บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 26 เลือดสดๆ

“แม่จะไปตั้งกระทะน้ำร้อนให้เจ้าเดี๋ยวนี้เลย”

หลิวเหยาเห็นว่าม่านหรงไม่มีแววล้อเล่นอีกต่อไป นางจึงหันหลังกลับไปทำหน้าที่ของตน

ต้าผางบอกให้ม่านหรงวางชามลงที่เตียงไม้ ก่อนจะถอนหายใจออกมา ยังไม่คิดที่จะออกเรือนก็ดีแล้ว ดีมากจริงๆ

“ข้าจะไปจับไก่มาอีกสองตัวนะเจ้าคะ”

ม่านหรงเห็นว่า ในที่สุดเรื่องไม่เป็นเรื่องก็จบลงเสียทีนางจึงได้ยกยิ้มขึ้นอย่างพอใจ

“ต้องใช้ไก่ถึงสามตัวเชียวหรือ”

ต้าผางเลิกคิ้วขึ้นเมื่อเห็นว่าม่านหรงวางชามลงแล้วปัดฝุ่นออกจากมือ ทั้งยังตั้งท่าจะไปจับไก่มาเพิ่มจริงๆ

“อื้ม ไก่สองตัวแรกข้าจะหั่นเป็นชิ้นๆ และนำไปต้มใส่หน่อไม้ หากทำเสร็จท่านแม่จะได้แบ่งไปให้บ้านโจวเพื่อบำรุงคนเฒ่าคนแก่ได้ ไก่อีกตัวข้าจะย่างและห่อให้ท่านพ่อกับท่านลุงไปทานระหว่างทาง”

ม่านหรงทำท่าทางครุ่นคิดและพูดออกไป

“อ้อใช่ ท่านพ่อจะนำหน่อไม้ไปขายใช่หรือไม่ ในช่วงนี้หน่อไม้หายากมาก เช่นนั้น ท่านก็ขายสามหน่อ ห้าอีแปะเถอะ หน่อไม้นี้ข้าต้องการขายให้คนรวย ดังนั้นหากไม่จำเป็นก็ให้ใช้ผ้าคลุมให้มิดชิด แล้วก็… ท่านพ่อนำไก่ไปด้วยสักสามตัวเถอะ ขายตัวล่ะห้าสิบอีแปะน่าจะพอได้อยู่”

“หา! ไก่ตัวละห้าสิบอีแปะเชียว”

หลิวเหยาหันขวับกลับมาอีกครั้ง

“พูดถึงราคาของไก่ ไก่ตัวหนึ่งราคาน่าจะอยู่ที่ ยี่สิบ ถึง สามสิบห้า อีแปะ แต่ด้วยไก่ของม่านหรงตัวโต เนื้อแน่น ราคาห้าสิบอีแปะก็ไม่เกินจริง”

ต้าผางวางไก่ที่เลือดหยุดไหลแล้วลงเตียงไม้ไผ่อย่างไม่รีบร้อน

“นี่มันจะมีคนซื้อหรือเจ้าคะ ข้าวยังไม่แพงเท่านี้เลย”

หลิวเหยาเม้มปากแน่น

“ถึงข้าวจะราคาไม่แพงเท่าไก่ นั่นก็เป็นเพราะว่า ข้าวมีขายอยู่ทั่วไป แต่ไก่ที่ตัวใหญ่เนื้อเยอะเช่นนี้หาได้ยากมาก ก็อย่างที่ข้าได้กล่าวไปตั้งแต่ต้น ของเหล่านี้ขายให้คนมีฐานะ ท่านแม่เชื่อเถอะเจ้าค่ะว่ามันจะขายได้”

ม่านหรงยิ้มออกมาอย่างมั่นใจและเดินไปที่เล้าไก่ นางจับไก่มาเพิ่มอีกสองตัวอย่างที่นางบอกจริงๆ

ต้าผางยักไหล่มองไปทางเมียรัก ในเมื่อม่านหรงพูดแล้วพวกเขาคงแย้งอะไรไม่ได้ ขนาดน้ำที่คิดว่าจะขายไม่ออกผ่านไปเพียงแค่ครึ่งวันก็ขายหมด แถมยังได้ข้าวสารและเมล็ดผักกลับบ้านมาด้วย

“ข้ามาแล้ว”

เหวินหลงร้องเรียกต้าผางเมื่อหยุดเกวียนลาลง

“ข้าไปทำธุระกับเหวินหลงสักเดี๋ยวนะ”

ต้าผางหันไปบอกเมียรักและลูกสาว

“ท่านพ่อ ท่านช่วยซื้อเครื่องเทศมาเพิ่มได้อีกหรือไม่”

“ได้สิ แล้วเจ้าต้องการอะไรบ้างล่ะ”

ต้าผางยิ้มละมุนให้บุตรสาว

“ข้าต้องการใบกระวาน ลูกกระวาน เม็ดพริกไทย พริกแห้ง ขิงอ่อน น้ำมัน ซอสถั่วเหลือง น้ำส้มสายชู [1] แล้วก็น้ำตาลกรวดเจ้าค่ะ”

“ลูกแม่น้ำตาลกรวดราคาแพงมากเลยนะ เจ้าจะให้พ่อของเจ้าซื้อมาด้วยจริงๆ หรือ”

ไป๋หลิวเหยาถึงกับเบิกตากว้าง น้ำตาลขึ้นชื่อว่าแพงมากอยู่แล้ว แค่นิดเดียวก็ตั้งหลายสิบอีแปะ หากเป็นข้า ข้าก็คงตัดใจซื้อมันไม่ลงหรอก

“พ่อรับปากเจ้า ของที่เจ้าสั่งมาพ่อจะนำกลับมาด้วย”

ต้าผางยิ้มกว้าง แค่น้ำตาลกรวดมันจะแพงแค่ไหนกันเชียว ขอแค่ม่านหรงพอใจราคาแพงเท่าไหร่เขาก็พร้อมจะควักเงินจ่าย อีกอย่างเงินในมือของเขาในตอนนี้ก็ได้มาจากม่านหรงทั้งนั้น แค่น้ำตาลกรวดเล็กน้อยนี่ …เหตุใดเขาจะไม่ยอมจ่าย

“ไยบ้านเจ้าถึงได้มีกลิ่นคาวเลือดแต่เช้าเช่นนี้”

ต้าผางเดินเร็วๆ ไปขึ้นเกวียนลา พอเขานั่งลงบนเกวียนเหวินหลงก็เอ่ยทัก

“ก็เพราะนางจะทำไก่ย่างไว้ให้เรากินระหว่างทางอย่างไรล่ะ คาวนิดคาวหน่อยทำเป็นบ่นไปได้”

ต้าผางตีหลังเพื่อนรักอย่างหมั่นไส้

“โอ๊ย แล้วเจ้าจะตีข้าทำไมเนี่ย ข้าก็แค่สงสัยนิดหน่อยก็เท่านั้น”

โจวเหวินหลงทำหน้าน้อยใจ

“ออกเดินทางได้แล้ว รีบไปจะได้รีบกลับ”

ต้าผางถอนหายใจแล้วหัวเราะ

“โตๆ กันแล้วแท้ๆ ยังจะห่วงแต่เล่นกันอยู่อีก”

ไป๋หลิวเหยามองสองเพื่อนรักหยอกล้อกันนางก็พลันเผยรอยยิ้มออกมา

ท่านกับท่านพ่อก็เป็นแบบนั้นไม่ใช่หรือ ม่านหรงกรอกตามองบน

ไม่สนใจพวกท่านแล้ว ข้าไปเชือดไก่แล้วเก็บเลือดไว้ทำอาหารดีกว่า ม่านหรงส่ายหัวก่อนจะไปจัดการไก่อีกตัว

หลิวเหยาเห็นลูกสาวถอนขนตรงคอไก่ออก แล้วลงมือเชือดคอไก่อีกครั้ง ภาพสยดสยองตรงหน้าที่ได้เห็นก็คือ ไก่ตัวนั้นดิ้นพล่านเลือดกระเด็น แต่ใบหน้าของม่านหรงกับนิ่งขรึม ดูคล้ายกับว่าเป็นคนละคนในยามปกติ

ม่านหรงจับขาไก่ยกขึ้นสูง อีกมือก็จับคอไก่บังคับให้เลือดสดๆ ไหลลงไปในชาม หลิวเหยากลืนน้ำลายลงคอ ไม่ใช่ว่านางหิว กลับกันนางรู้สึกหวาดกลัวเสียมากกว่า

“ท่านแม่น้ำร้อนหรือยังเจ้าคะ หากน้ำเริ่มร้อนแล้ว ข้ารบกวนให้ท่านแม่นำไก่ตัวแรกไปลวกน้ำแล้วถอนขนให้ข้าด้วยนะเจ้าคะ”

ม่านหรงร้องบอกมารดา แต่สายตาของนางยังคงจดจ้องไปที่เลือดสีแดงฉานอย่างไม่ลดละ

“อ้อๆ น้ำเริ่มร้อนแล้ว เดี๋ยวแม่จัดการถอนขนไก่ให้ลูกเอง”

หลิวเหยาแทบสะดุดลมหายใจตนเองเมื่อได้ยินเสียงเรียกของบุตรสาว

ไป๋หลิวเหยาน้อไป๋หลิวเหยา… เจ้ามัวแต่คิดเรื่องไม่เป็นเรื่องอันใดอีก เห็นๆ กันอยู่ว่าม่านหรงกำลังตั้งใจจะทำอาหารแท้ๆ แต่ข้ากลับมีความคิดเชิงลบเช่นนี้ขึ้นมาเสียได้

หลิวเหยาระบายลมหายใจออกมา ก่อนจะเดินไปหยิบไก่ตัวแรกมาลวกน้ำร้อน เพื่อที่จะได้ถอนขนของมันออกได้โดยง่าย

“ม่านหรงแม่ไม่ยักรู้มาก่อน ว่า เลือดไก่ก็ใช้ทำอาหารได้ ลูกจะนำเลือดไก่นี้มาทำอาหารจริงๆ หรือ”

หลิวเหยาเก็บความสงสัยเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป ในที่สุดนางก็กลั้นใจถามออกมา

“คำโบราณกล่าวว่า กินเลือดบำรุงร่างกาย ดังนั้นลูกเลยอยากลองทำดูเจ้าค่ะ”

ม่านหรงเพียงแค่เงยหน้าขึ้นแล้วส่งยิ้มหวานให้มารดา

กินเลือดเนี่ยนะ! หลิวเหยาฟังแล้วก็รู้สึกเหมือนจะอาเจียนออกมา

“ท่านแม่ คงไม่ใช่ว่าท่านจะตั้งท้องหรอกใช่ไหม”

เมื่อเห็นหลิวเหยาทำท่าพะอืดพะอม ไป๋ม่านหรงจึงถามเชิงตลกล้อเล่น

“ใช่ที่ไหนกันเล่า เพียงแค่แม่คิดว่าต้องกินเลือดสดๆ เข้าไป หยึ๋ย!!!”

ไป๋หลิวเหยาทำท่าขนลุกสะอิดสะเอียน

“ถ้าให้ข้ากินเลือดสดข้าก็คงกินไม่ลงเช่นกันนั่นแหละเจ้าค่ะ”

ม่านหรงทำหน้าแหยๆ พลางคิดตามมารดาแล้วทำตัวสั่นเทารังเกียจ

“อ้าว!! ไม่ใช่ว่าลูกจะทำอาหารจากเลือดสดๆ งั้นหรือ”

ไป๋หลิวเหยาเอ่ยถามอย่างสับสน

“ข้าจะทำอาหารจากเลือดนั้นเป็นที่แน่นอนอยู่แล้วเจ้าค่ะ แต่เลือดสดๆ อี๋ ใครมันจะไปกินลงเล่าเจ้าคะ”

ม่านหรงส่ายหัวเป็นเชิงว่าต่อให้มันอร่อยนางก็กินไม่ลง

“แล้วลูกจะทำอย่างไรกับเลือดพวกนั้น”

เมื่อเห็นว่าลูกสาวหาได้ผิดแปลกไม่ หลิวเหยาก็เบาใจ จึงได้ถามว่าเลือดเหล่านั้นจะต้องจัดการอย่างไรถึงจะเหมาะสม

“เลือดพวกนี้หลังจากที่มันแข็งตัวเป็นก้อนแล้ว ข้าก็จะนำไปต้มให้สุก จากนั้นหั่นเป็นชิ้นนำไปผัดกับขิงเจ้าค่ะ”

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้”

หลิวเหยาที่คิดไปไกลได้แต่ร้อง อ๋อ ออกมาและพยักหน้าหงึกๆ เหมือนไก่จิกข้าวสาร

“ที่บ้านยังไม่ได้จุดคบเพลิง เช่นนั้นพี่สะใภ้ของเจ้าคงยังไม่ตื่น เร็วเข้าเถอะ รีบๆ ทำ จะได้รีบไปซื้อของ”

ต้าผางกล่าวเสียงเบาพลางสะกิดให้เหวินหลงลงจากเกวียนลา

โจวเหวินหลงพยักหน้า แล้วลงไปคว่ำโอ่งน้ำหน้าบ้านของผู้เป็นพ่อ โจวเหวินหลงครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะกวักมือเรียกให้ต้าผางมาช่วยยกโอ่งน้ำขึ้นเกวียนลาเพื่อที่จะนำมันกลับไปที่เชิงเขาด้วย

หากข้านำโอ่งน้ำนี้ไปด้วยแค่เติมน้ำใส่ให้เต็ม เพียงเท่านี้เมียและลูกๆ ของข้าก็จะได้ไม่ต้องเดินแบกถังน้ำหลายๆ รอบ

หลังจากยกโอ่งน้ำขึ้นเกวียนลาแล้ว สองชายหนุ่มก็มุ่งหน้าไปยังร้านขายเครื่องปรุงและเครื่องเทศของหวังต้าหยู

“เถ้าแก่หวังเปิดร้านพอดีเลย”

โจวเหวินหลงกำลังจะเคาะประตูเรียกก็พลันชะงักมือค้างและยิ้มแห้งๆ ออกไป

“หืม พวกเจ้ามาซื้อเครื่องปรุงแต่เช้าเพียงนี้เชียวหรือ”

หวังต้าหยูอ้าปากหาวอย่างไม่ปิดบัง

“เอาอะไรบ้างล่ะเดี๋ยวข้าจะหยิบให้”

หวังต้าหยูที่พึ่งตื่นนอนเอ่ยถาม ต้าผางจึงกล่าวรายการยาวเหยียดออกมา

“โห เจ้าจะซื้อของเยอะขนาดนั้นเชียว”

หวังต้าหยูถึงกับมึนงง ก่อนบอกต้าผางไปว่าเขาจะจัดแจงให้ทีละอย่าง เมื่อจัดสิ่งของให้ต้าผางจนครบ ก็ถึงทีของเหวินหลงบ้าง สองชายหนุ่มได้สิ่งของที่ต้องการก็พากันยกยิ้ม

“นี่เถ้าแก่ไป๋ วันนี้เจ้าจะขายน้ำสะอาดหรือเปล่า”

หวังต้าหยูที่หัวหมุนจากการจัดสิ่งของก่อนหน้า พอตื่นเต็มที่แล้วจึงได้ถามไถ่ต้าผางด้วยความคาดหวัง

“เถ้าแก่หวังท่านต้องการน้ำกี่อีแปะหรือ”

เหวินหลงถูมือคล้ายกับว่าเขาเป็นเจ้าของน้ำเอง แน่นอนว่าหากขายน้ำได้มากเขาก็จะได้รับเงินมากขึ้นเช่นกัน ดังนั้นเมื่อพูดถึงการค้าที่เขาได้รับสิ่งตอบแทนเขาจึงกระตือรือร้นเป็นที่สุด

“ข้าต้องการน้ำหนึ่งโอ่ง”

หวังต้าหยูชี้มือไปที่โอ่งน้ำบนเกวียนลาของเหวินหลง

“ท่านพูดจริงรึ!”

เหวินหลงถึงกับไม่อยากจะเชื่อ

“จริงสิ เมียกับลูกๆ ของข้านะ ตั้งแต่ได้กินน้ำใสสะอาดนั่น พวกเขาก็แทบไม่อยากจะแตะต้องน้ำของหมู่บ้านอีกเลย ข้าได้ข่าวว่าเมื่อวานพวกเจ้าขนน้ำไปตั้งสามโอ่งนี่ เช่นนั้นก็ขายให้ข้าสักโอ่งเถอะนะ”

“นี่…”

เหวินหลงหันไปทางไป๋ต้าผางที่เป็นเจ้าของน้ำ

หวังต้าหยูจับมือเหวินหลงอย่างร้องขอ เมื่อเห็นเหวินหลงไม่อาจให้คำตอบเขาได้ หวังต้าหยูก็หันไปนอบน้อมอ้อนวอนต้าผางที่เป็นเจ้าของน้ำแทน

“ได้ ได้แน่นอน แต่จะเป็นอันใดหรือไม่หากข้าจะนำน้ำมาให้ท่านช่วงสายๆ เพราะข้าจะนำน้ำไปที่หมู่บ้านกวนเว่ยก่อน”

“โอ้ ไม่มีปัญหา ขอเพียงแค่เจ้าขายน้ำให้ข้าก็เป็นพอ”

หวังต้าหยูหัวเราะชอบใจ ไปส่งให้หมู่บ้านกวนเว่ยก่อนข้าไม่ว่าหรอก ขอแค่มีน้ำสะอาดให้ข้าก็พอแล้ว

“เช่นนั้นพวกข้าขอตัวกลับก่อนนะขอรับ ลูกสาวข้ารอเครื่องเทศพวกนี้อยู่”

ไป๋ต้าผางยิ้มกว้างจนตาหยี

“แน่นอนๆ เชิญๆ”

หวังต้าหยูแทบจะประครองเหวินหลงกับต้าผางขึ้นเกวียน ด้วยหวังว่าจะได้น้ำสะอาดนี้มาใช้สอยทุกวัน

“วันนี้ยังไม่ได้ไปไหนไกลข้าก็ได้สามสิบอีแปะซะแล้ว”

เหวินหลงยิ้มกว้าง เขาก็พึ่งมารู้ว่าการขายน้ำทำกำไรได้มากมายเช่นนี้

“ขอบใจเจ้าสำหรับเงินสามสิบอีแปะเมื่อเช้านะ เพราะมีเงินนี้ ข้าจึงซื้อของกินเข้าบ้านได้โดยไม่ทุกข์ร้อนใจ”

โจวเหวินหลงที่บังคับลาออกมาจากหมู่บ้านไท่ซางยิ้มกว้างอย่างพอใจ เพราะว่าก่อนหน้านี้ต้าผางได้มอบเงินจำนวนนั้นให้เขามาแล้ว

“เล็กน้อยๆ”

ต้าผางยิ้มอย่างมีความสุข

“แล้วเหตุใดเจ้าถึงบอกเขาว่าช่วงสายค่อยมาส่งน้ำให้เขาเล่า ทั้งที่จริงๆ แล้วเราสามารถนำน้ำมาให้เขาก่อนก็ได้”

เหวินหลงเอียงคอกลับไปถามเพราะไม่เข้าใจสิ่งที่ต้าผางคิดอยู่

“เจ้าจะไปรู้อะไร ของที่ได้มาง่ายเกินไปในที่สุดมันก็ไร้ค่า ปล่อยให้เขารอบ้างเขาจะได้เห็นค่ามัน”

“โถ่เอ๊ยต้าผาง เราทำการค้าไม่ได้เลือกคู่เสียหน่อย เจ้าจะมาคิดว่ามันไร้ค่าได้อย่างไร อีกอย่างนะน้ำสะอาดที่ทั้งใสและสดชื่นนี่ก็มีแค่พวกเราเท่านั้นแหละที่นำออกมาได้”

เหวินหลงยิ้มอย่างได้ใจ

“ข้าไม่คิดเช่นนั้นนะ หากมีคนรู้ว่านำน้ำไปต้มแล้วขายได้ อีกไม่นานพวกเขาก็จะต้องค้นหาวิธีที่จะทำให้น้ำสะอาดได้ อย่างเช่น การนำน้ำมากรองหลายๆ ชั้นอย่างที่ม่านหรงเคยบอก”

ต้าผางถอนหายใจออกมา

“ถึงพวกเขาทำได้แล้วมันจะอย่างไร น้ำที่ผ่านการต้มแล้วกับน้ำที่ได้มาจากธรรมชาติ อย่างไรรสชาติก็ย่อมแตกต่างกัน”

“เหวินหลงที่ข้าจะบอกเจ้าก็คือ หากมีคนสงสัยขึ้นมา สักวันพวกเขาก็ต้องตามมาสืบเสาะ หากถึงวันนั้นม่านหรงจะต้องลำบากเป็นแน่ พวกเราไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ปล่อยให้เขารอคอยหน่อยจะได้เห็นค่า เจ้าว่าข้าพูดถูกต้องหรือไม่”

“เหลือเชื่อจริงๆ ข้าเองก็เพิ่งรู้ว่าเจ้ามีแผนการแยบยลไม่น้อย”

เหวินหลงหัวเราะและพยักหน้าเห็นด้วย

“แน่นอนสิ! ข้าต้องคิดให้รอบคอบขึ้น ไม่เช่นนั้นข้าจะปกป้องลูกสาวเพียงคนเดียวของข้าได้อย่างไร”

ต้าผางสูดหายใจเข้าลึกๆ ใช่ เขาต้องคิดให้ถี่ถ้วนมากกว่านี้ หากขายน้ำออกไปมากเกินไปไม่นานผู้คนก็จะสงสัย

“ดังนั้นข้าจะยังไม่รีบร้อนนักหรอก หากเปรียบกับการกรองน้ำและต้มน้ำ อย่างน้อยๆ เวลาของพวกเราก็ควรไม่คลาดเคลื่อนกันเกินไป”

ต้าผางรู้สึกผ่อนคลายเมื่อตนได้เป็นผู้ปกป้องลูกสาวอันเป็นที่รักบ้าง

[1] น้ำส้มสายชู มีสีดำคล้ายกับซอสถั่วเหลือง รสชาติเปรี้ยว แต่ไม่เปรี้ยวเท่าน้ำส้มสายชูในไทย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel