บทที่ 7
จิณวัฒน์ที่อุตส่าห์คิดแผนเบี่ยงเบนความสนใจของลดาจากเรื่องษริสาไปคุยเรื่องดารานักแสดงถึงกับหน้าซีดเผือด เพราะเขาไม่คิดว่าลดาจะเป็นหนักขนาดนี้ แถมคำพูดร่ายยาวของอีกฝ่ายอาจจะส่งผลให้ชีวิตของทิวาสั้นลงไปอีกด้วย
“อ่า… เจ้ครับ”
“ว่าไง”
“คิดไว้หรือยังครับ ว่ากลางวันนี้เราจะกินอะไรกันดี”
ลดาทำท่าครุ่นคิดและหันไปมองทางราชิตอย่างขอคำตอบ หากแต่อีกฝ่ายกลับเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ราวกับว่าเขาไม่ต้องการจะพูดคุยกับเธออย่างไรอย่างนั้น
“เฮีย” หญิงสาวเอ่ยเรียกคนที่นั่งอยู่ทางด้านขวาของตัวเองเสียงอ้อน “กลางวันนี้เฮียนัดลูกค้าไว้ที่ไหนคะ ลูกค้าคนนี้ต้องสำคัญมากแน่ๆ เลยใช่ไหม เฮียถึงได้ให้เค้าตามออกมาด้วย”
ใบหน้าเย็นชาในตอนแรกอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อได้ยินคำถามจากคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างกัน ส่งผลให้ทิวาที่ลอบสังเกตผู้เป็นนายผ่านทางกระจกส่องหลังพรูลมหายใจออกมาทางปากอย่างโล่งอก
“ลูวินซ์ทำธุรกิจกับเรามานานแล้ว เขาสนิทกับอาเหิงมาก”
ราชิตอธิบายถึงคู่ค้าคนนี้ด้วยคำพูดที่สั้นกระชับ ทว่าใครบางคนที่ค่อนข้างรู้จักอีกฝ่ายเป็นอย่างดีกลับเติมลักษณะพิเศษเข้าไปด้วยอย่างลืมตัว
“คุณลูวินซ์หล่อมากด้วยนะครับ ตอนที่คุณริสาเจอเขาครั้งแรกยังตะลึงเลย เป็นมาเฟียที่มาดสมาร์ตสุดๆ เสียดายที่อายุน้อยกว่าเฮียหลายปี ไม่อย่างนั้นคุณริสาจับคุณลูวินซ์กลืนลงท้องไปแล้ว”
คนที่จงใจไม่กล่าวถึงหน้าตาอันหล่อเหลาราวกับเทพเจ้ากรีกของลูวินซ์ปรายตามองจิณวัฒน์อย่างคาดโทษ ทว่ายามนี้คนที่กำลังเล่าไม่ได้ให้ความสนใจกับบรรยากาศที่เริ่มมาคุขึ้นมาทีละนิดเลยแม้แต่น้อย
“จริงหรอ ชักอยากเห็นหน้าซะแล้วสิ เอ๊ะ! อายุน้อยกว่าเฮียแล้วยังไง หรือว่าเขาอายุน้อยกว่ายัยคุณริสานั่นด้วย” ลดาถามตาเป็นประกาย
“ถูกต้องนะครับ ปีนี้คุณริสาอายุสามสิบสามแล้ว ส่วนคุณลูวินซ์พึ่งจะยี่สิบเก้า คุณริสาคงไม่อยากกินเด็กมั้งครับ ดูท่าทางเหมือนว่าคนแถวนี้จะอร่อยกว่าเยอะ” จิณวัฒน์ที่อยากแกล้งให้เจ้านายของเขาเป็นไบโพลาร์กล่าวติดตลก และไม่วายยกยอเรื่องความอร่อยของราชิตมาไว้ท้ายประโยคเพื่อเอาตัวรอดอย่างหวุดหวิด
“เฮียเล่อเนี่ยนะ อร่อย?” ลดาถามย้ำ
“ครับ”
ใบหน้ากระจ่างใสหันไปพิจารณาคนข้างตัวเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาสั่นศีรษะปฏิเสธ
“ดูท่าทางแล้วน่าจะเคี้ยวยาก แถมยังชอบทำหน้าดุอีก แค่อ้าปากเตรียมจะงับก็เข่าอ่อนแล้วเถอะ”
“หลงเสน่ห์ในความหล่อจนเข่าอ่อนหรอครับ” จิณวัฒน์แกล้งถาม
“เปล่า กลัวจนเข่าอ่อน คนอะไรไม่รู้ดุอย่างกับ…”
คนตัวเล็กเงียบเสียงลง เพราะนึกขึ้นได้ว่าถ้าเธอยังยั่วโทสะเขาไปมากกว่านี้ อาจจะมีใครสักคนในรถโดนยิงไส้แตกได้ ถึงแม้ว่าคนคนนั้นจะไม่ใช่เธอ แต่ลดาก็ไม่ได้อยากเป็นต้นเหตุให้ใครตายเสียหน่อย
“อย่างกับอะไร”
ร่างบางห่อไหล่เข้าหากันราวกับว่าต้องการให้ตัวเองตัวเล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะพอเธอไม่พูดต่อ ก็กลับกลายเป็นเขาเสียเองที่ถามขึ้น
“เอ่อ… เหมือนกระต่ายมั้ง” หญิงสาวว่าพลางหัวเราะแห้ง แล้วพลิกคว่ำโทรศัพท์มือถือเพื่อให้เขามองเห็นเคสลายกระต่ายถือปืนที่อยู่ด้านหลัง “แบบนี้ไงคะ”
จิณวัฒน์กลั้นยิ้มด้วยความขบขัน เมื่อเห็นว่าลดาสามารถเอาตัวรอดไปได้อย่างหวุดหวิด สมกับที่เขายกย่องอีกฝ่ายพอๆ กับที่ให้การเคารพนับถือราชิต
ทั้งสามก้าวลงมาจากรถตู้เมื่อถึงสถานที่นัดหมาย ซึ่งเป็นภัตตาคารอาหารจีนชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร
สาเหตุที่พวกเขาเลือกสถานที่แห่งนี้ นั่นก็เป็นเพราะลูวินซ์บอกว่าอยากทานติ่มซำก่อนเดินทางกลับ ราชิตจึงเลือกที่นี่เป็นสถานที่ต้อนรับ และความเป็นส่วนตัวของห้องอาหารที่อยู่ด้านในก็เหมาะแก่การเจรจาธุรกิจของเขาที่สุด
“นายครับ ผมเห็นคนของตระกูลจางที่นี่”
เมฆาที่มาเตรียมสถานที่ต้อนรับลูวินซ์ก่อนที่ทุกคนจะมาถึงเดินเข้ามากระซิบกับผู้เป็นนาย ก่อนที่เขาจะสะบัดหน้าไปทางเคาน์เตอร์ของภัตตาคารเพื่อบอกตำแหน่งของเป้าหมาย
ทว่ายังไม่ทันที่ราชิตจะออกคำสั่งกับลูกน้องของตน เสียงของใครบางคนก็ดังขัดขึ้นมาเสียก่อน
“ดาด้า!”
คนถูกเรียกแอบกลอกตาใส่เจ้าของเสียงเล็กน้อย แล้วหันไปพยักหน้ารับการทักทายของเขาอย่างขอไปที
“ผู้ชายคนนี้คงเป็นพี่ชายที่ดาด้าเคยพูดถึงสินะ” จางหงว่าพลางหันไปมองราชิตอย่างพิจารณา ก่อนจะประนมมือไหว้อีกฝ่ายอย่างมีมารยาทและกล่าวแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับ ผมชื่อเรดเป็นบอยเฟรนด์ของดาด้า”
“พูดแค่ ‘เฟรนด์’ ก็พอมั้งเรด”
ลดารีบปรามอีกฝ่ายเสียงห้วน ส่งผลให้เจ้าของชื่อหันมาส่งยิ้มทะเล้นให้เธอ
“โอเค เฟรนด์ครับ ยังไม่ได้เป็นมากกว่านั้น”
หญิงสาวมองดูสถานการณ์อันน่าอึดอัดใจนี้อยู่สักครู่ ก่อนจะตัดสินใจคว้าข้อมือของเพื่อนออกไปคุยกันข้างนอก
“ถ้าคุยกับเพื่อนเสร็จแล้ว เดี๋ยวเจ้จะโทรหานะจิน”
“ครับ”
จิณวัฒน์ตอบรับด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเหล่ตามองท่าทางนิ่งเฉย แต่ภายในใจไม่ได้สงบอย่างที่แสดงออกมาของผู้เป็นนาย
และเมื่อลดากับเพื่อนของเธอคล้อยหลังไปแล้ว ราชิตก็ขยับปากถามเรื่องที่เขาสงสัยกับเมฆาทันที
“คนตระกูลจางมาทำอะไรที่นี่”
“เหมือนจะมาคุยเรื่องธุรกิจนะครับ”
“จับตาดูให้ดี” ราชิตสั่ง
“ครับนาย”
เจ้าของร่างสูงใหญ่ที่สุดในกลุ่มก้มมองหน้าปัดนาฬิกาข้อมือของตน ก่อนจะหันไปยังทิศทางที่ลดาจากไปด้วยสายตาคาดโทษ แล้วออกคำสั่งกับเมฆาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด
“ไปตามสืบมาด้วยว่าไอ้เรดนั่นมันเป็นใคร พ่อแม่พี่น้องทำอาชีพอะไร แล้วรู้จักกับอาหลิงได้ยังไง หลังคุยธุระกับลูวินซ์เสร็จ ฉันต้องรู้เรื่องของมันทุกเรื่อง!”
“เอ่อ… นายครับ” เมฆาทำใจกล้าเอ่ยขึ้น
“มีปัญหา?”
“ไม่ใช่ครับ แต่ผมแค่จะบอกนายว่า ผมรู้แล้วว่าคนที่นายต้องการให้สืบเป็นใคร”
ใบหน้าคมสันแข็งค้างขึ้นมาทันควัน เพราะต่อให้อีกฝ่ายไม่อธิบายอะไรออกมาเลย เขาก็พอจะปะติดปะต่อข้อมูลทั้งหมดได้
“เรดก็คือจางหง ลูกชายคนเล็กของผู้นำตระกูลจางครับ”