ตอนที่ 24 ความในใจของซินหลาน
โจวเหวินหลงจูงเกวียนลากลับไปที่บ้าน พอไปถึงเขาก็ร้องเรียกให้บุตรชายมาช่วยยกข้าวของลงจากเกวียน
โจวเว่ยกับเจียหลินวิ่งเหยาะๆ ออกมาจากบ้าน ซินหลานเห็นดังนั้นนางจึงออกไปช่วยขนย้ายข้าวของเช่นกัน
“ท่านพ่อท่านแม่ จากนี้ไปห้องนี้ก็เป็นของพวกท่านแล้ว ถึงจะไม่สะดวกสบายนักแต่สักพักพวกท่านจะชินไปเอง ข้าขอตัวไปทำอาหารเพิ่มอีกสักอย่างก่อนนะเจ้าคะ”
โจวชิงเหอหันไปมองสองผัวเมียที่หันมองสำรวจรอบๆ ห้อง
พวกท่านอายุมากแล้วแต่ยังต้องมาทนทุกข์ลำบากไปกับข้าและสามี อดทนอีกหน่อยนะเจ้าคะ หากพวกเรามีอีแปะมากกว่านี้ ในอีกไม่ช้าพวกเราจะสร้างบ้านหลังใหญ่ขึ้นมาและตั้งรกรากกันอยู่ที่นี่อย่างมั่นคง
ชิงเหออมยิ้ม ขอแค่พวกนางยังได้รับส่วนแบ่งจากการขายน้ำอยู่ อีกไม่นานเกินรอ วันแห่งความสำเร็จก็จะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
“ท่านแม่ลูกขอแบ่งไก่ครึ่งหนึ่งไปให้บ้านโจวได้หรือไม่”
ม่านหรงเอ่ยถาม
“ได้สิ เดี๋ยวแม่จะยกไปให้บ้านโจวเอง”
หลิวเหยาส่งยิ้มให้กับบุตรสาว
“พ่อไปจุดคบเพลิงหน้าบ้านก่อนนะ”
ต้าผางเห็นว่าท้องฟ้าเริ่มมืดแล้วจึงลุกออกจากเตียงไม้ไผ่เช่นกัน
ม่านหรงเพียงแค่ลอบถอนหายใจออกมา พวกเราได้ไก่มาสองวันแล้ว ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะได้ไก่มาเพิ่มอีกกี่ตัว เพียงแค่คิดถึงปัญหาอาหารของไก่ ในหัวน้อยๆ ของนางก็เหมือนกับว่ามีแผนในใจ
…
“ขอบใจนะหลิวเหยา วันนี้คนที่บ้านของข้ามีหลายคน ไก่ตุ๋นของเจ้านี้ช่างมาได้ถูกช่วงเวลายิ่งนัก”
โจวชิงเหอยิ้มกว้างและขอบคุณหลิวเหยาไม่หยุด
เหวินหลงที่กำลังไล่จุดคบเพลิงก็หันไปขอบคุณหลิวเหยาเช่นกัน
“ม่านหรงให้ข้านำมาให้ ถือเสียว่าเป็นการต้อนรับคนมาใหม่ อันที่จริงหากนางรู้ก่อนหน้านางคงจะทำอาหารไว้มากกว่านี้”
หลิวเหยาหลุบตาลงต่ำอย่างรู้สึกผิด
“แค่นี้ก็มากพอแล้วล่ะ เจ้าคงไม่รู้ หมู่บ้านไท่ซางในยามนี้ก็มีแต่บ้านของพวกเราเท่านั้นแหละที่ได้กินไก่ ท่านพ่อกับท่านแม่สามีของข้าคงจะยิ้มไม่หุบไปอีกหลายวัน”
ชิงเหอที่รับเอาชามไก่ตุ๋นที่มีน้ำแกงมากมาย ยิ้มหวานออกมา
“เช่นนั้นข้ากลับก่อนนะเจ้าคะ อ๋อ จริงสิ เห็นม่านหรงบอกว่าจะมอบไก่ให้พวกท่านวันล่ะตัว ต่อไปพวกท่านก็จะได้กินไก่ตัวอวบอ้วนทุกวันแล้ว”
หลิวเหยาพูดทิ้งท้ายก่อนจะจากไป
“สามี… ไม่ใช่ว่าข้าขอไก่ไปแค่สองตัวหรอกหรือ”
ชิงเหอหันไปทางสามีของนาง
“เรื่องนี้ต้าผางบอกกับข้าว่า เราจะได้รับเงินสามสิบอีแปะเมื่อขายน้ำได้หนึ่งโอ่ง และม่านหรงตัดสินใจก่อนหน้าแล้วว่าจะให้ไก่วันล่ะตัว ก่อนหน้านี้ข้าขอไก่เขามาสองตัวเพราะกลัวว่าเขาจะไม่มีไก่ให้พวกเรา คาดไม่ถึงว่าม่านหรงยังคงยืนยันคำเดิมว่าจะมอบไก่ให้วันละตัว”
เหวินหลงยิ้มบาง พลางจุดคบเพลิงอันสุดท้ายอย่างใจเย็น
“ม่านหรงเป็นเด็กดีจริงๆ”
ชิงเหอถอนหายใจออกมา ตอนแรกเป็นนางที่อยากได้ไก่สักสองตัวมาเลี้ยงไว้ให้มันออกไข่ ไม่คิดมาก่อนว่าม่านหรงจะตอบแทนพวกนางมากมายเพียงนี้
“เจ้ารีบยกไก่ตุ๋นเข้าไปเถอะ ท่านพ่อท่านแม่ของข้าคงหิวมากแล้ว ไม่รู้ว่าตอนเที่ยงพวกท่านได้ทานอะไรมาบ้างหรือยัง”
เหวินหลงส่งยิ้มให้เมียรัก
“เช่นนั้นข้าไปเตรียมตั้งโต๊ะอาหารก่อนนะเจ้าคะ”
ชิงเหอพูดกับสามียังไม่ทันจบประโยคดี นางก็เดินเร็วๆ เข้าไปในตัวบ้าน
“ม่านหรง เจ้าอย่าห่วงไปเลย อะไรที่ข้ารับปากเจ้าแล้วข้าจะไม่พูดมันออกไปอย่างแน่นอน”
เหวินหลงมองไปทางบ้านไม้ไผ่อีกหลังที่อยู่ไม่ไกล คืนนี้เหมือนมีลมพัดมาเล็กน้อย
ไม่นานเตียงไม้ไผ่ที่ห้องโถงของบ้านโจวก็ถูกวางด้วยอาหารสี่อย่าง
“ผัดพริกแห้งหน่อไม้ ผัดหน่อไม้ใส่ไข่ ไก่ตุ๋นน้ำแกง มันเผาร้อนๆ ว้าวมีแต่ของอร่อยทั้งนั้น”
เจียหลินทำตาลุกวาวอย่างตื่นเต้น รอบๆ เตียงไม้ไผ่ในยามนี้ถูกนั่งล้อมรอบไปด้วยผู้คนมากมาย
“เจ้าก็พูดแบบนี้ทุกวันนั่นแหละ”
ชิงเหอลูบหัวบุตรสาว
ซินหลานกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ในยามนี้หน่อไม้หายากนัก ไก่ที่เนื้อฉ่ำๆ เช่นนี้นางก็ไม่ได้กินมานานมากแล้ว อาหารหรืออะไรที่ว่าดี ท่านแม่ของนางก็มอบให้พี่เจี้ยนหยางไปเสียหมด ตัวนาง ขอแค่ได้ซดน้ำข้าวต้มเพื่อให้อิ่มท้องก็ถือว่ามีบุญมากพอแล้ว
บ้านท่านอามีอาหารมากมาย แม้ว่าจะมีเนื้อไก่เพียงครึ่งตัว แต่ไก่นี้นางจะกินได้จริงๆ หรือ สายตาของซินหลานรีบเบี่ยงเบนไปมองที่ผัดหน่อไม้แทนทันที
เหวินหลงเห็นปฏิกิริยาเช่นนั้นของหลานสาวก็พลันปวดใจ นี่นางไม่กล้าที่จะกินไก่งั้นหรือ ไก่ของม่านหรงตัวโตมาก แม้จะบอกว่าเป็นไก่ครึ่งตัว แต่ไก่ครึ่งตัวนี้ก็ทำให้คนทั้งบ้านกินอิ่มหนำจนพอใจ
เหวินหลงคีบขาไก่ออกมาแล้วแบ่งเป็นสองส่วนก่อนจะส่งให้พ่อกับแม่คนล่ะครึ่ง จากนั้นก็แบ่งไก่อีกจำนวนหนึ่งส่งให้ซินหลาน
ซินหลานแทบจะกลั้นน้ำตาแห่งความดีใจเอาไว้ไม่อยู่ หากสังเกตดีๆ ตรงหน้าผากของนางในยามนี้มันยังคงมีรอยเขียวช้ำอยู่
เหวินหลงบอกให้ทุกคนทานข้าวได้
เจียหลินร้อง เย้ เสียงดัง ก่อนจะเริ่มมื้อค่ำที่เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยและความสุขที่ท่วมท้น
“ท่านพ่อผัดหน่อไม้ใส่ไข่นี่หวานมาก ท่านทานเยอะๆ นะเจ้าคะ ท่านแม่ทานให้เยอะๆ หน่อย ไม่เจอท่านแค่วันเดียวดูเหมือนท่านจะผอมลงไปไม่น้อย ซินหลานเจ้าก็กินมากๆ หากข้าวไม่พอก็ตักเพิ่มได้อีก เจ้าเป็นเด็กสาววัยกำลังโตแท้ๆ แต่ดูเนื้อหนังของเจ้าสิ ผอมกะหร่องอย่างกับว่าคนขาดสารอาหาร เจียหลิน โจวเว่ยกินเยอะๆ พรุ่งนี้จะได้มีแรงไปช่วยม่านหรงทำแปลงผัก”
ชิงเหอยิ้มไปคีบอาหารให้คนนั้นคนนี้ไปอย่างมีความสุข
โจวซินหลานยิ้มทั้งน้ำตา นางได้กินไก่ กินไข่ กินหน่อไม้ อีกทั้งท่านอาชิงเหอยังบอกว่าเติมข้าวได้ตามที่ต้องการ
ความสุขที่ได้รับมาอย่างกะทันหันทำให้นางรู้สึกแน่นอก จนมันแทบจะทะลักออกมาแล้ว นางยกกระบวยน้ำเต้ามาดื่มกินพบว่าน้ำนี้สดชื่นโล่งใจเป็นที่สุด
มิน่าเล่าท่านลุงถึงได้บอกกล่าวว่าที่แห่งนี้มีกฎเกณฑ์ แต่ข้ารับปากเลยว่าข้าจะไม่ยอมบอกมันกับผู้ใด
ขอแค่มีข้าวกินให้อิ่มท้อง มีที่นอนมีผ้าห่มอุ่นๆ เพียงแค่นี้ข้าก็ยินดีที่จะทำทุกอย่างเพื่อท่านลุงและท่านป้าแล้ว
หลังจากมื้อค่ำจบลง ซินหลานกับเจียหลินก็นำถ้วยชามไปล้างที่หลังบ้าน เรียกได้ว่าอาหารทุกอย่างในวันนี้เกลี้ยงชามแม้แต่น้ำแกงไก่ยังไม่เหลือแม้แต่เพียงหยด
โจวต้านเป่ากับเมียรักเรอแล้วเรออีกทั้งยังลูบพุงที่เต็มไปด้วยอาหารอย่างสุขใจ ซินหลานที่ได้กินข้าวจนอิ่มหนำก็ยิ้มกว้างจนหุบไม่ลง
“พี่ซินหลาน ท่านจากมาแบบนี้ท่านป้าลี่เสวี่ยไม่รั้งท่านไว้หรือเจ้าคะ”
ในขณะที่ล้างจานด้วยใยบวบอยู่หลังบ้าน จู่ๆ เจียหลินก็เอ่ยถามออกมา
ซินหลานหลุบสายตาลงต่ำก่อนจะพูดไปว่า
“ท่านแม่ให้ข้ามาคอยปรนนิบัติปู่กับย่าหน่ะ อีกอย่างหากข้ามาด้วย เจ้าจะได้มีเพื่อนคุย”
โจวซินหลานที่นั่งหันหลังให้กับแสงไฟได้แต่เก็บความทุกข์ไว้ในใจ
ท่านแม่ของข้านางรักแต่ลูกชาย นางคิดว่าลูกชายเท่านั้นที่นางจะพึ่งพาได้ในยามที่แก่เฒ่า
แม้แต่ลับหลังท่านพ่อ ท่านแม่ก็มิวายโปรยเสน่ห์ไปทั่ว ตอนเด็ก ข้าไม่เข้าใจว่าที่ท่านแม่ทำเช่นนั้นคืออะไร สุดท้ายข้าก็พึ่งมาล่วงรู้ในภายหลังว่า แท้จริงแล้วข้ากับเจี้ยนหยางหาได้เป็นพี่น้องกันโดยสายเลือดไม่
เมื่อหลายเดือนก่อน ข้าเห็นท่านแม่ทำตัวลับๆ ล่อๆ และหลีกหนีสายตาผู้คนด้วยท่าทางร้อนใจ ข้าคิดว่าบางทีมันอาจจะเป็นเรื่องใหญ่จึงได้แอบตามท่านไปอย่างเงียบเชียบ
ภาพตรงหน้าที่ข้าได้เห็นทำให้ข้าถึงกลับดวงตาเบิกค้าง มันเหมือนกับว่ามีก้อนกลมๆ ที่หนักอึ้งมาวางทับอกด้านซ้ายจนข้าหายใจแทบไม่ออก
ท่านแม่กับท่านลุงผู้หนึ่งโผเข้ากอดหอมกัน อีกทั้งยังพูดถึงเจี้ยนหยางที่เป็นดั่งสายเลือดของพวกเขา พอกล่าวถึงข้าที่เป็นสายเลือดชั้นต่ำจากท่านพ่อ พวกเขาสองคนก็หัวเราะร่าทั้งยังบอกว่าจะทำให้ข้ากลายเป็นข้าทาสโดยสมบูรณ์
ท่านแม่กับชายแปลกหน้าคนนั้นค่อยๆ จูบหอมกัน ไม่นานเสื้อผ้าของทั้งคู่ก็ถูกปลดเปลื้องออก
โจวซินหลานปิดปากตนเองแน่นแล้วตั้งสติถอยหลบหนีออกมาจากตรงนั้นโดยไว
ที่แท้นางเป็นลูกของท่านพ่อเพียงผู้เดียว แต่เจี้ยนหยางผู้พี่กลับหาได้เป็นลูกแท้ๆ ของท่านพ่อไม่
นานวันเข้าท่านแม่ก็ยิ่งใช้งานนางหนักขึ้น กวาดบ้าน ซักผ้า ล้างจาน ทำอาหาร ทั้งหมดกลายเป็นงานที่นางควรทำ
ท่านแม่มอบเนื้อชิ้นโตให้พี่ชายต่างพ่อของข้า ส่วนข้าได้กินแต่น้ำข้าวต้ม ท่านแม่มอบผ้าห่มและเสื้อผ้าใหม่ๆ ให้พี่ชาย แต่ข้าต้องใช้เสื้อผ้าเก่าๆ โทรมๆ
เมื่อออกไปนอกบ้านมีผู้คนผู้ถึงความแตกต่างของข้ากับพี่ชาย ท่านแม่ก็คอยพูดแก้ต่างไปว่า ข้าเป็นคนต้องการทำเช่นนี้เอง
ไม่เลย… ข้าไม่เคยต้องการเช่นนี้! ข้าเองก็อยากได้รับความรักจากท่านแม่เช่นกัน เพียงแต่ว่า ท่านแม่มักจะมองข้ามข้าไปเสมอ
วันหนึ่ง!! ข้าได้ยินท่านแม่แอบคุยกับชายคนนั้นว่า นางต้องการที่จะขายข้าออกไปเพื่อแลกเงิน อีกอย่าง หากไร้ซึ่งข้าเจี้ยนหยางก็จะได้กลายเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของท่านพ่อ
ลูกชายเหรอ?
เมื่อข้าได้ยินคำนั้น ข้าก็นึกขันในใจ เจี้ยนหยางหาได้มีสายเลือดของท่านพ่อไม่ เขาเหมาะสมกับตำแหน่งนั้นแล้วหรือ
คำถามมากมายวกวนในหัวของซินหลาน ท้ายที่สุดนางไม่อยากทำลายความสัมพันธ์ของท่านพ่อที่มีต่อท่านแม่ นางจึงเก็บเสื้อผ้าเตรียมการพร้อมจะหลีกหนี ประจวบเหมาะกับช่วงที่ท่านปู่จะแยกบ้านออกไปพอดี นางจึงได้ขอติดสอยห้อยตามท่านปู่มายังที่นี่ได้
เมื่อหวนคิดถึงเรื่องราวต่างๆ ซินหลานก็เผยใบหน้าเศร้าสร้อยออกมาอย่างปิดไว้ไม่มิด
ทว่าถึงนางจะแสดงสีหน้าเช่นไรออกมา ต่อหน้าเจียหลินก็เหมือนกับว่าไม่ได้มีเรื่องใดเกิดขึ้นเลย
ชิงเหอเก็บกวาดเตียงไม้ไผ่ที่พึ่งจะนั่งทานมื้อค่ำให้ลูกชาย เหวินหลงกล่าวว่า พรุ่งนี้หลังจากกลับมาจากการขายน้ำ เขาจะทำเตียงนอนใหม่ให้โจวเว่ย อีกทั้งจะสร้างอีกสองห้องนอนให้โจวเว่ยกับซินหลานด้วย
“ขอบคุณขอรับท่านพ่อ อันที่จริงข้าเป็นชายหลับนอนที่ใดก็ไร้ซึ่งปัญหา พวกเรารีบสร้างเนื้อสร้างตัว เรื่องนั้นน่าจะสำคัญมากกว่า”
“ลูกพ่อเจ้านี่ก็ช่างเข้าใจพูดคุย เรื่องการสร้างตัวนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพ่อเถอะ พรุ่งนี้เจ้าก็อยู่บ้านคอยช่วยเหลือม่านหรง หากนางปลูกผักได้สำเร็จ นั่นก็เท่ากับว่าพวกเราจะมีผักไว้กิน นี่สิถึงจะเป็นสิ่งที่สมควรทำ”
เหวินหลงหันไปยิ้มให้กับลูกชายที่ปูที่นอนอย่างเรียบง่าย
“ขอรับท่านพ่อ เช่นนั้นตามที่ท่านพ่อว่า ช่วงเช้าพวกเราจะไปเก็บหน่อไม้ลงมาด้วย หากเราขายหน่อไม้ได้ การเงินของพวกเราก็จะดียิ่งขึ้น”
“เฮ้อ… นั่นสินะ หน่อไม้ก็ควรเก็บไปขายด้วย เรื่องราคาเดี๋ยวค่อยว่ากันอีกที แต่ช่วงเช้าพ่อกับลุงไป๋มีเรื่องที่ต้องไปทำเล็กน้อย ให้เจ้าพาเจียหลินกับซินหลานช่วยกันเก็บรวบรวมหน่อไม้เอาไว้ก่อนก็แล้วกัน”
“ขอรับ”
โจวเว่ยขานรับบิดาแล้วนั่งลงที่นอนชั่วคราวของเขา
“พ่อจะจุดคบเพลิงเอาไว้หน้าบ้านเพิ่มอีกอัน เอาล่ะเจ้าก็รีบเข้านอนได้แล้ว”
เหวินหลงหันไปบอกลูกชาย ก่อนจะบอกให้คนอื่นๆ รีบแยกย้ายกันเข้านอน
