2. ตามล่าเจ้าสาว EP2
“เป็นไงบ้างคะ”
“ไม่มีอะไรครับ เราคงต้องอยู่ที่นี่ไปก่อน พรุ่งนี้เช้า ผมจะพาคุณไปจากที่นี่”
“ภาทำให้คุณต้องลำบากไปด้วย ขอโทษจริง ๆ นะคะ”
“อย่าคิดอย่างนั้นเลยครับ ผมบอกแล้วไง นอกจากเราจะเป็นเพื่อนกัน ผมยังเป็นว่าที่น้องเขยของคุณอีกด้วย”
เรวัตมองหน้าเธอนิ่ง ก่อนจะวางมือไปที่ข้อเท้าเรียวสะอาดของเธอ
“ขอผมดูข้อเท้าหน่อยนะครับ”
เขาพูดพลางก้มมองดูข้อเท้าพร้อมกับนวดคลึงเบา ๆ แต่ยิ่งเขาได้ใกล้ชิดเธอ ได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากเรือนกายหัวใจของเขาก็ยิ่งปั่นป่วนมากยิ่งขึ้น เขาช้อนสายตามองหน้าหวานละไมของเธอ
“ดีขึ้นไหมครับ”
“ค่ะ”
เธอยิ้มให้เขาเมื่อก้มมองดูข้อเท้าของตัวเองบริเวณที่เรวัตกำลังนวดคลึงเบา ๆ แต่ทันใดนั้นเอง หัวใจของเธอก็แทบหยุดเต้น เมื่อกลุ่มของชายฉกรรจ์ห้าคน กระโจนพรวดเข้ามาในกระท่อม
“โอ๊ะ!เรวัต”
ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เมื่อมองเห็นนายแปลกหน้าปรากฏตัว พวกเขาก้าวเข้าไปหาร่างบางของเธอ ในขณะที่เรวัตรีบเข้าต่อสู้กับคนพวกนั้นที่
“หนีไปภา หนีไป”
เรวัตหันมาบอกเธอ เมื่อถูกชายฉกรรจ์ทั้งหมดรุมทำร้ายอย่างหนัก
“ไม่ เราต้องไปด้วยกัน”
เธอร้องบอกพร้อมกับปรี่เข้ามาหมายจะช่วยเรวัต แต่กลับถูกชายฉกรรจ์สองคนจับเธอไว้
“สวยดีนี่ สวยมากซะด้วย มิหน้าล่ะ”
“ปล่อยเธอนะ หากแกอยากจะฆ่า ก็ฆ่าฉันปล่อยเธอไป”
“ไม่ต้องท้า แกได้ตายแน่”
เพียงแค่จบคำพูดของมัน ด้ามปืนก็ถูกซัดมายังท้ายทอยของเรวัต ทำให้เขาทรุดกายแน่นิ่งอยู่กับพื้น
“เรวัต!เรวัต”
ภาวมาลาร้องเรียกเขาสุดเสียงแล้วพยายาม จะสลัดแขนออกมาเพื่อจะวิ่งมาหาเขา แต่ชายฉกรรจ์สองคนกลับจับเธอไว้แน่นก่อนจะผลักร่างบางให้นอนราบลงกับพื้นแล้วใช้ผ้าปิดตาของเธอเอาไว้จนมองไม่เห็น จากนั้นก็ล็อคแขนขาของเธอเอาไว้อย่างแน่นหนา
“จะทำอะไร!!!ปล่อยนะ ปล่อยฉัน ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
เธอพยายามดิ้นรนหมายจะให้หลุดจากการพันธนาการ แต่ไม่สามารถทำได้เมื่อเรวัตลุกขึ้นมา แล้วพยักหน้าบอกคนของเขาให้ออกไปดูต้นทาง ส่วนที่เหลือให้จับเธอไว้
เขายื่นมือมาแตะที่แก้มนวลลูบไล้อย่างหลงใหลก่อนจะยื่นปลายจมูกหมายจะดมดอมกลิ่นแก้มแต่เธอก็เมินหน้าหนี
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
ภาวมาลากรีดเสียงร้องออกมา เป็นช่วงเวลาที่กลุ่มของนายเชี่ยว คนของตัถย์ธีราเดินไปใกล้บริเวณนั้น ทำให้พวกเขารีบวิ่งไปตามต้นเสียงทันที
“ทางโน้น”
คนของตัถย์ธีรา นำโดยนายเชี่ยว รีบวิ่งไปตามต้นเสียง แล้วก็ทันได้เห็นเรวัตกำลังจะถอดชุดวิวาห์ออกจากร่างบางของเธอ เร็วเท่าความคิด นายเชี่ยวลั่นไกรปืนใส่ร่างของเรวัตทันที
.. เปรี้ยง..
“โอ๊ะ!”
เสียงร้องนั้นทำให้ภาวมาลารู้สึกใจหาย แม้เธอจะมองไม่เห็นเนื่องจากผ้าที่ปิดตา แต่เสียงที่คุ้นหูนั้นมันเหมือนเสียงของเรวัต แต่ยังอดแปลกใจว่าทำไมเสียงอยู่ใกล้เธอแค่ลมหายใจเป่ารด ทั้งที่เธอเห็นเขาถูกตีสลบอยู่หน้าประตูกระท่อม หรืออาจจะไม่ใช่เขา
“เรวัต คุณหรือคะ เป็นอะไรหรือเปล่า”
เรวัตรีบลุกขึ้นมาจากร่างบางทั้งที่แขนขวาของเขาได้รับบาดเจ็บจากกระสุนปืนของนายเชี่ยว
“เสียงคุณนี่คะเรวัต คุณอยู่ไหน อยู่ไหนคะ ช่วยภาด้วย ช่วยด้วย ..”
เธอร้องเรียกเรวัตพร้อมกับพยายามดิ้นรนเพื่อจะออกมาจากเงื้อมือของชายฉกรรจ์ที่กดล็อคมือและเท้าของเธอไว้แน่น ในขณะที่เรวัต ผละจากร่างของเธอหลบไปยังมุมหนึ่งเมื่อคนของเขาเตรียมที่จะประทะกับคนของตัถย์ธีรา
“แกให้คนสวมเสื้อของฉันแล้วหลอกพวกมันไปอีกทาง ฉันจะรีบหนี ส่วนผู้หญิงคนนี้ก็ฆ่าทิ้งซะ”
เขากระซิบบอกคนของเขาก่อนจะมองมายังร่างของภาวมาลาที่ยังรู้สึกเสียดายอย่างมาก
“ครับนาย”
เรวัตรีบถอดเสื้อของเขาออกให้คนของเขาที่นำไปให้ลูกสมุนคนหนึ่งสวมใส่แล้ววิ่งออกจากที่นั่นไปทางด้านหลัง ก่อนที่นายเชี่ยวกับสมุนจะบุกเข้ามาในกระท่อม แล้วทันได้เห็นคนของเรวัตกำลังหันปากกระบอกปืนมายังร่างบางของเธอ
..เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง
แต่ทว่า เสียงปืนดังขึ้นติดต่อกันสามนัดซ้อน ทำให้ร่างของมัจจุราชที่เตรียมจะฉุดดวงวิญญาณของเธอหงายหลังล้มตึงขาดใจทันที
“เรวัต เรวัตคะ”
ภาวมาลาร้องเรียกหาเรวัตพร้อมกับดึงผ้าผูกตาออก แล้วก็ต้องยกมือปิดปาก เมื่อมองเห็นเลือดสีแดงฉานไหลอาบร่างของชายฉกรรจ์คนหนึ่งที่เตรียมจะฆ่าเธอ
“แกเป็นใคร เรวัต คุณอยู่ไหนคะ เรวัต”
เธอพยายามจะวิ่งหนีแต่คนของตัถย์ธีราก็ฉุดร่างเธอไว้แน่น
“มันไปทางโน้นพี่”
สมุนของนายเชี่ยวร้องบอก เมื่อมองเห็นชายคนหนึ่งสวมใส่เสื้อของเรวัตวิ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง ทำให้ภาวมาลารีบสลัดแขนออกจากการเกาะกุมแล้ววิ่งตามชายคนที่เธอเข้าใจว่าเป็นเรวัตไปทันที
“จับมันให้ได้ “
นายเชี่ยวร้องสั่งพร้อมกับวิ่งไปตามทิศทางที่เธอหนีไป ก่อนจะตะลุมบอนกับสมุนของเรวัต
“โอ๊ะ!!!”
ชายที่สวมใส่เสื้อของเรวัตถูกแทงด้วยมีดปลายแหลมจนร่างล้มฟุบ
“เรวัต!”
ภาวมาลาถลาเข้าไปหาร่างของเขาพร้อมกับสวมกอดแล้วร่ำไห้ เพราะเข้าใจว่าชายคนนั้นคือเรวัต
“จับตัวเธออกมา”
นายเชี่ยวร้องสั่ง ก่อนจะหันปากกระบอกปืนไปยังร่างของชายคนนั้น ทันทีที่เธอถูกพาตัวออกมา ลูกกระสุนก็แล่นเข้าปลิดขั้วหัวใจของมันทันที
“เรวัต!”
ภาวมาลาร้องเรียกเรวัตสุดเสียง ก่อนจะสะอื้นไห้ออกมาปริ่มว่าจะขาดใจ กับภาพที่เห็น เธอเสียใจและแค้นใจอย่างมาก
“เรวัต”
“พาเธอไป”
คำสั่งของนายเชี่ยวดังขึ้นอีกครั้งในขณะที่เธอพยายามขัดขืน แต่ไม่สามารถจะเอาชนะเรี่ยวแรงของชายฉกรรจ์กว่าห้าคนได้
“ปล่อยฉันไอ้คนเลว ไอ้ฆาตกรปล่อยฉัน ปล่อย”
ภาวมาลาดิ้นรนสุดชีวิตหมายจะไปหาร่างของเรวัต แต่ไม่เป็นผลเมื่อเธอถูกพาออกมาจากป่าทึบแห่งนั้น
“ พบตัวแล้วครับนาย แต่..”
เสียงคำพูดที่เงียบไป ทำให้ดวงตาที่คมกล้าค่อย ๆ ปิดลงอย่างช้า ๆ ทว่า เปลือกตานั้นกลับบีบลูกนัยน์ตาอย่างหนักหน่วง อีกทั้งฟันกรามยังขบเข้าหากันจนเป็นสันนูนออกมาให้เห็น เมื่อได้รับรายงานมาว่า ภาวมาลาได้หนีไปกับเรวัตจริง ไม่ใช่การเข้าใจผิดเลยแม้แต่น้อย
ฝ่ามือใหญ่สะอาดกำโทรศัพท์เอาไว้แน่น ด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่นมาตลอดคืนที่สุดแสนจะยาวนานเป็นที่สุด มันเจ็บปวดและทรมานอย่างที่คนอย่างเขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน
“ แต่ว่าผมฆ่าชายคนนั้น ในขณะที่ มันกำลัง..”
“ พอหยุด ไม่ต้องพูดอีกแล้ว..”
เขารู้สึกเจ็บจนไม่อาจจะทนฟังได้ว่าเธอยินยอมให้เรวัตแตะต้องครอบครอง
“แต่ว่า นายผู้หญิงปลอดภัย ตอนนี้ผมให้คนของผมพาเธอไปหานายที่บ้านครับ..”
“ พาไปที่ไร่ ”
จบคำพูดของเขา โทรศัพท์ในมือก็ถูกปิดลง ก่อนจะถูกขว้างลงสู่พื้นหินแกรนิตสีดำอย่างแรงด้วยอารมณ์ที่พุ่งพล่านเกินกว่าจะระงับ
“ ไงล่ะ พี่หวังว่า เธอคงไม่กล้าที่จะรับผู้หญิงเลว ๆ คนนั้นมาเทิดทูนให้อยู่ในฐานะเมียได้หรอกนะ..”
น้ำเสียงเยาะหยันของมณีมณฑ์ดังขึ้นก่อนจะปรากฏร่างในชุดแซกโนบราสีดำ เดินเฉียดร่างผ่านหน้าของเขามาแล้วหยุดเผชิญหน้ากับเขาตรง ๆ
“ ใช่ไหม ไม่รับใช่ไหม ตัถย์ธีรา เธอบอกพี่มาสิจ๊ะ..”
เขาเมินหน้าไปอีกทาง ด้วยอารมณ์ที่ยังคุกรุ่น
“ หนีจากงานแต่งงานในคืนฉลอง หนีการส่งตัวเข้าหอหมายความว่าไง ท่ามกลางแขกเหรื่อมากมาย หนีไปกับผู้ชายอีกคน หายไปด้วยกันทั้งคืน ยังจะเหลืออะไรให้เธอชื่นชมได้อีก..”
เขายังคงนิ่งเงียบ แต่มณีมณฑ์ กลับลุกไล่ต่ออย่างสาแก่ใจ
“ ไม่สนใจชื่อเสียงของพ่อแม่หล่อน แล้วยังฉีกหน้าเธอ ฉีกหน้าครอบครัวของเรา แสดงว่าไอ้ผู้ชายคนนั้น มันต้องมีอะไรดีเหนือกว่าเธอแน่ ”
เขาก้มหน้าลง พร้อมกับวางมือทั้งสองลงบนโต๊ะตัวหนึ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้น พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอดลึก
“ หยุดพูดเถอะครับพี่ ขอให้ผมได้จัดการเรื่องราวเหล่านี้ด้วยตัวของผมเอง..”
“ นั่นก็หมายความว่า เธอยังเสียดาย อาลัยอาวรณ์มันอยู่ใช่ไหม อยากกินน้ำใต้ศอกไอ้ผู้ชายหน้าโง่คนนั้น เธอไม่มีหนทางที่จะหาผู้หญิงคนใหม่ได้อีกแล้วหรือตัถย์ธีรา..”
“ มณีมณฑ์..”
เสียงเรียกของนาย ชะเลงศักดิ์ดังขึ้น ทำให้มณีมณฑ์จำต้องหยุด
“ พอทีเถอะลูก อย่าซ้ำเติมน้องอีกเลย..”
มณีมณฑ์ ยกมือกอดอกพร้อมกับหันหลังเดินห่างออกไป อย่างไม่ค่อยพอใจนัก
“ ทุกคนย่อมต้องมีเหตุผลของตนเองด้วยกันทั้งนั้น เรื่องนี้ พ่อขอให้ถือเป็นเรื่องส่วนตัวก็แล้วกัน ส่วนจะจัดการอย่างไรก็สุดแล้วแต่เถอะนะ ..”
“ พ่อคะ จะรับได้หรือคะ ดูสิ หนังสือพิมพ์ลงข่าวเกรียวกราวออกขนาดนี้ มณฑ์อายนะคะพ่อ..”
“ จะทำอย่างไรได้ เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว..”
ชายหนุ่มชำเลืองสายตามาหาบิดาหลังจากนิ่งอยู่สักพัก
“ ผมจะหลบไปสักพักนะครับพ่อ..”
นายชะเลงศักดิ์ นิ่งก่อนจะพยักหน้าช้า ๆ
“ ดีเหมือนกัน ลูกไปดูแลไร่ให้พ่อก็ดีนะ ทางนี้ไม่ต้องห่วง ยังมีมณฑ์กับอธินอยู่ช่วยพ่อ..”
“ เลยยุ่งกันไปหมด นี่อีกไม่นาน พวกบ้านโน้นคงพากันมาที่นี่ เพื่อขอร้องไม่ให้เอาสินสอดคืนกระมัง..”
“ เรื่องยังไม่เกิดนะลูก อย่าตีตนไปก่อนไข้เลย..”
นายชะเลงศักดิ์ปรามลูกสาวคนโตเบา ๆ
“ ผมไปนะครับพ่อ ฝากบอกคุณแม่ด้วย..”
เขาพูดจบก็ยกมือไหว้ลาบิดา พลางชำเลืองสายตามาหาพี่สาว ก่อนจะก้าวออกจากบ้านตรงไปยังรถคู่ใจของเขาแล้วขับออกไปจากบ้านด้วยความเร็วสูง