อ้อ ขอบคุณมากค่ะ”

“เชิญรับประทานอาหารตามสบายนะครับ ทางเราจะจัดอาหารพิเศษมาให้อีกสองสามอย่าง อย่างหนึ่งเป็นของหวานสไตล์โมร็อกโคโบราณ เชฟของเราปรับรสชาติให้ถูกปากคนไทยอร่อยมากครับ”

“จัดมาเลยค่ะ ท้องพวกเรายังจุของฟรีได้อีกเยอะ" วรรณธนารีบรับคำ

"กำลังอยากกินของหวานอยู่เชียว ขอบคุณมากนะคะ” บุษบากรยิ้มหวาน

สองสาวเป็นนักกินนักชิมที่ชอบเดินทางเสาะหาอาหารรสชาติแปลกใหม่ และอาหารสไตล์โมร็อกโคก็เป็นอีกชนิดหนึ่งที่สองสาวติดใจทั้งรสชาติทั้งการเสิร์ฟอาหารคาวกับอาหารหวานในคราวเดียวกันตามธรรมเนียมการกินอาหารของชาวโมร็อกโคโบราณที่สืบต่อกันมานาน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel