บทย่อ
ใครจะไปคิดเล่าว่าแพทย์ทหารแห่งเมืองกวางโจวอ่านนิยายจะทะลุมิติมาเป็นนางร้ายลูกแฝดสามคน ในนิยาย เอาล่ะนางจะทำดีกับพ่อของเด็กทั้งสามก่อน ในยามที่เขาหายตาบอดเขาจะได้ไม่สังหารนาง เพราะเขาคืออัครเสนายดี
1 เจ้าเด็กแฝดสาม
"ทำไมนางไม่รักพวกเรา" เสี่ยวต้าพลันมองมารดาที่วิ่งไล่พวกเขาจนนางหัวกระแทกกับขอบโต๊ะเป็นลมสลบไป
"แค่พวกเราขโมยกินข้าวต้ม นางก็โกรธ" เสี่ยวเอ้อร์พูดด้วยความน้อยใจ
"นางไม่รักพวกเรา" เสี่ยวสามแฝดคนที่สามพลันเอ่ยขึ้น
ไป๋หยีพลันลืมตาขึ้นมาปวดศีรษะยิ่งนัก นางมองดูเด็กชายอ้วนทั้งสามคนจ้องนางอย่างไม่กะพริบตาเลยแม้แต่น้อย
"นางยังไม่ตาย" เจ้าแฝดทั้งสามคนรีบถอยหลังไปคนละก้าวมองไป๋หยีด้วยความกลัว
ความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมพลันไหลเข้ามาในสมองของไป๋หยี
ไป๋หยีเป็นมารดาที่มีจิตใจชั่วร้ายที่ทำร้ายได้แม้กระทั่งลูกในไส้ของตัวเอง ภาพที่นางตบตีเจ้าแฝดไหลเข้ามาเรื่อย ๆ
"อย่าเข้ามานะ" แฝดสามคนพูดพร้อมกัน ไป๋หยีพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นหญิงสาวจับที่หน้าผากมีเลือดไหลออกมาเล็กน้อย
"พวกเจ้าไม่ต้องกลัวข้า" ไป๋หยีเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน จนทำให้เจ้าแฝดสามคนถึงกับขนลุก มารดาพูดเช่นนี้
ผีหลอกกลางวันเสก ๆ แล้ว
"ข้ากลัวแล้ว ข้าจะไม่ขโมยของท่านแล้ว" แฝดสามเอ่ยพร้อมกัน ไป๋หยีมองอย่างเวทนาเจ้าของร่างเดิมทำไมเป็นคนใจดำเช่นนี้เล่า
แม้แต่หมามันยังรักลูกของมัน แต่เจ้าของร่างเดิมซ้ำยังไม่สนใจอีกทั้งด่าทอทุบตีเจ้าแฝดอีกต่างหาก
ไป๋หยีค่อย ๆ ก้าวไปหาเจ้าแฝดทั้งสามคน นางกำลังลูบศีรษะของเจ้าแฝดคนโต
"หยุดนะ เจ้าจะทำอะไร" แต่ทว่ามีคนมาจัดจังหวะเสียก่อน ไป๋หยีหันไปมอง บุรุษผู้หนึ่งดูเหมือนเขาจะตายบอดข้างหนึ่ง เขาถือไม้เท้ายืนข้างประตูเรือน
นี่เขาพิการตาบอดเขายังหล่อเหลาเพียงนี้ ใบหน้าดุจพระเอกหนังจีน ไป๋หยีมองด้วยสายชื่นชมในความหล่อของเขา
ความทรงจำบางอย่างไหลเข้ามา บุรุษตาบอดผู้นี้คือสามีเจ้าของร่างเดิม เผยเสวียน
"ตามพ่อเข้ามาในเรือน" เจ้าแฝดทั้งสามรีบเดินไปหาบิดา แววตาที่เขามองไป๋หยีเต็มไปด้วยไปสังหาร ตาอีกข้างที่ไม่ได้บอดสนิท ไป๋หยีถึงกับขนลุก
นางมองห้องเล็ก ๆ ของเรือนนี้มีเพียงเตียงไม้เก่าหนึ่งหลังและตู้เสื้อผ้า อีกทั้งตั้งเตี้ยและเตาผิงไฟ
ไป๋หยีรีบทำแผลนางทะลุมิติมาพร้อมกระเป๋าพิเศษที่มียารักษาโรค ที่สำคัญกระเป๋าใบนี้ยังสามารถบรรจุสิ่งของได้ด้วย
ไป๋หยีทำแผลเสร็จเดินไปที่คันฉ่องอันเก่าต้องตกใจกับใบหน้าที่มีปานด้านขวาครึ่งหนึ่งของแก้มเลย
นางถึงกับอ้าปากค้าง หากใบหน้านี้ไม่มีตำหนิหรือปานนางคงเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งในหมู่บ้านสกุลเผยเลยทีเดียว
ไป๋หยีหลับตานึกคิดว่าตัวเองทะลุมิติมาในนิยายเล่มนี้ได้ยังไง
ในโลกปัจจุบันนางเป็นแพทย์ทหารของกวางโจว ช่วงเวลานั้นเป็นการลาพักร้อน ช่วงนั้นไป๋หยีไม่มีอะไรทำจึงไปเช่านิยายในร้านหนังสือแห่งหนึ่ง
ในค่ำคืนนั้นนางอ่านนิยายยังไม่จบ อ่านได้คร่าว ๆ ว่านางร้ายในเรื่องอัปลักษณ์และใจดำ ส่วนพระเอกของเรื่องจะหายจากความตาบอด
เป็นอัครเสนาบดีอันดับหนึ่งที่มีชื่อเสียงในต้าเยียน ส่วนนางเอกของเรื่องเป็นบุตรสาวขุนนางในเมืองต้าเยียน
ส่วนนางร้ายเช่นนางที่อัปลักษณ์จะโดนพระเอกสังหารตายหลังจากที่เขาหายตาบอด รู้สึกว่าเขาจะโดนพิษของยุทธภพ
ไม่ได้แล้วไป๋หยีต้องเปลี่ยนอนาคตของตัวเอง นางยังไม่อยากตายในนิยายเรื่องนี้ นางต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองเสียใหม่ นับตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นไป
ห้ามรังแกเจ้าแฝด
ห้ามว่าร้ายเจ้าแฝด
นางต้องรักเจ้าแฝดเพื่อรักษาชีวิตให้รอดในนิยายเล่มนี้ ก่อนที่พระเอกจะหายตาบอด อีกทั้งนางยังต้องคิดแผนในใจว่าจะต้องทำเป็นหาหมอมารักษาพระเอก เพื่อพ่อพระเอกจะได้ไม่สงสารนาง
อันดับแรกนางต้องทำอาหารอร่อยให้พวกเขาทานเสียหน่อย
ไป๋หยีเข้าครัวมองกระทะเก่าหนึ่งใบกับเตาไฟ เอาล่ะการก่อไฟมิใช่ปัญหา นางคือหมอทหารของกวางโจวรักษาชาวบ้านในหุบเขาชนบทก็ทำมาแล้ว
ไป๋หยีทำข้าวต้มใส่ไก่สี่ฟองให้พวกเขาสี่พ่อลูกได้กิน ใบหน้านั้นห่อด้วยผ้าขาวบาง ภายใต้ผ้าขาวบางมีรอยยิ้มผุดขึ้นมา ไป๋หยีหวังเพียงว่าสี่พ่อลูกจะให้โอกาสนางเสียบ้าง
ในห้องของเผยเสวียนเขานั่งบนเตียงกับเจ้าแฝดสามคน ดวงตาข้างหนึ่งของเขาบอดสนิทเหลือเพียงแค่ข้างหนึ่งที่พอมองเห็นอย่างเลือนราง
"พวกเจ้าเจ็บมากรึไม่" มือหนาใหญ่สัมผัสที่แก้มเสี่ยวต้า เสี่ยวเอ้อร์ เสี่ยวซาน เด็กแฝดสามคนคือดวงใจของเขา เขามิอาจให้หญิงชั่วทำร้ายบุตรอันเป็นที่รักของเขาได้
"ท่านพ่อข้ากลัวนาง" เจ้าแฝดสามคนเอ่ยขึ้นพร้อมกัน ยิ่งทำให้คนเป็นบิดาปวดใจอย่างมาก
นับตั้งแต่หญิงชั่วคลอดลูกมานางไม่เคยเลี้ยงเจ้าแฝดเลย มีเพียงแต่เขาเท่านั้นที่เลี้ยงดูเจ้าแฝด หากเขาไม่ตาบอดเสียก่อน เขาคงได้เป็นทั่นฮวาในเมืองหลวงต้าเยียนเเล้ว
เพียงเพราะการเดินทางกลับบ้านในครั้งนั้นเขาต่อสู้กับโจรภูเขา พวกมันดักปล้นเสบียงที่เขานำกลับมาฝากบิดามารดา พวกมันใช้ผงพิษสาดเข้าดวงตาของเขาข้างหนึ่ง
อนาคตที่สดใสรุ่งโรจน์มืดดับขึ้นมาทันทีเพราะการตาบอดของเขา ทำให้เขาต้องได้ออกจากราชการการเป็นทั่นฮวา...