บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 25 ไก่มาเอง

“เฮ้อ สามวันแล้วนะ ที่ข้าต้องคอยจ้องมองหน้าต่างโปร่งใสอยู่เช่นนี้”

ไป๋ม่านหรงนอนตะแคงบ่นพึมพำให้กับหน้าต่างแสดงสถานะ ที่ไม่มีท่าทีว่าจะหายไป

แม้แต่ตอนที่นางหลับ หน้าต่างสีฟ้าโปร่งแสงนี่ก็ยังคงเจิดจ้าท่ามกลางความมืดมิด

ถึงแม้ผู้อื่นจะมองไม่เห็นและไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของมัน แต่สำหรับม่านหรงที่ตื่นมากลางดึกแล้วต้องยกมือขึ้นมาปิดตาทุกครั้ง แสงจ้านี้มันไม่ต่างกันกับที่มีคนคอยเอาไฟฉายมาส่องใบหน้าของนางเลย

“พอตั้งท่าจะนอนจริงๆ ก็ดันมาปวดฉี่”

ม่านหรงลุกขึ้นนั่งก่อนจะดึงผ้าห่มออกจากร่างกาย นางหย่อนขาลงจากเตียงไม้ไผ่ สวมใส่รองเท้าอย่างเร่งรีบแล้วเดินเร็วๆ ออกจากประตูห้อง

กึกกัก กึกกัก

ทันทีที่เสียงประตูปานหลักดังขึ้น ม่านหรงก็ได้ออกมายืนอยู่นอกตัวบ้านเป็นที่เรียบร้อย

“แปลกแฮะ เหตุใดวันนี้ถึงได้มีลมเย็นๆ พัดมา”

ม่านหรงลูบแขนเสื้อตนเองเล็กน้อย ยิ่งปวดเบามากเท่าไหร่นางก็ยิ่งเดินก้าวฉับๆ เข้าไปในเชิงเขามากเท่านั้น

“ถึงเชิงเขาจะแห้งแล้ง แต่ก็ยังมีต้นหญ้ามากมายที่คอยจ้องจะทิ่มแทงจิ๋มน้อยของข้า”

ม่านหรงบ่นให้ต้นหญ้าแห้งที่แข็งเป็นพิเศษ ก่อนจะเขยิบออกไปในที่โล่งขึ้นเล็กน้อยแล้วปลดปล่อยสิ่งสกปรกออกไป

“ค่อยยังชั่วขึ้นมาหน่อย”

ม่านหรงลุกขึ้นยืนเมื่อเด็ดดอกไม้แล้วเสร็จ

“ถ้ามีทิชชูมันคงจะไม่แย่ขนาดนี้”

ไป๋ม่านหรงบ่นออกไปทั้งๆ ที่รู้ว่าสมัยนี้คงไม่มีสิ่งแบบนั้น เมื่อเดินกลับมาถึงทางเข้าบ้าน ม่านหรงก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อพบว่าบิดาของนางมายืนหาวหวอดๆ รออยู่

“ท่านพ่อออกมาทำอะไรหรือเจ้าคะ”

เด็กสาวเอ่ยถามผู้เป็นพ่อ

“พ่อว่าจะออกไปยิงกระต่ายสักหน่อยหน่ะ”

ต้าผางเกาหัวเล็กน้อย ทั้งที่จริงๆ เขาเป็นห่วงม่านหรง เพียงแค่ได้ยินเสียงประตูหน้าบ้านขยับเขาก็แทบจะดีดตัวเองลุกขึ้นในทันใด แต่พอเห็นลูกสาวเอ่ยถามเขาก็ทำทีจะไปหาที่ปวดเบาจริงๆ

“เช่นนั้นข้าเข้านอนก่อนนะเจ้าคะ”

ม่านหรงเอามือปิดปากพลางอ้าปากหาวแล้วเดินเข้าไปในตัวบ้าน

“เข้านอนเร็วก็ดี พรุ่งนี้เจ้าก็ตื่นเช้าหน่อยนะ จะได้ไปรับไก่มาขังไว้ในเล้า จากนั้นจะได้ไปเก็บหน่อไม้ต่ออีก”

“ท่านพ่อกับท่านแม่ไปนำไก่กลับมาเองเถอะเจ้าค่ะ งานเก็บหน่อไม้ก็เชิญท่านพ่อกับท่านแม่ตามสบายเลย ข้ารู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เอาเป็นว่าข้าจะทำมื้อเช้าไว้คอยท่านะเจ้าคะ”

ม่านหรงเดินไปพูดไปโดยที่ไม่ได้หันกลับไปมองบิดา

“นางรู้สึกไม่สบายงั้นหรือ เป็นไปได้ไหมว่า ยิ่งมีคนมาใช้น้ำมากขึ้น หรือกินอาหารของนางมากกว่าเดิมจะทำให้นางไม่สบายเนื้อตัว”

ไป๋ต้าผางขมวดคิ้ว

‘ไม่ได้การแล้ว พรุ่งนี้ข้าต้องตื่นแต่เช้ากว่าปกติ หากมีคนได้ไก่ของนางไปก่อนนางอาจจะเจ็บปวดมากกว่านี้’

ไป๋ต้าผางเดินไปยิงกระต่ายเสร็จ เขาก็เดินคอตกเข้าไปบอกกล่าวเมียรัก

“เช่นนั้นตอนนี้ลูกสาวของข้ากำลังเจ็บปวดอยู่หรือไม่”

หลิวเหยากังวลจนร้อนใจ น้ำตาของนางไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง

“ไม่ถึงขั้นนั้นกระมัง เมื่อครู่นางยังเดินออกไปด้านนอกดีๆ อยู่เลย นางแค่บอกว่ารู้สึกไม่ดีก็เท่านั้น”

“ท่านพี่ จากนี้ท่านควรถามลูกก่อนนะเจ้าคะ ห้ามรับคนเข้ามาสุ่มสี่สุ่มห้าอีก เข้าใจหรือไม่”

หลิวเหยามองค้อนสามีที่คิดจะนำคนมา แถมเขายังนำคนเข้ามาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

“ข้าผิดไปแล้ว ผิดแล้วจริงๆ ครั้งหน้าข้าจะถามม่านหรงก่อนว่านางยินดีหรือไม่”

“ท่านยังจะมีครั้งหน้าอีกหรือ”

หลิวเหยากอดอกแน่นพลางจ้องหน้าสามีอย่างเอาเรื่อง

“ไม่มีแล้ว ครั้งหน้าก็ไม่ทำแล้ว รีบนอนเถอะตอนเช้าจะได้ไปนำไก่มาเก็บในเล้า ไม่เช่นนั้นหากมีคนอื่นพบเข้าก่อน ม่านหรงอาจจะแย่เอาได้”

พอสามีของหลิวเหยาพูดจบ นางก็รีบล้มตัวลงนอน นางไม่อยากให้ม่านหรงเจ็บปวดไปมากกว่านี้ ขอแค่ม่านหรงสบายดีนางก็เบาใจ

เช้ามืดวันต่อมา

กะ กะ กะต๊าก!!!

เสียงแม่ไก่ออกไข่ยามเช้าร้องดังขึ้นติดๆ กัน ไม่นานก็มีไก่นับสิบตัวเดินเรียงแถวลงมาจากเชิงเขาอย่างกับว่าพวกมันกำลังหาทางกลับบ้าน

ม่านหรงขยี้ตาแล้วลุกขึ้นมาจุดคบเพลิงหน้าบ้านเพื่อให้แสงสว่างทั่วถึง การจุดคบเพลิงในยามเช้ามืดยังบ่งบอกอีกด้วยว่าบ้านหลังนั้นได้ตื่นขึ้นมาแล้ว

“ดูเหมือนว่าเมื่อวานท่านพ่อคงเหนื่อยมากก็เลยตื่นช้ากว่าปกติ”

ม่านหรงหันเข้าไปในตัวบ้านที่มีเสียงกรนดังออกมาเบาๆ

“หืม… นั่นอะไรหน่ะ”

ม่านหรงเห็นเงาตะคุ่มๆ เดินต่อแถวกันมาก็รีบหลี่ตามอง

เอ้ก อี้ เอ้ก เอ้ก!!

เสียงไก่ร้องมาเป็นสาย บางตัวก็กระพือปีกมาตามทาง เมื่อม่านหรงเห็นชัดแจ้งแล้วว่าคือสิ่งใด นางก็ยืนนับไก่ที่เดินมานอนข้างเล้าไก่ทีละตัว

“หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก เจ็ด แปด เก้า สิบ… แม่เจ้า! วันนี้มีไก่เพิ่มมาอีกมากว่าสิบตัวเลยหรือ หรือว่าข้าจะต้องเปลี่ยนอาชีพไปเลี้ยงไก่แล้วจริงๆ”

ม่านหรงตีหน้าผากตนเองดังป้าบ

“เกิดอะไรขึ้นหรือลูก เหตุใดเจ้าถึงได้ตื่นเช้าเช่นนี้”

ไป๋หลิวเหยาเดินอ้าปากหาวออกมาจากตัวบ้าน พอเห็นบุตรสาวของนางตื่นขึ้นมาก่อนก็นึกห่วงใย

ไป๋ม่านหรงไม่พูดอันใดมาก นางชี้นิ้วมือเล็กๆ ไปทางเล้าไก่ หลิวเหยาจึงเดินไปดูใกล้ๆ และพบว่าไก่มีจำนวนเพิ่มขึ้นมามากกว่าเมื่อวาน

“ลูกขึ้นเขาไปรับพวกมันลงมาหรือ ทีหลังห้ามทำแบบนี้นะเข้าใจหรือไม่”

หลิวเหยาดึงบุตรสาวเข้าไปสำรวจดูว่าได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า

“ท่านแม่ ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ เป็นพวกมัน…”

ม่านหรงชี้ไปที่แม่ไก่ที่นอนเรียงรายอีกครั้ง

“พวกมันเดินมาที่นี่เอง”

ถ้อยคำที่ราบเรียบของม่านหรงกล่าวจบ ผู้เป็นแม่ก็ถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก นางยืนนิ่งงุนงงอยู่เช่นนั้นพักหนึ่ง

“หา! ลูกจะบอกว่า ไก่หลายสิบตัวพวกนี้เดินมาที่บ้านของเราเองงั้นรึ”

ม่านหรงพยักหน้าหงึกๆ ตอบมารดาไป

“พวกเจ้าสองแม่ลูกคุยอะไรกันเสียงดังตั้งแต่เช้า”

ต้าผางเดินออกมาทีหลังเห็นว่าหลิวเหยามีท่าทีตกใจระคน

“สามี! ไก่พวกนี้มันลงมาหาเราเองเจ้าค่ะ”

หลิวเหยาชี้ไปที่แม่ไก่ที่นอนหลับอยู่ข้างเล้าไก่เล็กๆ ยิ่งได้เห็นแบบนั้น ขนทั้งตัวของนางก็ลุกชันอย่างห้ามไม่อยู่ มือที่ชี้ค้างไปทางเล้าไก่ก็ค่อยๆ สั่นขึ้นทีละน้อย

ต้าผางเดินไปดูใกล้ๆ เขาขยี้ตาครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนที่สมองจะค่อยๆ ประมวลผลออกมา

“พ่อจะทำเล้าไก่ให้พวกมันนะ”

ต้าผางที่มีเหงื่อเต็มฝ่ามือทำเป็นใจดีสู้เสือแล้วหันไปบอกลูกสาว แม้นจะรู้ว่าลูกสาวได้รับพรให้ได้ไก่มาทุกวัน แต่วันนี้มันแตกต่างไปจากเดิมมาก เพราะไก่พวกนี้มันรู้จักทางมาบ้านของเขาแล้ว คงไม่ใช่ว่านับจากนี้เขาก็ต้องเห็นไก่เดินเข้าเล้าเองเป็นเรื่องปกติหรอกใช่ไหม

“รบกวนท่านพ่อด้วยนะเจ้าคะ”

ม่านหรงถอนหายใจออกมา อาหารไก่ก็ยังไม่มี แต่ว่าไก่กับเพิ่มมากขึ้นในทุกๆ วัน ช่างเถอะ อาชีพขายไก่ก็ไม่ได้แย่นักหรอก

ม่านหรงเดินเข้าไปเก็บไข่ไก่ออกมาห้าฟองแล้วอมยิ้ม

‘มีไก่ก็มีไข่ ได้กินไข่แบบนี้ทุกวันก็ไม่เลวเลย’

“ไก่พวกนี้ออกไข่ด้วยหรือนี่ แปลกมากเลย เหตุใดไก่ที่เรากินไปก่อนหน้าไม่ยักจะมีพวงไข่ในท้องสักตัว”

ไป๋หลิวเหยากล้าๆ กลัวๆ เดินเข้าไปหยิบไข่ไก่ฟองใหญ่จากมือบุตรสาวขึ้นมาดูอย่างสงสัย

“ตัวที่เรากินไปมันไม่มีไข่กระมัง”

ต้าผางรีบดึงแขนเมียรักไม่ให้ถามซักไซ้

“นั่นสิๆ คงจะเป็นไก่คนล่ะตัวนั่นแหละ แต่ละตัวก็คงแตกต่างกันไปละเนอะ”

หลิวเหยาหันไปยิ้มแห้งๆ ให้บุตรสาว แล้ววางไข่ไก่ใส่มือม่านหรงดังเดิม ก่อนจะถอยหลังหลายก้าวไปทางสามีเพื่อหาที่พึ่งทางใจ

ยิ่งม่านหรงได้ฟังคำของมารดานางก็คิดไม่ตก เป็นดั่งที่ท่านแม่ว่า ไก่หลายตัวก่อนหน้าไม่มีพวงไข่ด้วยซ้ำ แล้วพวกมันออกไข่ได้อย่างไร

“พ่อไปล้างหน้าก่อนนะ”

ต้าผางจำได้ว่าเขานัดกับเหวินหลงไว้ว่าจะไปกำจัดน้ำจึงจะไปเตรียมความพร้อม

“แม่… แม่…”

พอสามีเดินไปแล้วไป๋หลิวเหยาเห็นบุตรสาวมองมาทางตน นางก็ไม่รู้ว่าจะใช้ข้ออ้างใดเพื่อหลีกหนี จึงได้แต่พูดอ้ำๆ อึ้งๆ สองมือของนางก็กำชายเสื้อไว้แน่น

ม่านหรงกระพริบตาปริบๆ

เกิดอะไรขึ้น เหตุใดท่านแม่ถึงทำตัวร้อนรนชอบกล เป็นไปได้หรือไม่ ว่านางเริ่มหวาดกลัวข้าขึ้นมาแล้ว

“ข้าจะนำไข่ไก่ไปเก็บในห้องครัวนะเจ้าคะ ท่านแม่ก็ไล่ต้อนไก่พวกนี้เข้าไปในเล้าเถอะเจ้าค่ะ หากพวกมันเตลิดหนีไปคงจะไม่ดีเท่าไหร่นัก”

ม่านหรงยิ้มบาง แล้วหันหลังจากไป

“เห้อ นี่ข้าเป็นบ้าอะไรไปแล้วเนี่ย”

ไป๋หลิวเหยาตีมือตัวเองที่สั่นไม่หยุด

“แม่ขอโทษนะลูก ต่อไปแม่จะไม่ตกใจกับเรื่องเล็กๆ เช่นนี้แล้ว”

ไป๋หลิวเหยาได้แต่ตำหนิตนเองที่ขี้ขลาดเกินไป แถมยังหวาดกลัวไม่เข้าท่า

“เหวินหลงเจ้าตื่นหรือยัง”

ต้าผางยืนตรงคันโยกน้ำบาดาลแล้วหันหน้าไปทางบ้านโจวที่พึ่งจุดคบเพลิงหน้าบ้าน

“ตื่นแล้วๆ”

เหวินหลงเดินปิดปากหาวออกมาจากตัวบ้าน

เมื่อคืนมีลมเย็นๆ พัดมาเล็กน้อย คบเพลิงที่จุดไว้ก็ดับเร็ว เหวินหลงวางแผนว่าวันนี้เขาจะซื้อของมาไว้ทำคบเพลิงเพิ่มอีกหน่อย

“ข้ารอเจ้าที่บ้านนะ”

ต้าผางรีบล้างหน้าบ้วนปากก่อนจะเดินไปรอเหวินหลงที่หน้าบ้านของตนเอง

พอต้าผางกลับมาถึงบ้านก็เห็นภรรยาก่อเตาไฟ ส่วนม่านหรงกลายร่างเป็นมือเชือด และกำลังใช้ถ้วยใบใหญ่รองรับเอาเลือดไก่สดๆ

“งานหยาบเช่นนี้เจ้าให้พ่อทำเถอะ แม้แต่แม่ของเจ้ายังไม่ชอบทำ เจ้ายังเด็กจะมาทำเรื่องโหดร้ายเช่นนี้ได้อย่างไร”

ต้าผางรีบไปแย่งไก่ที่ถูกเชือดคอออกมาจากลูกสาว แล้วยกขาไก่ขึ้นปล่อยให้เลือดไก่ไหลออกมาทางคอของมันอย่างช้าๆ

“ข้าไม่ได้ทำอันใดผิดเสียหน่อย เป็นลูกสาวของท่านนั่นแหละที่อาสาจะทำเอง”

หลิวเหยายืนเท้าสะเอวพลางชี้ไม้ฟืนไปทางสามีอย่างเอาเรื่อง

ใครว่าข้าไม่ชอบทำกัน เป็นม่านหรงเองต่างหากที่บอกว่าต้องการลงมือเอง นางบอกว่านางอยากทำเป็นทุกอย่าง และอยากฝึกฝน หากฆ่าไก่ฆ่าปลาไม่ได้ต่อไปนางจะทำอะไรกินเล่า

“ท่านพ่อ เป็นข้าเองเจ้าค่ะ ข้าขอให้ท่านแม่จุดเตาไฟและต้มน้ำรอ ข้าอยากหัดทำบ้าง หากวันใดข้าออกเรือน สุดท้ายข้าก็ต้องพึ่งตนเอง”

ม่านหรงเห็นท่านพ่อกับท่านแม่ตั้งท่าจะหาเรื่องทะเลาะกัน นางก็ได้แต่ส่ายหัวแล้วยกชามเลือดไก่ขึ้นขยับหันตามบิดาไปมา

เลือดไก่ในยามนี้หายากนัก ข้าจะไม่ยอมเสียมันไปแม้แต่หยดเดียว ม่านหรงยกชามใบใหญ่โยกไปมาเพื่อรองรับเอาเลือดไก่ที่หยดลงช้าๆ อย่างหวงแหน

“เจ้าอยากออกเรือนแล้วรึ”

สายตาของต้าผางก้มมองหน้าน้อยๆ ของบุตรสาว ก่อนจะขมวดคิ้วสงสัย

“ข้าพึ่งอายุสิบสองเองนะเจ้าคะ อีกอย่างท่านพ่อก็รู้ดี หญิงสาวที่หน้าตามีตำหนิเช่นนี้ใครกันจะอยากเข้าหา ท่านพ่อเลือดไก่ของข้าหายากมากๆ เลยนะเจ้าคะ ท่านอย่าขยับไปมามากนักเลย”

ม่านหรงเงยหน้าขึ้นมองค้อนพ่อของเจ้าของร่าง

“อ้อๆ พ่อถือไก่ไม่ระวังเอง”

“ม่านหรง ลูกอย่าด้อยค่าตนเองเช่นนั้น หากไม่มีคนต้องการเจ้าแม่จะเลี้ยงดูเจ้าเอง”

ไป๋หลิวเหยาวางท่อนฟืนลงข้างเตาก่อนจะเดินมาลูบหลังบุตรสาว

นี่มันใช่เวลามาพูดเรื่องออกเรือนหรืออย่างไร สนใจเลือดไก่ในชามนี่จะไม่ดีกว่าหรือ มุมปากขวาของม่านหรงกระตุกขึ้นอย่างหงุดหงิด

“นั่นสิลูกพ่อ ต่อให้ไม่มีใครเอา อย่างน้อยๆ พ่อคนนี้ก็เลี้ยงดูเจ้าไหว”

ต้าผางยิ้มกว้าง ดีเสียอีกหากไม่มีคนต้องการนาง เขาจะได้ดูแลลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนเอง

“เห้อ พวกท่านคิดมากไปแล้วเจ้าค่ะ ข้าแค่อยากกินเลือดไก่ก็เท่านั้น ท่านแม่เมื่อไหร่ท่านจะตั้งกระทะน้ำร้อนเจ้าคะ ไก่ตัวนี้เลือดใกล้หมดแล้ว”

ม่านหรงรีบเปลี่ยนเรื่องคุยอย่างกับว่านางไม่อยากฟังเรื่องที่ไม่สมวัยนี้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel