บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 29 ไม่ขายเพิ่ม

โจวเจียหลินเดินกลับไปที่บ้านอย่างว่องไว นางดึงมือพี่ชายที่พึ่งทานมื้อเช้าเสร็จหมาดๆ ออกมาจากบ้านอย่างเร่งรีบ

“เจียหลิน เจ้าไม่จำเป็นต้องรีบร้อนขนาดนั้นก็ได้”

โจวเว่ยนึกขำขันน้องสาว หากเป็นเรื่องของม่านหรงนางจะมีความคึกคักเป็นพิเศษเช่นนี้เสมอ

“ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ หลังจากที่พวกเราทำเล้าไก่เสร็จแล้ว พวกเรายังต้องไปทำแปลงผักต่อ”

เจียหลินหันไปทำหน้าบึ้งตึงใส่พี่ชายที่ไม่มีทีท่าว่าจะรีบร้อนแม้แต่นิด นางจึงทำได้แต่ดึงแขนของพี่ชายไปข้างหน้าด้วยความเคืองโกรธ

“ข้าดีใจนะเจ้าคะ ที่ท่านแม่ไม่กลัวข้า”

ม่านหรงที่ผละออกมาจากอ้อมกอดของมารดาแล้วได้แต่ยืนอมยิ้ม อย่างไรเสียข้าก็ต้องอยู่ที่นี่ไปอีกนาน การสร้างสัมพันธ์อันดีกับครอบครัวก็เป็นสิ่งที่พึงกระทำ

“ลูกแม่ ขอแค่เจ้าสบายดีแม่ก็พอใจมากแล้ว”

หลิวเหยาที่ยังมีน้ำตารื้นชื้นที่หางตา นางได้แต่เอามือลูบหัวแล้วเอาผมทัดหูให้บุตรสาวอย่างทะนุถนอม

“พี่สาวไป๋ข้ามาแล้วเจ้าค่ะ”

ยังไม่ทันจะเห็นตัวคน ทว่าน้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของเจียหลินก็ร้องนำหน้ามาก่อน

“เด็กคนนี้ติดเจ้าแจจริงๆ ”

หลิวเหยาหัวเราะพลางส่ายหัว ก่อนจะแอบเช็ดน้ำตาที่ขอบตาออก

“ท่านแม่ข้าไปเตรียมของก่อนนะเจ้าคะ”

ม่านหรงเห็นเงาของสองพี่น้องเดินมาไวๆ นางก็รีบเดินไปเตรียมมีดพร้าสองอันและเชือกป่านหนึ่งเส้นทันที

‘ดูเหมือนว่าวันนี้ข้าควรจะขออาหารไก่สินะ’

ม่านหรงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย เพียงแค่คิดว่าต่อไปนางจะจับไก่มาย่างขาย แถมยังมีไก่อีกหลายตัวที่คอยออกไข่ให้ ใบหน้าน้อยๆ ที่มีรอยแดงเด่นชัดที่หางตาก็ยิ้มไม่หุบ

“พี่สาวไป๋ข้ามาแล้วเจ้าค่ะ”

โจวเจียหลิวที่ลากแขนพี่ชายมายืนต่อหน้าม่านหรงได้ ก็พลันยกยิ้มขึ้นอย่างภูมิใจ

“ในเมื่อมาแล้ว เช่นนั้นพวกเราก็มาเริ่มงานกันเถอะ”

ไป๋ม่านหรงแอบหัวเราะเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าตื่นเต้นของเจียหลิน

ม่านหรงเดินไปที่มุมมุมหนึ่งที่อยู่ห่างจากตัวบ้านไกลพอสมควร แล้วบอกว่านางจะทำเล้าไก่ที่นี่ และเล้าไก่นี้ควรมีหลังคา เพื่อให้ไก่ได้หลบแดดหลบฝน โจวเว่ยพยักหน้าเข้าใจ แม้ว่าเขาจะยังอายุไม่มากแต่งานหยาบๆ เช่นนี้เขาก็ทำได้ไม่แพ้ผู้เป็นบิดา

เมื่อทั้งสามคนรับรู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง จึงมุ่งหน้าขึ้นเชิงเขาก่อนจะตัดไม้ไผ่และทยอยขนลงมาเท่าที่ยกไหว

โจวเว่ยบังคับเกวียนลาผ่านหมู่บ้านไท่ซางไปอย่างช้าๆ เพราะเกวียนลามีขนาดใหญ่โตกว่าแต่ก่อน อีกทั้งเกวียนลาของเขายังมุงหลังคาสานไม้ไผ่ที่ทำให้สะดุดตา จึงมีเสียงคนคอยร้องทักทายมาเป็นระยะๆ

“พวกเจ้าทำเกวียนใหม่หรือ เกวียนใหญ่ขนาดนั้นลาตัวเล็กๆ ของเจ้าจะลากไหวรึ”

เสียงท่านลุงคนหนึ่งเอ่ยทักพร้อมกับส่ายหัว หากพวกเขาใช้งานลาสองตัวนี้มากเกินไป อีกไม่นานลาสองตัวนี้คงสิ้นสภาพและใช้การไม่ได้แล้ว

“ใช่ๆ พวกข้าต่อเติมเกวียนใหม่ ถึงท่านจะมองว่าลาของข้าตัวเล็กไปหน่อย แต่พวกมันค่อนข้างแข็งแรงมากเลยนะขอรับ”

โจวเหวินหลงหัวเราะชอบใจ

จะว่าไปหลังจากที่ลาของเขาได้กินน้ำของม่านหรงและกินหน่อไม้สดๆ พวกนั้น พวกมันก็ดูเหมือนว่าจะมีชีวิตชีวาทั้งยังแข็งแรงขึ้นกว่าเดิมมาก แต่ก็เป็นอย่างที่ท่านลุงคนเมื่อครู่กล่าว ลาของเขาตัวเล็กมาก หากใช้งานมันหนักเกินไป เกรงว่า… อีกไม่นานลาสองตัวนี้คงใช้การไม่ได้อีกแล้ว

แต่นั่นหาใช่ปัญหาไม่ เพราะม่านหรงออกปากแล้วว่านางจะซื้อม้า ม้าที่แข็งแรง ลากเกวียนข้ามวันข้ามคืนก็ยังไหว แล้วเหตุใดข้าต้องไปคิดมากกับเรื่องที่ยังมาไม่ถึงด้วย

โจวเหวินหลงยิ้มแฉ่งไม่สะทกสะท้านกับคำก่อนหน้าเลยแม้แต่นิด

เมื่อเกวียนลาพ้นหมู่บ้านไท่ซางและมุ่งหน้าไปทางหมู่บ้านตงหยาง สองชายชาตรีก็พากันเอาน่องไก่ขึ้นมากัดกินอย่างมีความสุข

“พอมีร่มเงาและมีอาหาร การค้านี้ก็ดูจะสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ข้าแทบจะรอคอยไม่ไหวเลยทีเดียว หากเปลี่ยนเป็นม้าที่วิ่งเร็วขึ้นการเดินทางนี้คงจะยิ่งผาสุก”

เหวินหลงยิ้มหน้าระรื่น

“ข้ายังไม่ได้ตำหนิเจ้าเลยนะ ที่เจ้าริอาจชักชวนให้ม่านหรงทำอาหารขาย แค่นี้นางก็เหนื่อยมากพอแล้ว ตื่นแต่เช้ามาเตรียมอาหารให้พวกเจ้าทั้งบ้านยังไม่พอ ไหนเลยนางยังต้องมาเตรียมมื้อเช้าให้ข้ากับเจ้าอีก เจ้าไม่เห็นหรืออย่างไรใบหน้าเล็กๆ ของนางมีแต่เขม่าควันเต็มใบหน้า หากฟ้าจะถล่มลงมาเจ้าจะให้นางแบกเอาไว้ผู้เดียวงั้นหรือ”

ต้าผางใช้ฝ่ามือฟาดกลางหลังเพื่อนรักเข้าจังๆ จนเขาร้องโอดโอย

“ข้ารู้ๆ กลับไปข้าจะให้เมียข้าทำอาหารเอง จะไม่ให้ม่านหรงลำบากอีก”

เหวินหลงถอนหายใจออกมาพลางลูบหลังตัวเองปรอยๆ

“ฟาดซะไม่ยั้งเชียว หลังข้าไม่ใช่ว่าระบมไปหมดแล้วหรอกหรือ”

“โถๆ หนังเจ้าออกจะหนาอย่ามาทำเป็นสำออย”

ต้าผางง้างมือตั้งท่าจะตีเหวินหลงอีกสักป้าบ แต่เหวินหลงก็หันมายิ้มร่าอย่างไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย ต้าผางเห็นดังนั้นก็ได้แต่ลดฝ่ามือลงแล้วตั้งใจกินอาหารอย่างรีบร้อน

“รีบกินน่องไก่ในมือของเจ้าให้หมด ก่อนที่จะเข้าหมู่บ้านตงหยาง”

ต้าผางเอ่ยเสียงเรียบและใส่อารมณ์เข้าไปส่วนหนึ่ง

“ขอรับนายท่านไป๋”

เหวินหลงเอ่ยแซวเพื่อนรักที่นับวันเขาก็ยิ่งมีความเป็นผู้นำมากยิ่งขึ้น

เกวียนลายังคงเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าจะช้ากว่าเมื่อวานมาก แต่ลาที่ได้แวะดื่มน้ำไปตามทางก็ยังก้าวเดินต่อไปอย่างไม่ลดละ หลังจากผ่านหมู่บ้านตงหยางและหมู่บ้านเซิ่งถงมาได้พวกเขาก็มาถึงหมู่บ้านกวนเว่ย และหยุดอยู่ที่หน้าบ้านอี้

เหวินหลงเดินไปเคาะประตูอย่างรู้งาน เมื่อคนงานเห็นว่าคนที่มาเป็นผู้ใด เขาก็วิ่งเข้าไปด้านในเพื่อรายงานพ่อบ้านหลง

หลงอี้เทียนเดินออกมาด้วยท่าทีสุภาพ ต่างจากเมื่อคราวก่อนที่มีสายตาเหน็บแนม

“พวกท่านมาแล้วรึ แล้ววันนี้มีน้ำมากี่โอ่ง”

ทันทีที่หลงอี้เทียนเดินออกมาถึงหน้าประตูบ้าน เขาก็เดินเข้าไปจับมือเหวินหลงแล้วยิ้มกว้างอย่างตื่นเต้น

“ท่านพ่อบ้านวันนี้พวกเรามีน้ำสะอาดทั้งหมดสามโอ่ง พวกข้าจะขายให้ท่านหนึ่งโอ่ง อ้อใช่ พวกเรายังมีไก่และหน่อไม้มาขายด้วยนะขอรับ”

“โถ่เอ๊ย พวกท่านมีน้ำตั้งสามโอ่ง ไม่สู้พวกท่านขายให้ข้าทั้งหมดจะไม่ดีกว่าหรือ”

พ่อบ้านหลงตาโตเมื่อได้ยินว่าวันนี้มีน้ำสามโอ่ง แต่พอได้ยินประโยคสุดท้ายเขาก็พลันเปลี่ยนสีหน้าทันที

“เป็นแบบนี้นะขอรับพ่อบ้านหลง เจ้านายของเราอยากขายน้ำให้จวนอื่นๆ ด้วย แต่ข้ารับปากท่าน วันพรุ่งนี้ข้ายังสามารถนำน้ำมาให้ท่านได้อยู่”

เหวินหลงกระซิบกับพ่อบ้านหลงพลางแอบชำเลืองมองต้าผางเล็กน้อย

“โอ้ เช่นนั้นก็ไม่มีปัญหา น้ำนี้นะนายท่านของข้าดื่มแล้วบอกว่าไม่อยากดื่มน้ำอื่นอีก ข้าก็ไม่รู้จะทำเช่นไร ได้เพียงแต่รอให้พวกท่านนำน้ำมาส่งให้อีก แต่ว่าน้ำมีมาแค่พรุ่งนี้หรือ”

พ่อบ้านหลงขมวดคิ้ว เพราะเขาซื้อน้ำสะอาดนี้เข้าบ้านเขาถึงได้รับคำชมมาจากผู้เป็นนาย หากน้ำนี้มีมาอีกแค่วันเดียวเกรงว่าเขาคงถูกตำหนิไปอีกนาน

“น้ำนี้จะมีขายทุกวันขอรับ แต่กว่าที่พวกข้าจะกรองน้ำที่ขุ่นออกมาใสเช่นนี้ได้ก็ใช้เวลามาก ดังนั้นน้ำในแต่ล่ะวันจึงทำออกมาขายได้เพียงไม่กี่โอ่ง”

“เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าขอซื้อสองโอ่งได้หรือไม่”

พ่อบ้านหลงกดเสียงลงต่ำ แถมยังบอกว่าหากพรุ่งนี้เหวินหลงยอมขายน้ำให้เขาสองโอ่ง เขาจะเพิ่มเงินให้เหวินหลงอีกเล็กน้อย เหวินหลงดวงตาลุกววาวแต่ก็ต้องทำหน้าเหมือนคนอมทุกข์

น้ำนี้… หากม่านหรงไม่ยินยอม เป็นพวกท่านนั่นแหละที่จะเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น ข้าอยากได้เงินมากก็จริง แต่หากได้ลั่นวาจาไปแล้ว ข้าก็ไม่อยากคืนคำ

“ท่านพ่อบ้าน ข้าขอถามนายท่านข้าก่อนนะขอรับ”

เหวินหลงก้มหัวเล็กน้อยแล้วเดินไปหาต้าผางที่นั่งอยู่บนเกวียนอย่างมีสง่าราศี

“มีอันใด”

ต้าผางเอ่ยถาม

“พ่อบ้านหลงถามว่าพรุ่งนี้พอจะมีน้ำให้เขาสักสองโอ่งหรือไม่”

ต้าผางขมวดคิ้วเข้าหากัน ม่านหรงบอกว่าบ้านหนึ่งหลังควรขายน้ำให้แค่วันล่ะโอ่ง หากมากกว่านั้นพวกเขาจะมองว่าน้ำนี้ซื้อขายง่ายเกินไป ต้าผางส่ายหัว เหวินหลงจึงเดินไปหาพ่อบ้านหลงแล้วบอกไปตามจริงว่าไม่ได้

ก่อนหน้านี้ตอนที่ต้าผาง กับเหวินหลงกำลังช่วยกันเก็บหน่อไม้ใส่กระสอบป่าน ม่านหรงก็ได้กำชับมาแล้วว่าน้ำนี้ต้องกระจายไปหลายๆ บ้าน บ้านหนึ่งหลังได้น้ำมากสุดหนึ่งโอ่ง ที่นางทำเช่นนี้เพื่อเป็นการต่อยอดการค้าในอนาคตและไม่ควรให้น้ำไปเพียงบ้านเดียว ไม่เช่นนั้นการค้าภายหน้าจะไม่เป็นระเบียบ

“เห้อ เช่นนั้นวันต่อๆ ไปข้ายังจะซื้อน้ำวันละโอ่งได้อยู่ใช่หรือไม่”

พ่อบ้านหลงถอนหายใจเสียงดัง

“แน่นอนๆ น้ำวันละโอ่งย่อมไม่มีปัญหา พ่อบ้านหลง เชิญท่านมาดูแม่ไก่ของพวกข้ากับหน่อไม้งามๆ นี้ก่อนเถิด”

โจวเหวินหลงเชิญชวนพ่อบ้านหลงให้เดินไปที่เกวียนลา เมื่อพ่อบ้านเห็นไก่ตัวอ้วน อีกทั้งยังมีหน่อไม้เต็มสองกระสอบป่านใบใหญ่ ใบหน้าที่หมองลงเมื่อครู่ของเขาก็พลันเบิกบาน

พื้นดินแห้งแล้งถึงเพียงนี้ ไหนเลยจะหาหน่อไม้งามๆ เช่นนี้ได้ อีกทั้ง ไก่พวกนั้นก็อ้วนท้วนสมบูรณ์ แลดูเนื้อแน่นน่าทาน หลงอี้เทียนชำเลืองมองเจ้าของน้ำเล็กน้อยก่อนจะขอซื้อแม่ไก่ทั้งห้าตัวและหน่อไม้ทั้งหมด

“เพราะเห็นแก่ที่ท่านเป็นลูกค้าเก่า ข้าจะขายไก่ให้ท่านสองตัว ส่วนหน่อไม้ ข้าจะขายให้ท่านหนึ่งกระสอบ”

ต้าผางยังยึดหลักตามบุตรสาวที่ว่า สินค้าควรกระจายออกไป ไม่ควรกระจุกอยู่ที่เดียว ดังนั้นเขาจึงยอมอ่อนข้อให้พ่อบ้านหลงเล็กน้อย

“อ้อๆ ได้เช่นนั้นก็ดีมากแล้ว ดีๆ”

พ่อบ้านหลงถอนหายใจออกมา ดูท่าแล้วนอกจากบ้านอี้พวกเขายังต้องส่งมอบน้ำและอาหารให้บ้านอื่นด้วยเช่นกัน แต่ดูจากจำนวนหน่อไม้ที่ได้มากกว่าบ้านอื่น ถือว่าเจ้าของน้ำผู้นี้ยังพอมีน้ำใจอยู่บ้าง

เมื่อซื้อขายกันเสร็จสรรพ เกวียนลาของเหวินหลงก็ขับเคลื่อนออกไปอย่างช้าๆ

“ท่านพ่อบ้านเจ้าคะ น้ำหนึ่งโอ่งนี่มันจะเพียงพอได้อย่างไร”

สาวใช้คนหนึ่งที่เดินออกมาดูคนงานขนย้ายน้ำถอนหายใจออกมา

“จะให้ข้าทำเช่นไรได้… พวกเขาบอกแล้วว่าน้ำนี้ได้บ้านละหนึ่งโอ่งต่อวัน เจ้าคิดว่ามันง่ายนักหรือ ที่จะทำให้น้ำสีขาวขุ่นสะอาดได้ขนาดนี้ แถมรสชาติเช่นนี้ ต่อให้ต้มอย่างดี ก็ไม่มีทางที่พวกเราจะทำออกมาได้เลย”

พ่อบ้านหลงส่ายหัว

“นั่นสินะเจ้าคะ เอาเถอะได้วันละโอ่งก็ยังดี”

สาวใช้คนนั้นกล่าวขึ้นพลางทำสีหน้าสลด นางเองก็อยากลิ้มลองน้ำสะอาดนี้เช่นกัน แต่พอน้ำนี้มาถึงก็ถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วน ไหนเลยนางจะได้มีโอกาสดีๆ เช่นนั้น

“เอาบ้านหลังนี้ก็แล้วกัน”

เหวินหลงหันไปมองต้าผางที่ผงกหัวตอบรับ ก่อนจะลงไปเคาะประตูบานใหญ่ แล้วทำการค้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

ผ่านไปเพียงหนึ่งก้านธูป (สิบห้านาที) น้ำโอ่งที่สอง ไก่สองตัว และหน่อไม้ครึ่งกระสอบก็ถูกขนย้ายเข้าบ้านเป่ยไปจนแล้วเสร็จ

“พวกท่านบอกว่าจะมาขายน้ำทุกวันใช่หรือไม่”

หวังเส้าถัง-พ่อบ้านตระกูลเป่ย เอ่ยถามด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“ขอรับพ่อบ้านหวัง”

เหวินหลงยิ้มแย้มตอบไป

“เช่นนั้นไก่กับหน่อไม้ พวกท่านจะนำมาขายอีกหรือไม่”

สิ้นวาจาของพ่อบ้านหวัง เหวินหลงก็หันกลับไปที่เกวียนลา พอเห็นต้าผางพยักหน้าตอบ เหวินหลงก็บอกว่า พรุ่งนี้ยังมีอีกด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร

เพียงแค่หนึ่งชั่วโมง เหวินหลงก็ต้องลาจากหมู่บ้านกวนเว่ยเนื่องจากการค้าราบรื่นเกินคาด

“เฮ้อ บ้านอี้อยากได้น้ำเพิ่ม บ้านเป่ยกับบ้านเจียงก็สั่งน้ำอีกบ้านละโอ่ง การค้านี้ไม่ได้แย่เลยจริงๆ หากพวกเราส่งน้ำได้มากกว่านี้ก็คงจะดีไม่น้อย”

เหวินหลงที่ขับเกวียนลาออกมาจากหมู่บ้านกวนเว่ย จอดพักให้ลาดื่มน้ำแล้วพูดจุกจิกไม่หยุดปาก

“เอา รับไป! นี่คือเงินของเจ้า”

ต้าผางยิ้มกว้างพลางส่งเงินค่าแรงให้เพื่อนรัก

แม้ว่าเหวินหลงจะพูดอย่างไร สุดท้ายแล้วคนที่ตัดสินใจก็คือม่านหรง น้ำสะอาดนี้ไม่ควรส่งออกไปมากเกินความจำเป็นนัก ดังนั้นก็ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปทีละนิดน่าจะดีกว่า

“มารอบนี้คุ้มเหลือเกิน ข้าได้เงินมากกว่าที่ลงแรงไปหนึ่งเดือนเสียอีก”

โจวเหวินหลงรับเอาเงินมากกว่าร้อยอีแปะมาใส่ถุงผ้า และยัดมันใส่อกเสื้ออย่างหวงแหน

“หลังจากพวกเรามีม้า การค้าก็คงจะมั่นคงกว่านี้ ตอนนี้เรามีลูกค้าประจำสามเจ้าแล้ว หากเราขนส่งได้วันละสองรอบ เราก็จะมีลูกค้าเป็นหกเจ้า”

ไป๋ต้าผางพูดออกมาเสียงเรียบก่อนจะดื่มน้ำในกระบอกอย่างใจเย็น

“ไม่ใช่สามเจ้า เรายังเหลือบ้านหวังต้าหยูอีกที่ และยังไม่ได้ไปส่งน้ำให้เขาเลย”

เหวินหลงยิ้มกว้าง

“เช่นนั้นก็ถือโอกาสขากลับขนน้ำในหมู่บ้านกลับไปที่เชิงเขาด้วย เช่นนั้นคนจะได้ไม่สงสัยมาก”

“ขอรับนายท่าน”

เหวินหลงผสานมือก้มหัวเชิงล้อเล่นกับต้าผาง ส่วนต้าผางก็หัวเราะชอบใจ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel