บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 7 หน่อไม้ทำเช่นนี้ได้ด้วยหรือ 3

“นี่ต้าผาง เขาลือกันไปทั่วว่าแม่ของเจ้าขับเจ้าออกจากสกุล ข้าว่านะ แม่ที่ห่วงแต่ลูกชายคนโตอย่างนาง เจ้าหลุดพ้นมาได้ก็นับว่าเป็นโชควาสนา ว่าแต่เจ้าจะมาซื้ออันใดรึ วันนี้นะข้าอารมณ์ดีจะแถมสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ ให้เจ้าสักหน่อยก็แล้วกัน”

หวังต้าหยูส่งยิ้มเป็นมิตรให้กับอีกฝ่าย แต่จริงๆ แล้วนี่เป็นเพียงกลเม็ดเล็กน้อยที่เขาใช้เพื่อหลอกล่อให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ

“ขอบคุณขอรับ ข้าแค่อยากมาดูเครื่องปรุงสักหน่อย”

ต้าผางตอบรับด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะให้ภรรยาเดินไปเลือกซอสถั่วเหลือง น้ำมัน และเครื่องเทศมาพอประมาณ

“ข้าเห็นแก่ที่เจ้าพึ่งย้ายที่พักอาศัย ข้าคิดรวมๆ ให้เจ้ายี่สิบอีแปะก็แล้วกัน ส่วนนี่เป็นของแถมถึงมันไม่ได้มากมายแต่เจ้าก็รับไว้เถอะนะ”

หวังต้าหยูคิดราคาของเพิ่มเป็นเท่าตัวจากราคาเดิม ส่วนของแถมที่เขาว่าก็คือเกลือแค่หนึ่งกำมือเพียงเท่านั้น

“แพงขนาดนี้เชียว”

ไป๋หลิวเหยาอุทานเสียงหลง ทว่าพอเห็นสามีควักอีแปะจ่ายไป นางก็ทำได้แค่เก็บความคับอกคับใจเอาไว้เพียงเท่านั้น

“เดินทางปลอดภัยนะต้าผาง ไว้ว่างๆ ก็แวะมาอุดหนุนข้าบ้างนะ”

พอเห็นสองสามีภรรยาขึ้นเกวียนลาเตรียมจากไป หวังต้าหยูก็โบกมือให้พร้อมกับพูดเชื้อเชิญให้พวกเขากลับมาอุดหนุนตนอีกครั้ง

“ท่านพี่ ท่านแจกเกลือให้ชาวบ้านอีกแล้วหรือเจ้าคะ”

หวังหลี่อันภรรยาของหวังต้าหยูกล่าวขึ้นอย่างเคืองๆ รู้ทั้งรู้ว่ายามนี้ทุกอย่างหายาก แต่สามีของนางกลับไม่เลิกนิสัยช่วยเหลือผู้อื่นทางอ้อมเสียที

“โธ่เมียรัก เจ้าก็รู้ว่าเกลือนั้นไม่แพงเลย อีกอย่างตอนที่เรารับซื้อมาราคาก็เท่าหางอึ่ง ข้าทำแบบนี้ก็เพื่อให้ลูกค้าเห็นถึงความจริงใจแล้ววนกลับมาซื้อซ้ำ อย่าห่วงไปเลยน่าข้าไม่ยอมให้เจ้าขาดทุนหรอกนะ”

หวังต้าหยูเดินไปเชยคางเมียรักขึ้นอย่างเอาใจ

“ฮึ! ให้มันเป็นแบบนั้นจริงๆ เถอะ”

หวังหลี่อันได้แต่กระทืบเท้าหนึ่งที ก่อนจะหันหลังเดินเข้าบ้านไปด้วยความไม่พอใจ

ขากลับ ไป๋ต้าผางนึกขึ้นมาได้ว่าเหวินหลงอยากได้น้ำที่บ้านของเขา ก่อนกลับไปที่ตีนเขา เขาจึงแวะไปที่บ้านโจวและบอกโจวชิงเหอไปตามจริง

“ในเมื่อสามีข้าว่ามาเช่นนั้น งั้นเจ้าก็ยกตุ่มน้ำนี่ขึ้นเกวียนไปด้วยเถิด”

โจวชิงเหอชี้มือไปที่ตุ่มน้ำหน้าบ้านก่อนจะส่งยิ้มให้หลิวเหยา นางเห็นใจหลิวเหยาเป็นอย่างมาก ลูกสาวของหลิวเหยามัวแต่สนใจชายหนุ่มและนำข้าวของไปประเคนให้อีกฝ่าย จนคนทางบ้านพากันเดือดร้อนอยู่ไม่เป็นสุข

แต่ใครจะรู้ดีเท่าชิงเหอว่าชายแซ่ฟางนั้นเจ้าเล่ห์เพทุบายขนาดไหน ยังดีที่ชิงเหอรู้เรื่องนี้ก่อน ลูกสาวของนางจึงไม่ถูกล่อลวงไปในทางที่มิชอบ ไม่เช่นนั้น… นางก็คงปวดใจไม่แพ้กันกับหลิวเหยาในยามนี้

แต่ถึงกระนั้น เรื่องที่น่าสงสารและเห็นใจที่สุดก็คงจะเป็นการที่พวกเขาถูกขับออกจากสกุล มันช่างเป็นเรื่องที่น่าหดหู่เสียจริง

ในยามทุกข์ยากเช่นนี้ การเริ่มต้นชีวิตใหม่นั้นไม่ง่ายเลย อย่างน้อยๆ ข้ากับสามีก็ยังพอมีอันจะกินไม่เดือดร้อนมาก ถึงแม้จะต้องเจอกับสายตาคอยจ้องมองจากพี่สะใภ้ก็ตาม

“พี่สาวโจวข้าขอบคุณท่านมากสำหรับน้ำใจที่ท่านมอบให้”

ทันทีที่หลิวเหยาเอ่ยปาก แม่นางโจวก็รีบยกนิ้วชี้ขึ้นมาจรดริมฝีปากแล้วหันมองซ้ายขวาอย่างร้อนใจ

“เจ้าอย่าพูดเลยนะ”

โจวชิงเหอส่ายหัวบอกในๆ หลิวเหยาจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ นางได้ยินมาจากพี่โจวบ้างแล้วว่าพี่โจวกับพี่สะใภ้ไม่ค่อยลงรอยกัน แต่ไม่คิดว่ามันจะร้ายแรงถึงขนาดต้องหลบซ่อนเพียงนี้

“เจ้าได้ตุ่มน้ำไปแล้วก็รีบกลับเสียเถอะ ข้ารู้ว่าพวกเจ้ามีเรื่องที่ต้องสระสางอีกมาก”

โจวชิงเหอยิ้มอ่อนพลางโบกมือไล่ นางไม่อยากให้พี่สะใภ้มารู้เห็นสิ่งใด รวมทั้งเรื่องที่นางแอบซุกของกินไว้อีกจำนวนหนึ่ง

อีกทางด้านหนึ่ง…

โจวเหวินหลงกับม่านหรงช่วยกันทำหลังคาจนแล้วเสร็จ หลังจากนั้นก็ช่วยกันขุดหลุม เพื่อเตรียมทำห้องแยกให้กับม่านหรงตามที่คุยกันไว้ ตลอดช่วงเวลาระยะหนึ่งเหวินหลงรับรู้ถึงความแน่วแน่ของม่านหรงได้ นอกจากนางจะช่วยทำหลังคาได้อย่างไร้ที่ติ นางยังมีความว่องไวแม่นยำจนน่าเหลือเชื่อ หากมีคนบอกเขาว่านางเคยทำงานเช่นนี้มาก่อน แน่นอนว่าเขาจะเชื่อโดยไร้ข้อกังขา

“ท่านลุง เรามาทำเตียงนอนของข้าต่อกันเถอะเจ้าค่ะ”

ไป๋ม่านหรงมองเวลาจากแสงแดดที่ร้อนจ้าแล้วรบเร้าลุงโจวให้เร่งมือ

โจวเหวินหลงส่ายหัว ผู้เป็นพ่อมัวแต่คิดเรื่องไม่เป็นเรื่อง กลับกัน ลูกสาวไม่เอาอ่าวของเขาต่างหากที่กลายมาเป็นกำลังหลัก เมื่อเห็นท่าทางไม่ล้อเล่นของม่านหรง เหวินหลงจึงรีบเร่งทำเตียงนอนให้กับหลานสาว หลังจากนั้นสองลุงหลานก็เดินอย่างเร่งรีบไปตัดไม้ไผ่แล้วทยอยขนลงมาเตรียมไว้ทำตัวบ้านต่อ

“ลุงขอพักเหนื่อยหน่อยนะ ไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวจริงๆ อากาศร้อนมากเหมือนลุงจะเป็นลมแดดแล้วเนี่ย”

โจวเหวินหลงทิ้งตัวลงกับพื้นพลางหอบหายใจแรงๆ เหมือนกับว่าพึ่งวิ่งลงมาจากเขา

ไป๋ม่านหรงเห็นดังนั้นนางก็เดินไปที่คันโยกน้ำบาดาล ก่อนจะเอากระบอกไม้ไผ่ไปใส่น้ำมาให้ลุงโจวดื่มกิน

“ขอบใจนะม่านหรง”

โจวเหวินหลงรับเอากระบอกน้ำมาจากหลานสาว แม้นเขาไม่รู้ว่านางไปแอบทำกระบอกใส่น้ำตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่นับได้ว่าเขารอดมาได้เพราะกระบอกน้ำนี้

“ท่านลุง ท่านใช้น้ำนี่ล้างหน้าล้างตาสักหน่อยเถอะเจ้าค่ะ”

ม่านหรงมองลุงโจวที่ยิ้มกว้าง ทั้งๆ ที่เหนื่อยเจียนแทบขาดใจ

“ท่านลุงพักก่อนเถอะเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าไปผ่าไม้ไผ่รอ”

ไป๋ม่านหรงเห็นลุงโจวเทน้ำราดใบหน้าก็เบาใจ เพราะที่เขาต้องกลายมาอยู่ในสภาพนี้ก็ล้วนเป็นเพราะนางทั้งนั้น

“หา! เจ้าจะไปผ่าไม้ไผ่ต่อรึ ลุงว่าเจ้าพักสักหน่อยก่อนค่อยไปทำต่อเถอะนะ พึ่งเดินลงมาจากเชิงเขาแท้ๆ เดี๋ยวก็เป็นลมเป็นแล้งไปก่อนหรอก”

“เวลาไม่คอยท่าแล้วเจ้าค่ะ หากล่าช้ากว่านี้ คืนนี้ข้าเกรงว่าจะนอนไม่หลับ”

ม่านหรงอมยิ้มน้อยๆ ก่อนจะหันหลังไปเริ่มงานทันที เหวินหลงเห็นม่านหรงฮึดสู้ แต่เขาทำได้แค่มองนางเพียงเงียบๆ ด้วยร่างกายที่อ่อนแรง

“ข้าคงจะแก่แล้วจริงๆ เดินขึ้นลงเขาไม่กี่รอบก็หอบรับประทานเสียแล้ว”

เหวินหลงอิงตัวนั่งติดกับเตียงไม้ไผ่ เวลาผ่านไปนานแล้วแต่เหตุใดต้าผางยังไม่กลับมาเสียที

พอเขาคิดได้เช่นนั้น ก็ได้ยินเสียงของลาและเกวียนลากแว่วมาจากถนน หันไปก็พบว่าต้าผางกำลังเลี้ยวเข้ามายังที่พักที่กำลังสร้างพอดี

“ในที่สุดเจ้าก็กลับมาเสียที ขืนปล่อยข้าไว้กับลูกสาวเจ้านานกว่านี้ ข้าคงจะได้เหนื่อยตายก่อนวัยอันควร”

เหวินหลงหัวเราะเบาๆ พลางพูดกับตัวเอง

“เหวินหลงข้าแวะไปนำตุ่มน้ำที่บ้านเจ้ามาด้วยหนึ่งตุ่ม ขากลับเจ้าจะได้นำน้ำกลับไปดื่มกินด้วย”

ต้าผางยิ้มกว้างออกมาพลางหยุดเกวียนลาแล้วจูงสายจูงไปผูกติดกับต้นไม้แห้ง

“ท่านพ่อท่านจูงลาไปดื่มน้ำที่คันโยกสักหน่อยเถอะเจ้าค่ะ ดูแล้วเหมือนกับว่ามันเพลียมากเลย”

ม่านหรงเดินมาทางมารดา แล้วหันไปบอกพ่อของนาง

“นั่นสินะ พวกเราใช้งานมันแต่ไม่ได้ให้อะไรมันกินเลย”

ต้าผางพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะจูงลาทั้งสองตัวไปดื่มกินน้ำ

“ม่านหรงเจ้าดูสิ แม่ได้ซอสถั่วเหลืองกับเครื่องเทศมาด้วย”

ไป๋หลิวเหยาชูกระบอกที่บรรจุเครื่องครัวให้บุตรสาวดู

‘ดูเหมือนว่าจะมีเครื่องปรุงแค่ซอสถั่วเหลืองกับเกลือสินะ’ ม่านหรงเม้มปากแน่นแต่ก็พยักหน้ารับ อย่างน้อยๆ ก็มีเครื่องปรุงสองอย่างล่ะนะ

“ท่านแม่ผ้าห่มและที่นอนพวกนี้…”

ม่านหรงอยากจะถามว่าพวกท่านหอบที่นอนเก่าๆ นี่มาทำไม แต่พอนางนึกขึ้นมาได้ว่าเจ้าของร่างเดิมก็นอนที่นอนที่มีแต่รอยปะชุนนี่เช่นกัน จึงได้แต่กลืนคำถามนั้นลงคอไปแล้วถามว่าจะยกที่นอนลงมาเลยหรือไม่แทน

“รอให้ทำที่พักเสร็จก่อนดีกว่า หากเรานำที่นอน และเครื่องนุ่งห่มลงมาจากเกวียนตอนนี้ ก็ยังไม่มีที่จัดเก็บอยู่ดี”

ไป๋หลิวเหยายิ้มอ่อนให้บุตรสาว

“เช่นนั้นท่านแม่ไปช่วยท่านพ่อเถอะเจ้าค่ะ ข้าอยากเห็นที่พักพร้อมเข้าอยู่จะแย่แล้ว”

ม่านหรงคะยั้นคะยอให้มารดาไปช่วยท่านพ่อรีบสร้างบ้าน โจวเหวินหลงเห็นดังนั้นเขาก็แอบหัวเราะ ‘ข้าจะดูซิว่าพวกเจ้าจะเก่งได้ครึ่งนึงของหลานข้าหรือเปล่า’ เหวินหลงยกยิ้มขึ้นมาอย่างร่าเริง

ม่านหรงเห็นมารดาเดินไปทางบิดาแล้ว นางจึงลงมือปอกเปลือกหน่อไม้มากกว่าสิบหน่อ ตามด้วยก่อไฟตั้งกระทะ จากนั้นเติมน้ำลงไปครึ่งกระทะใบโต ใส่เกลือลงไปครึ่งกำมือ พอน้ำเริ่มอุ่นม่านหรงก็นำหน่อไม้ที่ปอกเปลือกแล้วลงไปต้ม ก่อนจะเพิ่มฟืนเข้าไปอีกนิดเพื่อทำให้เตาไฟร้อนเร็วขึ้น

เหวินหลงมองการกระทำของหลานสาวอย่างเงียบๆ จนกระทั่งม่านหรงสังเกตเห็นว่ามีคนแอบมองมาทางนาง จึงหันไปมองค้อนลุงโจว แถมนางยังกล่าวว่า หากท่านลุงหายเหนื่อยแล้ว ควรไปช่วยงานพ่อของนางทำงาน เพราะวันต่อไป ท่านพ่อของนางจะต้องไปช่วยท่านลุงเช่นกัน

โจวเหวินหลงได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ตอนแรกเขากะว่าจะนั่งพักเอาแรงอีกหน่อย พอเห็นสายตาเขม็งของหลานสาวมองมา เขาก็จำใจต้องพยุงตัวลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปช่วยงานเพื่อนรักอย่างไม่เต็มใจ

“เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว”

โจวเหวินหลงเดินไปทางต้าผางพร้อมกับบ่นออกมา

“เจ้าไปขนต้นไผ่ลงมาคงจะเหนื่อยมากแน่ๆ เหตุใดเจ้าไม่ไปนั่งพักสักหน่อยเล่า”

ต้าผางมองไปที่ไม้ไผ่กองพะเนิน แล้วส่งยิ้มขอบคุณสหายรักอย่างจริงใจ

“ทำอย่างไรได้ หากข้าพักนานเกินไปบ้านช่องของเจ้าคงจะแล้วเสร็จช้า ดังนั้นข้าจึงต้องขยันเพิ่มขึ้นอีกหน่อยจะได้พักในคราเดียว”

โจวเหวินหลงไม่สามารถพูดออกไปได้ว่า ตนถูกลูกสาวของต้าผางกดขี่ใช้แรงงาน ดังนั้นเขาจึงเดินไปช่วยต้าผางผ่าไม้ไผ่หนึ่งท่อนให้เป็นสามส่วน หลิวเหยานำมีดสั้นติดตัวมาด้วยพอดีนางจึงอาสานั่งเหลาเสี้ยนหนามไม้ไผ่ให้แม้ว่า นางจะทำงานช้าไปบ้าง แต่ไม้ไผ่ทุกซีกที่นางเหลานั้นไร้ซึ่งเสี้ยนหนามอย่างสมบูรณ์

ม่านหรงเห็นดังนั้น นางก็ได้นำหน่อไม้ที่ต้มสุกแล้วขึ้นมาพักให้คลายร้อน ก่อนจะลงมือหั่นหน่อไม้เป็นเส้นตรงยาวๆ ด้วยการผ่าครึ่งแล้วหั่นเป็นทางยาวจนหน่อไม้ต้มถูกหั่นจนหมด

หลังจากเตรียมหน่อไม้ต้มเสร็จ ม่านหรงล้างกระทะหนึ่งรอบด้วยน้ำสะอาด นางเติมไม้ฟืนเข้าไปอีกเล็กน้อยแล้วตั้งกระทะน้ำมัน ทุบกระเทียมลงไปผัดจนเกิดเสียง ซ่า… ซ่า… พอกระเทียมเริ่มส่งกลิ่นหอมเหลืองนางก็ใส่ไข่ไก่ลงไปสองฟอง คนจนไข่ขาวไข่แดงเข้ากันพอไข่สุกได้ที่นางก็ใส่หน่อไม้ต้มหั่นเป็นเส้นลงไปผัด ตามด้วยปรุงรสชาติ

กลิ่นหอมคั่วกระทะลอยฟุ้ง โจวเหวินหลงกับต้าผางกลืนน้ำลายอึกใหญ่

“ม่านหรงลงมือเองเลยหรือนี่”

ไป๋หลิวเหยายิ้มอ่อนมองไปทางบุตรสาวที่กำลังล้างข้าวสารเพื่อเตรียมหุงต้ม

“ม่านหรงทำอาหารเป็นด้วยหรือ”

เหวินหลงหันไปถามต้าผาง

“นางเข้าครัวช่วยหลิวเหยาแทบทุกวัน ถึงรสมือจะไม่ดีเท่าเมียข้าแต่ก็ถือว่ากินได้”

คำตอบของต้าผางทำให้โจวเหวินหลงตาโต ที่แท้นอกจากนางจะวิ่งตามผู้ชายนางก็ยังทำงานบ้านงานเรือนได้ด้วย ถือว่าต้าผางลงแรงไม่เสียเปล่า

“ก็แปลกดีนะ ข้าเคยได้ยินแต่คนติฉินนินทานาง แต่กับไม่มีใครพูดด้านดีๆ ของนางเลย”

โจวเหวินหลงหัวเราะออกมา ผู้คนนี่ก็แปลก เรื่องดีๆ มีตั้งมากกลับไม่นำออกมาพูด พออ้าปากทีก็พ่นแต่ถ้อยคำแย่ๆ ออกมาให้ผู้อื่นรู้สึกไม่ดีเสียอย่างนั้น

“จริงๆ แล้วม่านหรงนางช่วยงานที่บ้านได้เยอะเลยล่ะเจ้าค่ะ ทั้งกวาดบ้าน ล้างจาน แม้แต่เสื้อผ้าของคนในเรือนก็เป็นนางที่รับหน้าที่ดูแล ตัวข้าเองก็คอยช่วยนางทำงานบ้านมานานจึงรู้ว่าบุตรสาวของข้าไม่ได้แย่อย่างคำคนพูดกัน”

หลิวเหยายิ้มกว้างออกมาแล้วหันไปทางสามี

ต้าผางผ่อนลมหายใจออกมา เรื่องนี้ถึงอย่างไรก็เป็นจริงอย่างเมียรักว่า หากตัดเรื่องที่นางชอบไปเที่ยวเล่นในยามว่างออกไป นั่นก็เท่ากับว่านางไร้ที่ติ เหมาะสมกับกุลสตรีไม่แพ้ลูกบ้านอื่น

ถึงจะเป็นเช่นนั้นเหตุใดข้าถึงยังชอบตำหนินางอยู่เรื่อย หรือเพราะว่านางชอบหยิบจับข้าวของออกจากบ้าน หรือเพราะข้าหลงเชื่อคำพูดของผู้อื่นมากเกินไป

ต้าผางก้มหน้าลงเล็กน้อย ที่ผ่านมาเขาไม่เชื่อมั่นในตัวของลูกสาวเลย อีกทั้งเขายังคอยก่นด่านางอยู่บ่อยๆ ว่านางห่วงแต่เล่นและตามเงาชายหน้าตาดีต้อยๆ ไปวันๆ กลับกันหลิวเหยากับบอกว่าลูกสาวของตนเองดี เก่ง มีความสามารถ …ข้าช่างเป็นบิดาไม่ได้เรื่องยิ่งนัก ‘ขอโทษนะลูกพ่อ จากนี้พ่อจะสนใจและเอาใจใส่เจ้าให้มากๆ’

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel