บทที่ 5
ท่าทางถมึงทึงของคนตรงหน้าคลายลงจนแทบไม่เหลือ ทว่าใบหน้ากระจ่างใสกลับล่อกแล่กคล้ายมีความลับอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ และความลับที่ว่านี่ เธอจะปล่อยให้มันรั่วไหลไปเข้าหูของพี่ชายบุญธรรมไม่ได้เด็ดขาด
“รีบอาบน้ำแต่งตัว แล้วก็ลงไปกินข้าวได้แล้ว อย่าลืมว่าวันนี้เราต้องเข้าบริษัทพร้อมกัน เข้าใจ๋?” ราชิตออกคำสั่งยาวเหยียด ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเพื่อลงไปรอข้างล่าง
“รับทราบค่ะ ท่านประธาน”
คนตัวโตพยักหน้ารับ แต่ก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องนอนของหญิงสาว เจ้าของร่างสูงก็หันกลับมาพูดอะไรบางอย่างเสียก่อน
“ถ้าฝันร้ายก็ต้องรีบตื่น”
“ตื่นมายิงคนที่แอบบุกเข้าห้องคนอื่นน่ะหรอ” ลดาถามติดตลก ทว่าผู้บุกรุกกลับขึงตาใส่เธอเสียนี่
หลังจากที่ประตูห้องนอนปิดลงแล้ว ลดาก็รีบลุกขึ้นมาจากเตียงอย่างรวดเร็ว เพราะหญิงสาวจำได้ว่าวันนี้ตัวเองต้องเริ่มงานที่บริษัทอย่างเป็นทางการเป็นวันแรก และที่ราชิตออกจากบ้านช้ากว่าปกติก็เป็นเพราะว่าเขากำลังรอเธอไปบริษัทพร้อมกันนั่นเอง
ร่างแบบบางที่ดูเล็กกะทัดรัดตามแบบฉบับสาวเอเชียสวมชุดจั๊มสูทสีดำทับด้วยเสื้อสูทตัวนอกสีขาวสะอาดตา ส่งผลให้คนที่เดินโปรยยิ้มหวานลงมาจากบันไดดูเป็นผู้ใหญ่สมอายุ แถมยังดูกระฉับกระเฉงมากกว่าที่ผ่านมา จนสมาชิกทุกคนภายในบ้านหวังกิจรุ่งเรืองผูกสายตาเอาไว้ที่ร่างของเธอด้วยความตกตะลึงกันถ้วนหน้า กระทั่งเจ้าตัวสาวเท้าเข้ามายืนอยู่ใกล้กับเก้าอี้ประจำข้างโต๊ะรับประทานอาหาร
“วันนี้หนูไม่รับข้าวนะคะน้าลี อยากกินแค่กาแฟดำก็พอค่ะ” ลดาหันไปทำเสียงอ้อนใส่มาลีที่ทำท่าว่าจะตักข้าวต้มร้อนๆ ใส่ถ้วยให้เธอ
“ไม่ได้”
เสียงเข้มที่เอ่ยห้ามขึ้นมากลางวงทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารอึมครึมขึ้นมาทันตา
“ทำไมจะไม่ได้คะ ก็เค้าอยากกินแค่กาแฟเค้าก็จะกินแค่กาแฟ เฮียมาเกี่ยวอะไรด้วยเนี่ย”
“เดี๋ยวเป็นโรคกระเพาะ”
ราชิตปรามคนที่อ้าปากเถียงเขาคอเป็นเอ็นด้วยคำพูดที่กระชับและได้ใจความ ทว่ามีหรือที่ลดาจะยอมสยบให้เขาโดยง่าย
“เค้ากินออกจะบ่อย”
“น้าลีตักข้าวต้มใส่ถ้วยให้อาหลิงเถอะครับ” เจ้าของบ้านบอก โดยไม่สนใจท่าทางไม่พอใจจนแก้มพองเป็นปลาทองของเธออีก
“เฮีย!”
การโต้เถียงกันของคนทั้งคู่ตกอยู่ในสายตาของสมาชิกบ้านแซ่เทียน ทว่าคนที่ทนดูผู้ชายอายุสามสิบห้าและผู้หญิงอายุยี่สิบเจ็ดเถียงกันเป็นเด็กๆ ไม่ไหวถึงขั้นหลุดหัวเราะออกมาเป็นคนแรกก็คือเทียนจิน หรือจิณวัฒน์ ซึ่งอายุน้อยที่สุดในบ้าน แต่มีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าลดาที่อายุมากกว่าเขาเสียอีก
ลดาถอนสายตาจากราชิต และหันมามองน้องเล็กของบ้านอย่างเอาเรื่อง
“หัวเราะอะไรจิน”
“หัวเราะ… หัวเราะนกที่หน้าต่างครับ” จิณวัฒน์ตอบปัดเพื่อเอาตัวรอด แล้วชี้นิ้วออกไปทางหน้าต่าง ซึ่งอยู่ทางด้านหลังของลดาพอดี “เสียดายจังที่มันบินหนีไปแล้ว สีสวยด้วยนะ เจ้หลิงน่าจะชอบ”
“เจ้ไม่ชอบดูนก”
คำตอบของหญิงสาวเจ้า ทำให้เทียนเหิงต้องรีบยื่นมือเข้ามาหยุดสงครามน้ำลายที่กำลังจะก่อตัวขึ้นมาอีกครั้ง
“ผมว่านายกับคุณหลิงรีบทานอาหารเช้ากันเถอะครับ นี่ก็สายมากแล้ว วันนี้คุณหลิงต้องเข้าไปเริ่มงานอย่างเป็นทางการวันแรกด้วย วันนี้อยากเรียนงานจากฝ่ายไหนเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ”
“การตลาดค่ะ” ลดาตอบอย่างไม่ลังเล ขณะที่ยกแก้วกาแฟดำขึ้นมาจิบอย่างดื้อดึงภายใต้สายตาคาดโทษของเจ้าบ้านที่ยังคงถลึงตามองการกระทำเอาแต่ใจของเธอไม่เลิก
“ดีเลยครับ ผมกับนายไม่ถนัดงานด้านการตลาดอยู่พอดี”
จิณวัฒน์เหล่ตามองไปทางเจ้านายของตนกับพ่อเพื่อรอดูปฏิกิริยาของอีกฝ่ายด้วยสายตาสื่อความนัยบางอย่างที่บิดาของเขาแสร้งทำเป็นไม่รับไม่รู้ใดๆ ทั้งสิ้น
ราชิตเนี่ยนะไม่ถนัดงานด้านการตลาด...
ไม่มีทางซะหรอก! อีกฝ่ายจัดการงานทุกอย่างได้ภายในพริบตาราวกับเนรมิตได้ ความสามารถล้นมือยิ่งกว่าเขาที่จบปริญญาตรีตั้งแต่อายุสิบแปดเสียอีก ไม่อย่างนั้นบริษัทวัสดุภัณฑ์กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเครือหวังกิจรุ่งเรืองจะเติบโตรวดเร็วได้ขนาดนี้หรือ
“จิน”
“ครับ?”
“สั่งคนขับรถเตรียมรถด้วย”
จิณวัฒน์พยักหน้ารับ ก่อนจะรีบตักข้าวต้มคำสุดท้ายเข้าปากและออกไปสั่งคนขับรถให้เตรียมรถอย่างรวดเร็ว
“วันนี้อาเหิงจะบินไปฮ่องกงอีกครั้งใช่ไหมครับ” ราชิตเอ่ยถามเสียงเรียบ เพราะเรื่องนี้เขากับเทียนเหิงได้คุยกันเรียบร้อยแล้ว ทว่าคนที่ไม่ได้ร่วมคุยด้วยตั้งแต่ต้นกลับถามขึ้นมาเสียนี่
“อาเหิงเจอเบาะแสของคนชั่วพวกนั้นแล้วหรอคะ”
“ครับคุณหลิง หลายปีมานี้ทุกอย่างดูเงียบสงบจนน่าแปลกใจ แต่เมื่อสองเดือนก่อนตระกูลจางกับตระกูลเฉินดันส่งลูกน้องมาวนเวียนอยู่ใกล้พื้นที่โกดังของเราแทบทุกวัน โชคดีที่ไม่ได้มีการปะทะกันแถวนั้น แต่ก็ยังวางใจไม่ได้อยู่ดี เพราะเราไม่รู้ว่าพวกมันมีจุดประสงค์อะไรกันแน่”
“โกดังตระกูลหวัง เราเก็บไว้เพื่อล่อให้พวกมันเปิดเผยตัวอยู่แล้วไม่ใช่หรอคะ” ลดาเอ่ยถาม
“ครับ แต่การที่พวกมันกลับมาวนเวียนอยู่ใกล้ของๆ เราแบบนี้ นั่นก็หมายความว่า…”
“พวกมันรู้แล้วว่าเฮียยังไม่ตาย!”
“ครับ”
คำยืนยันของเทียนเหิงส่งผลให้แผ่นหลังเล็กรู้สึกเย็นวาบด้วยความหวาดหวั่นใจ ศัตรูที่หลบซ่อนตัวอยู่ภายในเงามืดมาตลอดยี่สิบปี ยอมเปิดเผยตัวออกมาไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าหากพวกมันรู้ว่าเธอกับหวังเล่อไม่ได้ตายไปตั้งแต่เมื่อยี่สิบปีก่อน ศึกนองเลือดระหว่างตระกูลต้องเกิดขึ้นอีกแน่
ไม่ใช่เราที่ฆ่ามัน… ก็ต้องเป็นมันที่ฆ่าเรา