ตอนที่ 23 ท่านเก็บความลับได้หรือไม่
เมื่อเกวียนลามาถึงทางแยกเข้าบ้าน เหวินหลงก็เลี้ยวเข้าไปเส้นทางเล็กๆ นั่นอย่างช้าๆ
สองชายหญิงวัยกลางคนกวาดสายตามองไปรอบๆ เห็นบ้านไม้ไผ่สองหลังที่ดูปกติดี ไม่เห็นมีอะไรให้ต้องปิดบังก็ยิ่งไม่เข้าใจ
พอถึงบ้านของต้าผาง เกวียนลาก็หยุดลง ทุกคนลงจากเกวียนลาทีละคน โจวเว่ยอาสาพาท่านปู่ท่านย่าและซินหลานไปที่บ้านก่อน
สองสามีภรรยามองหน้ากันอีกครั้ง เหตุใดถึงไม่นำเกวียนลาไปพักที่บ้านของตน แต่กลับเลือกที่จะหยุดไว้ที่บ้านต้าผาง แต่พวกเขาก็จำได้ว่าไม่ควรพูดมากความ จึงได้แต่เดินตามหลังหลานชายไปอย่างช้าๆ
“…นั่นคือ?”
ม่านหรงหันไปทางผู้มาใหม่อย่างไม่เข้าใจ หลิวเหยาได้ยินเช่นนั้นก็หันไปมองตามบุตรสาว
“นั่นคือพ่อกับแม่ของลุงโจวของเจ้า”
หลิวเหยาบอกบุตรสาวเสียงเรียบ
“ท่านป้าไป๋ ม่านหรง นี่คือท่านปู่กับท่านย่าของข้า แล้วก็นี่คือซินหลาน ลูกสาวของพี่ชายพ่อข้า จากนี้พวกท่านจะมาอยู่ที่นี่กับพวกเรา”
โจวเว่ยกล่าวแนะนำ ม่านหรงกับมารดาจึงกล่าวทักทายก่อนจะถามว่าเกิดอันใดขึ้นที่หมู่บ้านหรือไม่
“ไม่มีอันใดหรอกขอรับท่านป้าไป๋ พี่ชายของพ่อข้าไม่อยู่ ท่านไปทำงานต่างหมู่บ้าน ท่านปู่กับท่านย่าจึงไร้ที่พึ่งพิง ดังนั้น…”
โจวเว่ยหันไปทางม่านหรงที่ไม่พูดจา
ตอนแรกหลิวเหยาดีใจที่จะได้มีคนเพิ่มเข้ามา แต่พอเห็นบุตรสาวเงียบจนผิดปกติ นางจึงจำได้ว่า… ความโชคดีของม่านหรงอาจจะเกิดปัญหา หลิวเหยาจึงขมวดหัวคิ้วเข้าหากัน
“ท่านปู่ท่านย่า รวมทั้งซินหลานให้คำสัตย์แล้ว ว่าจะไม่เปิดเผยเรื่องภายในออกไปเป็นอันขาด”
โจวเว่ยเข้าใจว่าม่านหรงคิดอันใดจึงรีบบอกกล่าว
“เช่นนั้นก็ดี”
ม่านหรงพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะขอตัวไปทำอาหารค่ำต่อ หลิวเหยาเห็นบุตรสาวไม่ว่าอะไรนางก็วางมือทาบหน้าอก ก่อนจะอาสาพาพ่อแม่ของโจวเหวินหลงไปส่งที่บ้านข้างๆ กัน
ระหว่างทางหลิวเหยาก็พาแวะไปที่คันโยกน้ำบาดาล พร้อมบอกว่านี่คือน้ำบาดาลของม่านหรง ซึ่งน้ำนี่เป็นน้ำที่พวกเขานำออกไปเร่ขาย สิ่งนี้ไม่อาจให้ผู้อื่นรับรู้ได้ หลิวเหยาหันไปทางพ่อแม่ของโจวเหวินหลง และหันไปสบตากับซินหลาน สามคนที่มาใหม่เริ่มเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาจึงออกปากรับคำอย่างมั่นเหมาะ ว่าจะไม่เปิดเผยเรื่องภายในออกไปแม้แต่คำเดียว
หลิวเหยาได้ยินดังนั้นก็ยิ้มกว้าง แล้วไปส่งพวกเขาถึงบ้านด้วยความยินดี
“ท่านปู่ ท่านย่า”
เสียงเจื้อยแจ้วของเจียหลินดังขึ้น นางวิ่งเข้าหาปู่กับย่าด้วยความคิดถึง
“เด็กดี อยู่ที่นี่เจ้าก่อเรื่องลำบากใจให้พ่อแม่หรือไม่”
ต้านเป่ายิ้มกว้างจนแก้มแทบจะปริออกมา ทั้งยังลูบหัวหลานสาวที่เข้ามาสวมกอดตนกับเมียรักด้วยความเอ็นดู
“ไม่เลยเจ้าค่ะ เจียหลินเป็นเด็กดี และเชื่อฟังพี่ม่านหรงมาก”
เด็กสาวยิ้มกว้าง
สองผัวเมียสบตากัน แม้แต่เจียหลินก็รู้ว่าต้องปกปิดเรื่องนี้ แต่เรื่องเชื่อฟังม่านหรงนี่มัน…
“พี่ซินหลานท่านก็มาหาเจียหลินด้วยหรือเจ้าคะ เจียหลินคิดถึงพี่ซินหลาน”
เจียหลินหันไปทางซินหลานแล้วพุ่งตัวเข้าไปสวมกอดนางทันที
ซินหลานยิ้มกว้างออกมา ในเมื่อเจียหลินอยู่ที่นี่แล้วยังยิ้มออกมาได้ เช่นนั้น ที่แห่งนี้ต้องดีกว่าในชุมชนเป็นแน่ มีน้ำสะอาด มีอาหาร เพียงเท่านี้นางก็พอใจมากแล้ว
ระหว่างที่ปู่หลานพูดคุยกันโจวเว่ยก็เดินไปบอกมารดา ชิงเหอก็วิ่งกระหืดกระหอบออกมาจากหลังบ้าน ใบหน้าของนางอมยิ้มและเปื้อนไปด้วยน้ำตา
“ข้ารู้แล้วเจ้าค่ะ ว่าพวกท่านจะมาอยู่กับพวกเรา เจียหลินจากนี้เจ้าก็ให้ซินหลานนอนกับเจ้าเถอะ ท่านพ่อกับท่านแม่ไปนอนห้องของข้านะเจ้าคะ เดี๋ยวข้ากับสามีจะออกมานอนที่ห้องโถงแทน”
ชิงเหอดึงมือแม่สามีมากุมไว้อย่างห่วงใย
“ท่านแม่ ให้ปู่กับย่าไปนอนห้องของข้าเถอะขอรับ ข้าจะนอนที่ห้องโถงเอง”
โจวเว่ยยิ้มอ่อนมองไปทางท่านแม่ของตน
“เอาแบบนั้นก็ได้ ไว้วันหลังแม่จะให้พ่อทำห้องให้เจ้าใหม่”
ชิงเหอหันไปขอบใจบุตรชาย โจวเว่ยพยักหน้ารับ ครอบครัวโจวจึงทำการจัดที่พักใหม่ หลิวเหยาเห็นว่าเริ่มมืดแล้วจึงขอตัวกลับก่อน
“ชิงเหอเจ้าบอกแม่มาเถอะว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ เหตุใดเราต้องเชื่อฟังต้าผางกับม่านหรง”
หลังจากหลิวเหยาจากไป หลิงเยี่ยนจึงได้ถามไถ่สะใภ้คนเล็กด้วยความอยากรู้
“ที่พวกเราอยู่ที่นี่ได้อย่างไม่ทุกข์ร้อน ก็เป็นเพราะน้ำของม่านหรง อีกอย่างม่านหรงใจดีกับพวกข้ามาก ต้าผางกับหลิวเหยาก็ยึดตามม่านหรงทุกอย่าง และก็เป็นตามคาด ม่านหรงในยามนี้เปรียบเสมือนหัวเรือใหญ่ที่จะนำพาพวกเราไปสู่ความมั่งคั่ง ดังนั้นทุกการตัดสินใจของม่านหรงจึงควรคล้อยตาม แต่พวกท่านอย่ากังวลไป มีเพียงเรื่องเดียวคือห้ามเปิดเผยต่อคนภายนอก คนนอกที่ว่าก็คือผู้ที่ไม่ได้อยู่ที่นี่ เรื่องอื่นพ่อกับแม่ก็ใช้ชีวิตกันตามปกติ”
“ม่านหรงกลายเป็นผู้นำชุมชนเล็กๆ นี้ไปแล้วหรือ”
โจวต้านเป่าเลิกคิ้วถาม
“จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ผิดหรอกเจ้าค่ะ”
ชิงเหออมยิ้มและขำขันออกมา
“เดี๋ยวอยู่ๆ ไป พวกท่านจะเข้าใจเองเจ้าค่ะ”
ชิงเหอคิดในใจว่า อันที่จริงก็ไม่ได้มีอะไรยุ่งยาก เพียงแต่ว่าเรื่องการค้านั้นสำคัญต่อปากท้องมากดังนั้นจึงต้องระวังเป็นพิเศษ
อีกด้าน
เหวินหลง ต้าผาง กับม่านหรง ยืนคุยกันหน้าบ้านไป๋ ม่านหรงพยักหน้าเข้าใจแล้วว่าเกิดอันใดขึ้น
“ข้าไม่อาจห้ามให้ใครอยู่หรือไปได้ แต่น้ำนี้เป็นของบ้านข้า ดังนั้นท่านลุงโจวคงเข้าใจใช่หรือไม่ว่าข้าหมายถึงอันใด”
ม่านหรงในยามนี้มีใบหน้าตึงเครียดเป็นอย่างมาก แม้แต่ต้าผางที่เห็นเช่นนั้นยังนึกหวาดกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับนาง
“ลูกไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่”
ต้าผางรีบเดินเข้าไปยืนข้างกายบุตรสาว
“ท่านพ่อข้าเหนื่อยเล็กน้อย ท่านลุงโจวท่านเก็บความลับของผู้อื่นได้ดีมากแค่ไหนหรือเจ้าคะ”
ม่านหรงตอบบิดาและหันไปสบตากับโจวเหวินหลงอย่างไม่เกรงกลัว
“แน่นอนว่าลุงเก็บความลับได้ดีมาก แม้นจะใช้เหล็กกล้าร้อนๆ มางัดปากของลุง เรื่องที่ลุงรับปากไว้จะไม่แพร่งพรายออกไปเป็นอันขาด”
เหวินหลงรู้สึกถึงความกดดันจากสายตาของม่านหรงอย่างบอกไม่ถูก เหตุใดม่านหรงถึงได้ดูน่ายำเกรงถึงเพียงนี้ เหงื่อเย็นผุดขึ้นหน้าผากของเหวินหลงทีละนิด
“เช่นนั้นท่านลุงฟังนิทานที่ข้าจะเล่าสักหน่อยเถอะเจ้าค่ะ”
ม่านหรงเห็นบิดาพยักหน้ารับเป็นเชิงว่า เพื่อนคนนี้ของเขาไว้ใจได้ ม่านหรงจึงบอกเรื่องหนึ่งออกไปอย่างไม่ปิดบัง
“หา!!! เจ้าจะบอกว่าเจ้ามีพรติดตัวมางั้นหรือ เช่นนั้นเรื่องที่เจ้าสาปแช่งให้หมู่บ้านเราแห้งแล้ง นั่นก็เป็นจริงงั้นรึ”
ม่านหรงบอกกับโจวเหวินหลงเพียงแค่เรื่องพรจากปากของนาง แน่นอนว่าเรื่องเป็นตายนางจะไม่พูดมันออกมาให้ผู้คนสงสัย
“เจ้าค่ะ เรื่องนี้เป็นความลับของข้า มีเพียงท่านพ่อที่รับรู้ หากท่านเก็บความลับได้ดี ก็ดีไป ทว่า หากวันใดท่านเอ่ยออกมาเพียงคำ ทั้งครอบครัวของท่านจะฉิบหาย ข้าไม่ได้จะข่มขู่ท่าน ข้าเพียงแต่ห่วงใยเพื่อนสนิทของท่านพ่อก็เท่านั้น”
“ไม่ต้องห่วงๆ ลุงเข้าใจ”
เหวินหลงนิ่งขรึมขึ้นมา หากนางสาปแช่งพื้นดินให้แห้งแล้งได้ แค่ทำให้ข้ากับครอบครัวล่มจมนั้นไม่ยากเลย ในเมื่อนางยอมบอกข้าแปลว่านางต้องเชื่อมั่นว่าข้าไว้ใจได้ แน่นอนว่าข้าจะทำตัวให้สมกับความเชื่อถือนี้
“เมื่อครู่เจ้าบอกว่าเจ้ามีพร อย่าบอกนะว่าที่บ้านของพวกเจ้าได้ไก่มาทุกวัน นั่นก็เป็นพรของเจ้าด้วย”
ม่านหรงยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยก่อนจะขอตัวไปเตรียมข้าวปลา
“เจ้ามันใจร้ายนัก น้ำก็ได้มาจากลูกสาว ไก่ หน่อไม้ก็ได้มาฟรีๆ ยังจะคิดปกปิดข้าอีก”
เหวินหลงเห็นม่านหรงเดินไปที่ห้องครัวจึงตบไหล่ต้าผางแรงๆ เขาทั้งอิจฉาและโมโหที่เพื่อนรักปิดบังเขา
“แต่พรของนางมีสิ่งที่ต้องแลกมา”
ต้าผางมองไปทางม่านหรงแล้วถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา
“หมายความว่านางไม่ได้พรมาเปล่าๆ หรือ”
ต้าผางพยักหน้า
“ข้าเองยังไม่กล้ายืนยัน แต่ที่รู้ๆ ก็คือนางอาจจะเหนื่อย เจ็บปวดเจียนตาย หรือเสียอะไรสักอย่างที่พวกเราไม่รู้”
ต้าผางขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมา
“มันร้ายแรงขนาดนั้นเชียว”
“อืม ข้าถึงได้พูดเน้นย้ำทุกครั้ง ว่า ของนางก็คือของนาง หากไม่ได้รับอนุญาต เจ้า หรือแม้แต่ข้า ก็ไม่ควรไปแตะต้อง”
“มิน่า เจ้าถึงได้พูดซ้ำๆ ว่าน้ำนี้เป็นของม่านหรง และไม่ยินยอมที่จะมอบมันให้ใครโดยที่นางไม่อนุญาต แล้วน้ำนั้นเล่า น้ำที่เราขนไปที่บ้านพ่อแม่ของข้าวันนี้”
เหวินหลงหันไปสบตากับต้าผาง ต้าผางก็ขมวดคิ้วมุ่น
“พรุ่งนี้! รอให้ถึงพรุ่งนี้ก่อน ข้าจะไปคว่ำโอ่งน้ำนั้นด้วยมือของข้าเอง”
ต้าผางถอนหายใจออกมาเหมือนกับว่าเขาดูแก่ลงไปอีกหลายปี
“ดี! เช่นนั้นข้าจะไปกับเจ้าตั้งแต่เช้ามืดเลย”
เหวินหลงกลัวว่าหากคนที่นางไม่ยินยอม กินน้ำนี้เข้าไปอาจเกิดอันตราย ใจเขาก็พลันไม่สงบขึ้นมาเสียดื้อๆ
สิ่งของของม่านหรง มีทั้งคุณ มีทั้งโทษในเวลาเดียวกัน มิน่าล่ะม่านหรงถึงได้เน้นย้ำเรื่องน้ำเป็นพิเศษ แม้แต่ข้าจะขอไปให้พ่อกับแม่ดื่มกิน นางยังต้องพิจารณาให้รอบคอบ
ยังดีที่นางใจกว้างเรื่องหน่อไม้อยู่บ้าง ไม่เช่นนั้นท่านพ่อกับท่านแม่ที่กินหน่อไม้เข้าไปก่อนหน้าคงจะ…
เพียงแค่คิดถึงคำสาปที่เป็นจริง ลึกๆ ในใจของเหวินหลงก็พลันหวาดหวั่นไม่น้อย
“เรื่องความลับนี้ นางบอกแค่เจ้า เจ้าก็อย่าได้เผลอไปบอกคนอื่นเข้าล่ะ”
ต้าผางตบหัวไหล่เหวินหลงเพื่อเตือนสติ
“ข้าจะบอกคนอื่นเพื่อให้ข้าล่มจมหรืออย่างไร”
เหวินหลงส่ายหัว แน่นอนว่าเรื่องชีวิตและการอยู่รอดของครอบครัวนั้นสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด เขาจะไม่มีทางพูดมันออกไปเป็นแน่แท้ เหวินหลงที่ชอบยิ้มตลอดเวลาทำหน้าเจื่อนๆ อย่างบอกไม่ถูก
“เจ้ากลับบ้านไปพักเถอะ โอ่งน้ำสามใบนี้เทน้ำออกหมดแล้ว ไว้พรุ่งนี้พวกเราค่อยมาล้างทำความสะอาดมันอีกรอบ”
ไป๋ต้าผางชี้ไปที่โอ่งน้ำสามใบที่ยกลงมาจากเกวียนลาแล้ว
“ได้ๆ ข้าเองก็จะนำข้าวของพวกนี้ไปส่งให้พ่อแม่ของข้าเช่นกัน”
เหวินหลงโบกมือให้ต้าผางก่อนจะจูงเกวียนลาไปทางบ้านของตน
“ข่มขู่สำเร็จ”
ม่านหรงที่แอบฟังอยู่ไม่ไกลยกยิ้มขึ้น
“นี่ระบบ! วันนี้ข้าคิดทบทวนมาดีแล้ว …ข้าขอใช้ปากสาปแช่งของวันนี้เลยแล้วกัน ในวันที่ครบกำหนดสุ่มของรางวัลที่จะมาถึง ข้าต้องการบ้านหนึ่งหลัง เป็นบ้านปูนยกสูงจากพื้นครึ่งเมตร ที่สำคัญต้องมีสองห้องนอน ที่มีขนาดสิบคูณสิบเมตร แต่ล่ะห้องนอนต้องมีห้องน้ำในตัว และมีหนึ่งห้องครัว หนึ่งห้องนั่งเล่น พร้อมกับสิ่งของอำนวยความสะดวกและไฟฟ้าที่ไม่มีวันหมด”
ในที่สุดม่านหรงก็ตัดสินใจขอใช้ปากสาปแช่งของวันนี้
ข้อความจากระบบ : ท่านจะได้รับพรตามที่ท่านต้องการ
เมื่อเห็นข้อความปรากฏเด่นหรา ใบหน้าของม่านหรงก็ยิ้มกว้างอย่างสุขใจ
“ม่านหรงลูกจะทำอะไรเป็นมื้อเย็นงั้นหรือ”
ต้าผางที่บอกลากับเหวินหลง เดินเข้ามาหาบุตรสาว
“ท่านพ่อ วันนี้มีผัดหน่อไม้พริกแห้ง ไก่ตุ๋นในน้ำแกง แล้วก็มีข้าวสวยร้อนๆ เจ้าค่ะ”
ม่านหรงที่ยกหม้อไก่ตุ๋นค้างไว้หันไปส่งยิ้มให้บิดา
“มาเถอะพ่อจะช่วยเจ้ายกเข้าไปด้านใน”
“ให้แม่ยกหม้อข้าวเข้าไปก็แล้วกัน”
หลิวเหยาเดินกลับมาถึงบ้านพอดี นางเห็นสองพ่อลูกกำลังยกอาหารเข้าบ้านจึงอาสาช่วยเหลือ
“กลับมาแล้วหรือ”
ต้าผางหันไปทางเมียรัก
“เจ้าค่ะ ข้ากำลังหิวพอดีเลย”
หลิวเหยาอมยิ้มน้อยๆ แล้วสบตากับชายอันเป็นที่รัก
“เช่นนั้นลูกยกหม้อไก่ตุ๋นเข้าไปด้านในก่อนนะเจ้าคะ”
ม่านหรงที่มองเห็นพ่อกับแม่มองกันหวานเยิ้มก็พลันทำหน้าไม่ถูก นางจึงรีบหันขวับเข้าไปในตัวบ้าน ขาเรียวยาวก็ก้าวฉับๆ หลีกหนีความหวานฉ่ำนั้นไปทันที
