ตอนที่ 8 หน่อไม้ทำเช่นนี้ได้ด้วยหรือ 4
“เร่งมือหน่อยเถอะ ยิ่งพวกเราทำผนังบ้านเสร็จเร็วเท่าไหร่ ก็จะได้พักเร็วเท่านั้น”
เหวินหลงที่ถูกหลานสาวคาดหวังได้แต่ยิ้มออกมาอย่างจนใจ
“นั่นสิเจ้าคะ ขนาดม่านหรงนางยังเตรียมอาหารไว้คอยท่าเลย พวกเราก็เร่งมือกันอีกหน่อยเถอะเจ้าค่ะ”
ไป๋หลิวเหยาหันไปทางสามีที่ทำสีหน้าอมทุกข์เพราะยังไม่หลุดออกมาจากภวังค์ความคิด
“อะ-อืม งั้นก็รีบทำให้เสร็จเถอะ”
ไป๋ต้าผางผงกหัวตอบรับภรรยาไป ในใจก็คิดเพียงแค่ว่าวันข้างหน้าจะดีกับลูกสาวให้มากยิ่งขึ้น
‘เฮ้อ ข้าจำต้องเร่งมือเช่นกันสินะ’
โจวเหวินหลงแอบพ่นลมหายใจออกมา
ไม่นานม่านหรงก็หุงข้าวจนฟูขึ้นหม้อทั้งยังส่งกลิ่นหอมฉุยน่าทาน แม้ว่าการหุงข้าวด้วยหม้อดินจะยากไปสำหรับนาง แต่เพราะนางมีความรู้ที่สืบทอดมาจากร่างเดิม ทำให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
ม่านหรงมองไปที่หม้อข้าวกับอาหารหนึ่งอย่างแล้วนึกขบขัน ชีวิตก่อนของนางแม้จะไม่มั่งมี แต่กับข้าวของนางในแต่ล่ะมื้อก็ควรมีมากกว่าสามอย่าง
“อาหารที่มีน้อยนิดนี่! คงไม่พอให้คนตัวโตหลายคนอิ่มท้องได้”
ม่านหรงปิดฝาหม้อข้าวแล้วยกไปวางบนเตียงไม้ไผ่ ก่อนจะวางหม้อดินลงที่เตียง นางยังใช้เศษหญ้าแห้งวางรองก้นหม้อที่ร้อนระอุ เพื่อไม่ให้เตียงไม้ไผ่เกิดรอยไหม้จนดูไม่งาม
หลังจากยกหม้อข้าวไปวางเสร็จ ม่านหรงก็ตักผัดหน่อไม้ใส่ไข่ใส่หม้อดินอีกใบ ปิดฝาดีแล้ว นางจึงนำไปวางข้างกันกับหม้อข้าว และหาเศษใบไม้รองก้นหม้ออย่างดีเช่นกัน
“หน่อไม้บนเขาก็มีมากมาย หากข้าขึ้นไปเก็บมาเพิ่มอีกสักหน่อยก็คงจะผัดหน่อไม้พริกแห้งได้อีกหนึ่งอย่าง”
ม่านหรงนำกระทะไปล้างน้ำสะอาดที่คันโยกบาดาลแล้วนึกถึงหน่อไม้อวบๆ บนเชิงเขาที่ยังเหลืออยู่
ด้วยเหตุนี้ หลังจากที่ม่านหรงล้างกระทะเสร็จ นางก็หลบหลีกสายตาผู้คนแล้วสะพายตะกร้าใบเล็กขึ้นไปที่เชิงเขาเงียบๆ
“จอสีฟ้าโปร่งแสงนี่ นอกจากข้าคนอื่นก็มองไม่เห็นสินะ”
ไม่ว่าม่านหรงจะเดินไปตรงไหน หน้าต่างที่คล้ายกับว่าเป็นเกมเสมือนจริงนี่ก็เคลื่อนตัวตามนางไปทุกที่
“ช่างเถอะ ไม่อยากตอบก็ช่าง อย่างไรซะข้าก็รู้แล้วว่าคนอื่นมองไม่เห็น”
ม่านหรงกระชับสายตะกร้าที่สะพายหลังแล้วก้าวขายาวๆ ขึ้นเชิงเขาไป
“ห้องของเจ้าทำเสร็จแล้ว ติดกับห้องของเจ้าเป็นห้องโถงเล็ก ถัดไปเป็นห้องของม่านหรง พอพวกเราทำห้องให้ม่านหรงเสร็จค่อยมาทำห้องครัวกันต่อ”
โจวเหวินหลงปาดเหงื่อออกจากใบหน้า
“งั้นเราก็ต้องเร่งมืออีกหน่อยแล้วล่ะเจ้าค่ะ”
ไป๋หลิวเหยาอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าห้องนอนของตนเสร็จแล้ว
“นั่นสินะ รีบทำให้เสร็จ จะได้พักเร็วๆ”
ไป๋ต้าผางใช้แขนเสื้อซับเหงื่อของตน แล้วยกยิ้มอย่างพอใจ
“ดูท่าแล้วพรุ่งนี้พวกเราต้องเหนื่อยกันอีกวัน”
โจวเหวินหลงคิดถึงวันพรุ่งที่ตนเองจะย้ายออกมาจากบ้านหลัก ใจที่หนักอึ้งมานานหลายเดือนก็พลันเต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น
ผู้ใหญ่สามคนช่วยกันคนละไม้ละมือ พอวางเคล้าโครงบ้านเสร็จทุกอย่างก็ดูเหมือนว่าจะง่ายขึ้น หลังคาบ้านจากที่สร้างไว้พอประมาณถูกขยายออกมามากกว่าเดิมหลายเท่าตัว ห้องของสองผัวเมียกว้างประมาณห้าคูณห้า ถัดมาเป็นพื้นที่โล่งขนาดไม่กว้างนักก่อนจะเป็นห้องพักของม่านหรงที่มีขนาดเท่าห้องของบิดา
ม่านหรงที่ขึ้นไปเก็บหน่อไม้เดินเร็วๆ ลงมาจากเชิงเขา นางลงมือผัดหน่อไม้พริกแห้งจนเรียบร้อย จากนั้นก็ตักแบ่งอาหารใส่หม้อดินได้สองหม้อ
“หอมมาก ข้าจามไปหลายรอบแล้ว ดูท่าวันนี้ข้าคงจะมีลาภปากได้ลิ้มลองรสมือของม่านหรงเป็นแน่”
โจวเหวินหลงผูกมัดบานประตูให้ม่านหรงเสร็จก็ยกยิ้มอย่างพอใจ
“ข้าจะทำเตียงไม้ไผ่เพิ่มอีกหน่อย เวลาทานอาหารจะได้สะดวกมากขึ้น”
ไป๋ต้าผางคิดถึงเวลาทานมื้อค่ำ มันคงจะยุ่งยากมากหากไร้ซึ่งเตียงนั่ง เพราะพื้นดินโล่งด้านล่างนี้ไม่เหมาะสำหรับนั่งกินข้าวปลา
“ได้สิ หลังจากทำผนังห้องให้ลูกสาวของเจ้าเสร็จ เราจะทำเตียงนอนให้นางใหม่ ส่วนเตียงที่นางวางหม้อข้าวอยู่นั้นก็ใช้เป็นเตียงนั่งทานอาหารแทน”
“เอาอย่างเจ้าว่าก็ดี”
ต้าผางเห็นด้วยกับคำกล่าวของเพื่อนรัก ในเมื่อเตียงด้านนอกวางกับข้าวกับปลาไปแล้ว เช่นนั้นก็สร้างอีกเตียงให้ม่านหรงเลยดีกว่า
ครึ่งชั่วยามต่อมาบ้านพักของต้าผางก็แล้วเสร็จ ในตัวบ้านมีสองห้องนอน หนึ่งห้องนั่งเล่น ข้างๆ ตัวบ้านยังทำเป็นห้องครัวขนาดเล็กเอาไว้ใช้สอย หลังจากทำเตียงนอนชิ้นสุดท้ายให้ม่านหรงเสร็จ สองเพื่อนรักก็ยกเตียงนั้นเข้าไปในห้องของม่านหรง
“เสร็จเสียที”
เหวินหลงนอนแผ่หลาลงกับเตียงของหลานสาวพร้อมกับถอนหายใจแรงๆ ออกมา
“เราไปล้างหน้าล้างมือกันเถอะ อีกอย่างเจ้าก็ต้องรีบกลับบ้าน ไม่เช่นนั้นเมียและลูกจะเป็นกังวลเอาได้”
ต้าผางส่งยิ้มให้เหวินหลงที่ทำหน้ายู่
“ใจร้ายกันทั้งพ่อทั้งลูก ข้าช่วยงานงกๆ ทั้งวัน ข้าวปลาก็ไม่ให้กินแถมยังไล่ข้ากลับบ้านอีก”
เหวินหลงค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งพลางบ่นให้ต้าผาง ม่านหรงใช้งานเขาเอาเป็นเอาตาย ส่วนสหายรักใช้แรงงานเขาเสร็จก็ถีบหัวส่ง เหวินหลงส่ายหัวไปมา ถึงจะรู้ว่าในยามนี้อาหารหายากแต่พวกเขาก็ใจร้ายเกินไปแล้ว
“เอาน่า! ไว้พรุ่งนี้ข้าจะช่วยเจ้าทำงานเยี่ยงข้าทาสเลยดีหรือไม่”
ต้าผางวางมือลงบนบ่าเหวินหลงอย่างปลอบใจ
“เจ้าพูดไปเถอะ อย่างไรเสียพรุ่งนี้เจ้าก็หนีไม่พ้น”
เหวินหลงคาดโทษเพื่อนรักเอาไว้ล่วงหน้า ทั้งพ่อทั้งลูกใช้งานเขาเสร็จก็เฉดหัวส่ง คอยดูเถอะพรุ่งนี้ข้าจะใช้งานเจ้าให้สมใจ
“พี่ชายโจว! พวกท่านออกมาพอดีเลย พี่โจวม่านหรงทำอาหารไว้ให้ท่านหนึ่งหม้อดิน ข้ายกไปวางบนเกวียนให้ท่านแล้ว และม่านหรงก็ตักน้ำไปให้ลากินแล้ว จะเหลือก็แต่ตุ่มน้ำนั้นที่ยังไม่ได้ยกขึ้นเกวียนเจ้าค่ะ”
หลิวเหยาที่ยืนรอสองชายชาตรีฉีกยิ้มออกมา นึกไม่ถึงว่าม่านหรงจะตอบแทนโจวเหวินหลงด้วยอาหารเต็มหม้อ แต่ถึงกับข้าวนั้นจะมากมายแค่ไหน นั่นก็เป็นเพียงหน่อไม้ที่นางเก็บมาโดยไม่ได้เสียเงินสักอีแปะเดียว
“โอ้ ถือว่านางยังรู้ความอยู่บ้าง ไม่เหมือนกับเจ้า! เร่งให้ข้าทำงานเลือดตาแทบกระเด็น ขอบคุณข้าสักคำก็หามีไม่”
เหวินหลงกล่าวชมหลานสาวเสร็จก็หันขวับไปต่อว่าเพื่อนรัก ถึงปากเขาจะพูดไม่ไพเราะเสนาะหูเท่าไหร่ แต่ใบหน้าของเหวินหลงกลับยังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้มเช่นเคย
“เชื่อข้าเถอะ พรุ่งนี้ข้าจะทำงานอย่างหนักเพื่อช่วยเหลือเจ้า”
ต้าผางหัวเราะเสียงดังและเอื้อมมือไปกอดคอเพื่อนรัก
“ข้าไปยกน้ำขึ้นเกวียนก่อนแล้วกัน ป่านนี้เมียข้าคงจะคิดถึงข้าแล้วเป็นแน่”
โจวเหวินหลงยิ้มกว้างออกมาอีกครั้ง ก่อนจะเดินไปนำเกวียนลามาใกล้ๆ แล้วยกตุ่มน้ำขึ้นทางเกวียนด้านหลัง
“ตุ่มนี้ค่อนข้างใหญ่มาก วันข้างหน้าข้าจะซื้อตุ่มน้ำแบบนี้สักอัน หากเป็นแบบนั้นคงจะเก็บน้ำไว้ใช้ได้มากโข”
ไป๋ต้าผางยิ้มไม่หุบ แล้วเดินออกไปส่งเหวินหลงที่ถนนเส้นเล็ก
“นี่ก็พระอาทิตย์คล้อยต่ำมากแล้ว ท่านแม่กับท่านพ่อไปล้างเนื้อตัวให้สบายกายก่อนเถอะเจ้าค่ะ”
“ได้สิ แต่ก่อนอื่นพวกเราต้องยกที่หลับที่นอนไปเก็บให้เข้าที่เสียก่อน”
ไป๋หลิวเหยามองไปที่เตียงข้างบ้าน ซึ่งในยามนี้เต็มไปด้วยหม้ออาหาร จานชาม รวมถึงที่นอนที่พึ่งขนมา
“เจ้าค่ะ เช่นนั้นของของข้าให้ข้าจัดการเอง ส่วนท่านแม่ก็จัดการสิ่งของของท่านกับท่านพ่อไปนะเจ้าคะ”
พูดจบม่านหรงก็หยิบจับสิ่งของของเจ้าของร่างเดิม ที่นอน และ ผ้าห่มจึงถูกขนย้ายเข้าไปด้านในทันที
ไป๋หลิวเหยาอมยิ้ม อย่างน้อยๆ ในเวลาเช่นนี้ม่านหรงก็ไม่ทำตัวน่ารำคาญ หรือแม้แต่ร้องไห้ฟูมฟายเหมือนเมื่อก่อน
“ท่านพี่กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ”
ไป๋หลิวเหยาหันไปทางสามีที่เดินกลับเข้ามาในเขตตัวบ้าน
“อืม มาเถอะข้าจะช่วยเจ้ายกของเข้าไปเก็บ เสียดายก็แต่พื้นที่หาได้เป็นพื้นปูนไม่ ไม่เช่นนั้นเจ้าก็คงจะอยู่สบายกว่านี้”
ต้าผางสบตากับภรรยาแล้วกล่าวโทษตนเองที่ทำได้เพียงเท่านี้
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ขอแค่มีที่ซุกหัวนอน มีอาหารและน้ำให้ เพียงเท่านี้ข้าก็พอใจมากแล้ว”
หลิวเหยาอยากเข้าไปสวมกอดสามีเหลือเกิน แต่กลัวว่าบุตรสาวจะออกมาเห็นการแสดงความรักในที่โจ่งแจ้ง นางจึงบอกให้สามีช่วยยกข้าวของเข้าไปเก็บในห้องพัก
เมื่อปูที่นอนไม่หนาและไม่บางจนเกินไปเสร็จ ม่านหรงก็หย่อนก้นนั่งลงกับที่นอนใหม่
“ระบบ ในเมื่อเจ้ามอบคันโยกบาดาลให้ข้าได้ แล้วเช่นนั้นเจ้ามอบบ้านน็อคดาวน์ให้ข้าสักสองสามหลังได้หรือเปล่า”
ข้อความจากระบบ : หากท่านใช้พรของท่านร้องขอกล่องสุ่ม นั่นอาจเป็นไปได้
“เช่นนั้น อีกเจ็ดวันข้าค่อยขอก็ได้ใช่ไหม”
ข้อความจากระบบ : แนะนำให้ใช้พรล่วงหน้า หากท่านใช้พรในอีกเจ็ดวัน พรนั้นอาจจะมาล่าช้า หรือไม่อาจจะมาในเจ็ดวันถัดไป
“อ้อ เข้าใจแล้ว ถ้าข้าต้องการขอพรในช่วงที่ระบบจะมอบกล่องของขวัญให้ ก็ต้องรอสัปดาห์ต่อไป แต่หากข้าใช้พรล่วงหน้าพอถึงเวลานั้นบ้านน็อคดาวน์ก็จะโผล่มาในรูปแบบกล่องสุ่มประจำสัปดาห์ใช่ไหม”
ข้อความจากระบบ : ใช่
“แบบนี้ก็แจ่มเลยอะดิ”
ม่านหรงยิ้มแฉ่งออกมาอย่างตื่นเต้น หากเป็นตามที่ระบบแจ้งไว้ เช่นนั้น พรุ่งนี้นางจะใช้ปากสาปแช่งกับระบบ และให้ระบบมอบกล่องสุ่มเป็นบ้านน็อคดาวสามหลัง
ไม่สิ! ข้าจะเอาสี่หลังไปเลย ขนาดของบ้านต้องได้มาตรฐาน
หนึ่งหลังควรมีหนึ่งห้องนอน หนึ่งห้องน้ำ หนึ่งห้องครัว แล้วก็ต้องมีห้องรับแขกกว้างๆ หน่อย
ที่สำคัญบ้านน็อคดาวน์แต่ละหลังจะต้องมีระบบไฟฟ้าครบวงจร และมีแหล่งพลังงานจากแสงอาทิตย์ติดไว้บนหลังคา
แม่เจ้า! เพียงแค่คิดม่านหรงก็ร้อง ว้าว!! ออกมา ช่างน่าประทับใจเหลือเกิน
“ม่านหรง แม่กับพ่อของเจ้าล้างเนื้อตัวเสร็จแล้วนะ หากเจ้าอยากอาบน้ำก็รีบไปอาบก่อนที่ฟ้าจะมืดเถอะ”
ไป๋หลิวเหยาเคาะประตูบอกลูกสาวหลังจากที่ล้างเนื้อตัวเสร็จ
“เจ้าค่ะ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
ม่านหรงที่อยู่ในภวังค์ความคิดสะดุ้งโหยงพลันขานรับมารดา
“ดีแล้วๆ รีบไปล้างเหงื่อไคลออกเสีย จากนั้นจะได้ทานมื้อเย็นแล้วค่อยเข้านอน”
“เจ้าค่ะ”
ม่านหรงเปิดห่อผ้าออกมาแล้วหยิบชุดเรียบง่ายมาหนึ่งชุดก่อนจะเดินออกจากห้องไป
“ม่านหรงเจ้าออกมาจากห้องได้เสียที เจ้ารีบๆ อาบน้ำท่าหน่อยนะ แม้ว่าแถบนี้จะไม่มีผู้คน แต่ก็อย่างว่านั่นแหละ เจ้าก็หาใช่เด็กเล็กไม่”
“เจ้าค่ะท่านแม่”
หลิวเหยายืนคอยท่า พอเห็นบุตรสาวออกมาจากห้องแล้วจึงเดินกลับไปที่ห้องของตนเอง
ม่านหรงเปิดประตูบ้านออกไป แล้วปิดประตูบ้านไว้ดังเดิม
บ้านที่สร้างจากไม้ไผ่นี่ไม่ดีเอาเสียเลย จะเปิดปิดประตูที ก็ต้องยกประตูขึ้นเล็กน้อย ไม่เช่นนั้นพื้นล่างของประตูจะชำรุดเอา
เมื่อเดินอ้อมไปทางซ้ายของตัวบ้าน ม่านหรงก็พบว่ามีถังน้ำกับกระบวยที่ทำมาจากน้ำเต้าครึ่งซีกวางอยู่ ท่านแม่คงจะเตรียมไว้ให้ข้าโยกน้ำอาบง่ายขึ้น
ม่านหรงมองซ้ายแลขวา ถึงไป๋หลิวเหยาพึ่งจะบอกไปว่าที่แถบนี้ไร้ผู้คน แต่การที่หญิงสาวอย่างนางจะต้องมาอาบน้ำกลางที่โล่งแจ้ง มันก็รู้สึกแปลกอย่างบอกไม่ถูก
ไป๋ม่านหรงตัดสินใจถอดเสื้อผ้าออกจนหมด แล้วใช้ผ้าเนื้อบางผืนหนึ่งมาพันรอบตัวเอาไว้ นางวางรองเท้าไว้ห่างจากพื้นดินที่เปียกเล็กน้อย เมื่อจัดแจงทุกอย่างเสร็จ ม่านหรงก็เดินมานั่งลงข้างๆ ถังไม้แล้วอาบน้ำอย่างใจเย็น
พระอาทิตย์สีแดงลูกใหญ่ค่อยๆ ร่วงหล่นลงช้าๆ ม่านหรงขัดขี้ไคลออกจากเนื้อตัวแล้วตักน้ำราดอย่างสบายกาย
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ม่านหรงก็เช็ดเนื้อตัวช่วงบน จากนั้นก็ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างเร่งรีบ ตามด้วยเช็ดร่างกายท่อนล่างแล้วสวมใส่กางเกงอย่างเงอะงะ
กระทั่งใส่เสื้อผ้าแล้วเสร็จ ม่านหรงถึงได้เช็ดเท้าทีละข้างให้แห้ง แล้วสวมใส่รองเท้าก่อนจะเดินเร็วๆ กลับเข้าไปในตัวบ้าน
อาจเป็นเพราะเสียงกุกกักของประตูบานหลัก เมื่อท่านแม่ได้ยินจึงเดินออกมาดู
“เป็นเช่นไรบ้างเจ้าอาบน้ำสะดวกหรือไม่”
ไป๋หลิวเหยาเอ่ยถามบุตรสาว ทั้งๆ ที่นางก็รู้ดีว่ามันไม่ง่ายเลยที่ผู้หญิงจะทำเช่นนั้นในที่โล่งแจ้ง
แต่สำหรับม่านหรงที่ผ่านร้อนหนาวมากว่ายี่สิบปีในโลกอันกว้างใหญ่ แค่อาบน้ำกลางแจ้งมันก็แค่เรื่องจิ๊บๆ ขนาดนางเดินนุ่งน้อยห่มน้อยนางยังไม่อายแต่นี่ไร้สายตาผู้คนมีหรือที่นางจะหวาดหวั่น
“แม่ปรึกษากับพ่อของเจ้าแล้ว วันพรุ่งพ่อของเจ้าจะทำกำแพงไม้ไผ่ล้อมรอบพื้นที่เล็กๆ เพื่อทำเป็นห้องอาบน้ำ จากนั้นค่อยซื้อโอ่งน้ำสักใบไปวางด้านใน เวลาเจ้ากับแม่ล้างตัวจะได้สะดวกมากยิ่งขึ้น”
ม่านหรงยกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะขอตัวเอาเสื้อผ้าไปเก็บ
“ทำห้องอาบน้ำส่วนตัวสินะ แบบนั้นก็ดีข้าจะได้ไม่ต้องกังวลเวลาเปลี่ยนชุด”
ม่านหรงพูดเสียงเบาพลางเก็บเสื้อผ้าที่ใช้แล้วแขวนไว้มุมห้อง เพราะพื้นดินอาจมีพวกมดหรือแมลงที่อาจจะมากัดเสื้อผ้านางให้ขาดเป็นรูได้
