บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 20 ต่อเติมเกวียนลา

โจวเว่ยได้ยินคำกล่าวของม่านหรง ดวงตาของเขาก็เหมือนกับมีประกายบางอย่าง

ความคิดของม่านหรงนั้นดีมาก หากมีหลังคาบังแดด หรือมีที่นั่งดีๆ การเดินทางไปมาจะต้องสะดวกมากยิ่งขึ้น ไม่น่าเชื่อว่าม่านหรงจะคิดเผื่อพวกเราได้มากถึงเพียงนี้

“ข้าจะไปคุยกับท่านพ่อดู”

โจวเว่ยวางถังน้ำลงแล้ววิ่งเหยาะๆ กลับไปที่บ้าน

“อ้าว มิใช่ท่านพี่ของข้าบอกว่าจะมาช่วยทำแปลงผักหรอกหรือ ทำงานได้แค่ครู่เดียวก็ปัดก้นหนีเสียแล้ว”

โจวเจียหลินส่ายหัว ก่อนจะเดินถือถังน้ำไปที่แปลงผักที่พี่สาวไป๋ทำเครื่องหมายเอาไว้

“ข้าไม่คิดเลยว่าพี่ชายของข้าจะไม่สู้งานแบบนี้ ข้าต้องขอโทษแทนพี่เว่ยด้วยนะเจ้าคะ”

เจี่ยหลินคว่ำปากลงเหมือนกับน้อยใจ

“ไม่ใช่แบบที่เจ้าคิดหรอก พี่ชายของเจ้ากำลังไปปรึกษากับท่านลุงโจว ว่าจะทำอย่างไรดีกับเกวียนลา เพื่อที่จะต่อเติมเพิ่มความแข็งแรงให้กับมัน”

“ต่อเติมเกวียนลาหรือเจ้าคะ”

โจวเจียหลินทำหน้าสงสัย

“เจ้าเด็กนี่ ไม่ต้องถามแล้วเราก็มีหน้าที่ของเรา ไปเถอะ ไปตักน้ำมาอีกสักหลายๆ ถัง ข้าเชื่อว่าดินนี้จะต้องกลับมาชุ่มฉ่ำในไม่ช้า”

ม่านหรงดีดหน้าผากเจียหลินเบาๆ ได้แกล้งนางแบบนี้ก็ดีแฮะ ม่านหรงยกยิ้มพอใจ

“ท่านพ่อขอรับ”

โจวเว่ยวิ่งหน้าตั้งกลับไปถึงก็เรียกหาบิดา

“มีอะไรหรือ เจ้าเรียกเสียงดังทำเอาพ่อตกใจไปหมด”

เหวินหลงเดินออกมาจากห้องพักแล้วขมวดหัวคิ้วเข้าหากัน

“ม่านหรง …ม่านหรงนางบอกว่าอยากต่อเติมเกวียนลาของพวกเราขอรับ”

“ต่อเติมเกวียนลารึ? เกวียนลาเดิมของเราก็ดีอยู่แล้ว เหตุใดต้องต่อเติมให้วุ่นวายด้วยเล่า”

เหวินหลงระบายลมหายใจออกมา หากบ่ายนี้ข้าได้นอนพักเอาแรงสักหน่อยคงจะดีไม่น้อย แต่ม่านหรงนางคิดอะไรอยู่กันแน่

“ท่านพ่อตามข้ามาขอรับ”

โจวเว่ยลากมือบิดาออกมาจากตัวบ้าน เขาหยิบกิ่งไม้ขึ้นมาแล้วขีดเขียนตามที่ม่านหรงบอก ถึงแม้รอยขีดเขียนของเขาจะไม่สู้ม่านหรง ทว่า พอเหวินหลงเห็นแล้วก็พยักหน้าเห็นด้วย

“แบบนี้เลยขอรับ ถ้าเราทำที่กำบัง และขยายเกวียนออก เราก็จะสามารถขนน้ำได้หลายโอ่ง หากข้างๆ ทำที่นั่งด้วย ข้ากับท่านลุงไป๋ก็จะไม่เมื่อยขา ท่านพ่อคิดเห็นว่าอย่างไรหรือขอรับ”

“ไม่เลวๆ พวกเราคิดน้อยเกินไป หากทำอย่างที่ม่านหรงว่า นอกจากตอนเดินทางจะสะดวกมากขึ้น พวกเรายังไม่ต้องทนร้อน ความคิดนี้สามารถทำได้จริง เดี๋ยวพ่อไปหาลุงไป๋ของเจ้าก่อน”

เมื่อเห็นว่านี่เป็นทางออกที่ดี แถมหากทำตามที่ม่านหรงว่าการค้าก็จะดีมากยิ่งขึ้น เหวินหลงที่คิดอยากจะนอนขี้เกียจในตอนแรก ก็เหมือนมีแรงผลักดันขึ้นมา เขาเดินก้าวขาเร็วๆ ไปทางบ้านต้าผาง พอเห็นลูกสาวกำลังเริ่มพรวนดินทำแปลงผักก็ส่งยิ้มให้

“ต่อไปพวกลุงคงต้องพึ่งแปลงผักของเจ้าแล้ว เจียหลินช่วยพี่สาวไป๋ของเจ้าทำงานดีๆ เข้าล่ะ”

เหวินหลงลูบหัวบุตรสาว

“ท่านพ่ออย่ากังวล ข้าเก่งมาก พี่สาวไป๋ก็ชมข้าไม่ขาดคำว่าข้าขยัน”

เจียหลินยิ้มแป้นอย่างพออกพอใจ

“พ่อไปหาลุงไป๋ของเจ้าก่อน ม่านหรงพ่อของเจ้าอยู่ที่บ้านใช่หรือไม่”

โจวเหวินหลงพูดกับบุตรสาวเสร็จก็หันไปส่งยิ้มให้ม่านหรง

“อยู่เจ้าค่ะ หลังจากที่ท่านพ่อกินข้าวเสร็จ ท่านก็นั่งพักอยู่ในตัวบ้าน”

‘บ้านก็อยู่แค่นี้ ท่านพ่อยังจะไปไหนได้อีก’ ม่านหรงยิ้มแข็งๆ ตอบไป

“พี่สาวไป๋ข้าจะช่วยท่านพรวนดินเองเจ้าค่ะ”

เจียหลินที่ถูกบิดากล่าวชมเดินไปแย่งจอบจากมือของม่านหรง แล้วลงมือพรวนดินไปทีละนิด

“ในเมื่อเจ้าว่าอย่างนั้น งั้นข้าไปตักน้ำมาเทรดแปลงผักต่อนะ”

ม่านหรงยิ้มกว้าง แค่ยกถังน้ำ มันหนักไม่เท่าไหร่หรอก แต่ขุดพรวนดินนี่สิ ถึงจะเป็นงานหยาบโดยแท้

ม่านหรงยกถังไม้ขึ้นและเดินไปที่คันโยกน้ำอีกครั้ง

หากจะทำแปลงผัก แค่แปลงเดียว มันจะไปพอกินได้อย่างไร

ม่านหรงยิ้มร่านางโยกคันโยกและถือถังน้ำกลับมาเทซ้ำในช่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่วาดไว้อีกแปลง

“ให้พี่ทำเถอะ งานใช้แรงเช่นนี้มันไม่เหมาะกับเจ้า เจ้าไปช่วยม่านหรงตักน้ำน่าจะเหมาะสมกว่า”

โจวเว่ยที่เดินตามหลังบิดามา รีบเดินเข้าไปหาเจียหลิน

“ข้าอยากทำหนิเจ้าคะ ทีพี่สาวไป๋ยังทำได้เลย”

โจวเจียหลินเบ้ปากใส่พี่ชาย

“เชื่อพี่”

โจวเว่ยจับด้ามจอบไว้แน่นและยังบอกว่า หากนางไปช่วยม่านหรง ก็จะได้ใกล้ชิดกับนางมากยิ่งขึ้น

สิ้นคำของพี่ชาย เจียหลินก็ปล่อยมือจากจอบ แล้วเดินไปหยิบถังไม้ขึ้นมาทันที

“ม่านหรง ชื่อนี้ของเจ้าใช้งานได้ดีจริงๆ”

โจวเว่ยขำขันพลางมองไปทางน้องสาวที่ดีใจอย่างกับว่าได้พบเจอสมบัติ

นั่นสินะ… ม่านหรงนี่เปรียบเสมือนสมบัติของท่านลุงไป๋จริงๆ นั่นแหละ ถึงใบหน้าของนางจะมีรอยปานแดงสีสดน่ากลัว หากตัดรอยปานแดงนั่นออกไป นางก็ไม่ต่างจากหญิงสาวทั่วไปคนหนึ่งเลย

โจวเว่ยระบายลมหายใจออกมา ก่อนจะลงมือขุดพรวนดินที่เริ่มนิ่มขึ้นมาบ้างแล้ว

“ต้าผาง เจ้าอยู่หรือไม่”

เหวินหลงเดินมาหยุดหน้าประตูบ้านหลังเล็กของต้าผาง ก่อนจะใช้มือป้องปากตะโกนเรียก

“ข้าอยู่ๆ”

ไป๋ต้าผางลูบหลังเมียรักก่อนจะผละออกจากนางแล้วเดินออกมาหาเหวินหลง

“ว่าอย่างไร? ข้านึกว่าเจ้าเมาแดดจึงไม่ได้ไปหา แต่เจ้ากลับมาหาข้าเสียเองเลยรึ!”

“เมาดงเมาแดดอะไรกัน ข้าแค่เพลียเล็กน้อยก็เท่านั้นแหละ จริงสิ! ข้าได้ยินจากโจวเว่ย ว่าม่านหรงอยากต่อเติมเกวียนลา ความคิดนี้ไม่เลวเลยนะ”

“ข้าก็ว่าจะไปปรึกษาเจ้าอยู่เช่นกัน หากเจ้าว่าดีพวกเราก็ไปตัดไม้มาสักหน่อย ขยายสองฝั่งให้กว้างขึ้น แล้วค่อยทำหลังคากับที่นั่งข้างๆ เจ้าคิดว่าเป็นอย่างไร”

“มันดีมากเลยล่ะต้าผาง หากเกวียนของข้ากว้างขึ้นอีกสักหน่อย เวลาขนน้ำไปเร่ขายก็จะสามารถเพิ่มโอ่งขึ้นมาได้อีกสักสองโอ่ง หากเป็นแบบนั้นมันต้องเป็นผลดีต่อพวกเรามากแน่ๆ”

เหวินหลงยิ้มกว้าง

“ใช่แล้วเหวินหลง ข้ายังมีเรื่องต้องบอกกับเจ้า ข้ากับม่านหรงคุยกันแล้วว่าจะให้เจ้าสามสิบอีแปะต่อน้ำหนึ่งโอ่ง เจ้าคงไม่โกรธข้าใช่หรือไม่ที่ข้าจะเก็บเงินไว้หนึ่งร้อยอีแปะต่อหนึ่งโอ่งน้ำ”

“ข้าไม่คิดเรื่องเล็กๆ และอยากเอาเปรียบเจ้าหรอกนะสามสิบอีแปะ นี่ไม่ใช่เงินน้อยๆ เลย ข้ายินดีๆ”

เหวินหลงยิ้มกว้างออกมา

หากข้าได้เงินส่วนแบ่งโอ่งละสามสิบอีแปะ นั่นก็เท่ากับว่า ข้าขายน้ำหนึ่งวันจะได้รับเงินมากถึงเก้าสิบอีแปะเลยไม่ใช่หรือ

หากจะเปรียบเทียบกับการทำงานแลกเงินในชุมชน ต่อให้เขาทำงานงกๆ ทั้งสัปดาห์ หรือเป็นเดือนๆ เขาก็ไม่มีทางที่จะได้รับเงินมากถึงเพียงนี้ โจวเหวินหลงยิ้มออกมาพลางนึกคิดถึงวันคืนที่หอมหวานในภายหน้า

“อ่อใช่ ม่านหรงบอกว่า จากนี้จะให้ไก่พวกเจ้าหนึ่งตัวต่อวัน”

ต้าผางหัวเราะเสียงดังก่อนจะพูดต่อท้ายไปว่า หากภรรยาของเขาได้ไก่ป่ามาทุกวันคงจะดีไม่ใช่น้อย

“จริงหรือที่เจ้าบอกว่าจะให้ไก่บ้านข้าวันละตัว แต่ว่านะต้าผาง คนเรามันจะโชคดีแบบนั้นทุกวันได้อย่างไร เอาแบบนี้ดีหรือไม่ ข้าขอไก่จากบ้านเจ้าสักสองตัว เมียของข้านางอยากเลี้ยงไก่ไว้ออกไข่ เจ้าพอจะแบ่งปันให้ข้าสักตัวก่อนได้หรือเปล่า”

“เหวินหลง ไก่สองตัวข้ามอบให้เจ้าได้อยู่แล้ว”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้ากะแล้ว ว่าเจ้าจะไม่ใจร้ายกับข้า งั้นพวกเราไปตัดไม้มาทำเกวียนกันเถอะ ช่วงบ่ายแก่ๆ จะได้ไปซื้อโอ่งและขนน้ำกลับมาจากตัวหมู่บ้านพร้อมกันเลย”

“ดีๆ ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าคิดละเอียดรอบคอบมากกว่าข้า”

ต้าผางหัวเราะ แล้วเดินไปหยิบเอามีดพร้าสองด้ามมาจากห้องครัว สองเพื่อนรักเดินพูดคุยกันไปตามทางด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“ชิ! พอเพื่อนท่านขอไก่ ท่านก็ตอบรับทันที พอข้าขอส่วนแบ่งให้พี่สาวโจว ท่านกลับมาต่อว่าข้า”

ไป๋หลิวเหยาที่ได้ยินสองชายชาตรีพูดคุยกันอย่างชัดเจนก็ทำท่าทางไม่พอใจ แต่พอได้ยินว่านั่นเป็นสิ่งที่ม่านหรงเต็มใจจะมอบให้ หลิวเหยาก็ถอนหายใจออกมา

“พี่ชายท่านขุดตรงนั้นเสร็จแล้ว ก็มาขุดตรงนี้ต่อเถอะเจ้าค่ะ”

เจียหลินหันไปเรียกพี่ชายที่ยืนเหนื่อยหอบ

“เจียหลิน ขุดดินนั้นไม่ง่าย เจ้าก็ให้พี่เว่ยพักก่อนเถอะ”

ม่านหรงหันไปยิ้มให้เจียหลิน

“จริงด้วยเจ้าค่ะ ตอนข้าจับจอบขุดดิน ดินนี่ขุดยากมากจริงๆ นั่นแหละเจ้าค่ะ”

เจียหลินหันไปเอาใจม่านหรงจนออกนอกหน้า โจวเว่ยเห็นแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมาเสียงดัง

สรุป ข้าหรือนางที่เป็นพี่ของเจ้ากันแน่?

โจวเว่ยแทบอยากจะเขกหัวน้อยๆ ของน้องสาว เขาเหนื่อยขนาดนี้แทนที่จะหาน้ำมาให้เขาดื่ม แต่นางกลับมัวแต่เอาใจม่านหรงอยู่ได้

“เจียหลินตักน้ำให้พี่เว่ยบ้างสิ พี่เว่ยออกแรงมากกว่าใครๆ ป่านนี้เขาคงกระหายน้ำแล้วไม่น้อย”

พอม่านหรงพูดจบเจียหลินก็ลุกพรวดพราดไปตักน้ำให้พี่ชาย

โจวเว่ยแทบกระอักเลือดออกมา นี่นางกลายเป็นทาสรับใช้ของม่านหรงไปแล้วหรือ

ม่านหรงชี้ซ้ายนางก็ไปซ้าย ม่านหรงชี้ขวานางก็ไปขวา

หมดกัน! ต่อจากนี้นางคงจะไม่สอนอะไรแปลกๆ ให้เจียหลินหรอกใช่ไหม!

ฮ่าฮ่าฮ่า!!

เสียงหัวเราะดังขึ้นทางตีนเขา ไม่นานไป๋ต้าผางกับโจวเหวินหลงก็ลากไม้ท่อนใหญ่ลงมาจากเชิงเขาสำเร็จ

โจวเว่ยเห็นดังนั้นเขาก็วางจอบลง แล้วขอไปดูท่านพ่อของตน เผื่อว่าจะช่วยงานพวกท่านได้บ้าง

“อ้าว! พี่ชาย! ไปเสียแล้ว”

โจวเจียหลินร้องตามหลังโจวเว่ย ใบหน้าของนางดูสลดลงไม่น้อย

ก็แน่ล่ะ งานขุดพรวนดินนี้ไม่เหมาะกับนางจริงๆ เพราะมันต้องใช้แรงมากมาย อีกทั้งมือน้อยๆ ของนางก็เจ็บเอามากๆ

ถึงตอนแรกที่นางขุดดินจะไม่เจ็บมือมากนัก แต่พอจับจอบไปนานเข้าหน่อย มือของนางก็เหมือนกับว่าทนไม่ไหวเอาเสียแล้ว

“ปล่อยพี่ชายของเจ้าไปเถอะ วันหลังเราค่อยมาขุดพรวนดินกันใหม่ วันนี้แค่ยกถังน้ำมาเทราดหน้าดินไว้ให้มากๆ ก็พอแล้ว”

ไป๋ม่านหรงเห็นว่าสายตาของเจียหลินดูไร้เรี่ยวแรงจึงได้บอกไปว่า งานหนักๆ พวกนี้เอาไว้วันหลังค่อยมาทำต่อ

“จริงหรือเจ้าคะ เช่นนั้นพวกเราไปตักน้ำมาอีกหน่อยดีหรือไม่”

“เจียหลิน พี่เองก็เหนื่อยมากแล้วเช่นกัน เจ้าก็สมควรกลับไปช่วยงานบ้าน แล้วก็… หายาหรืออะไรทาฝ่ามือด้วยล่ะ มือจะได้ไม่ระบม เข้าใจหรือไม่”

“ยังคงเป็นพี่สาวไป๋ที่ห่วงใยข้าที่สุด ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะ กลับไปข้าจะทายาให้ดีๆ ข้าไปนะเจ้าคะ”

เจียหลินโบกมือให้ม่านหรงก่อนจะเดินกลับบ้านไปด้วยความเหนื่อยล้า

“เด็กคนนี้ จะว่าหลอกใช้ง่ายก็ไม่เชิง ดูๆ แล้วคล้ายว่านางจะไม่มีเพื่อนเล่นเสียมากกว่า”

ม่านหรงส่ายหัวไปมา ก่อนจะเดินไปทางบิดาที่กำลังทำแผ่นไม้

ที่แท้ สมัยโบราณเขาก็ทำงานโดยไร้ซึ่งที่ตัดผ่าแบบนี้นี่เอง

ม่านหรงเดินไปเห็นท่านลุงโจวกับบิดาช่วยกันเลื่อยไม้ นางจึงเผยรอยยิ้มออกมา

ท่านพ่อกับลุงโจวค่อยๆ เลื่อยไม้ออกมาทีล่ะแผ่น ส่วนโจวเว่ยก็นำกระดาษทรายมาขัดไม้อีกรอบ เพื่อให้มันดูแวววาวและเป็นระเบียบเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น

“ม่านหรงเจ้ามาพอดีเลย พ่อกำลังเตรียมแผ่นไม้ อีกไม่นานก็ใกล้จะเสร็จแล้วล่ะ หลังจากขัดเสี้ยนไม้ออกหมดพ่อก็จะเริ่มต่อเติมตามที่ลูกบอก”

ต้าผางยิ้มกว้างออกมาเชิงจะบอกว่าเป็นอย่างไร พ่อของเจ้าเก่งมากเลยใช่ไหม

“ท่านพ่อสุดยอดไปเลยเจ้าค่ะ”

ม่านหรงที่ไม่ได้เดินมาเพียงตัวเปล่า ยื่นกระบวยน้ำให้บิดา หลังจากต้าผางรับเอาน้ำมาก็ดื่มกินไปหลายอึก เขาไม่ลืมที่จะส่งกระบวยน้ำนั้นให้เหวินหลงดื่มกินด้วยกัน

“น้ำบาดาลนี้ ไม่ว่าจะดื่มซักกี่ครั้งก็ยังรู้สึกดี เจ้าว่าพวกคนแซ่อี้ที่ซื้อน้ำของพวกเราไป จะคิดเช่นเดียวกันกับข้าหรือไม่”

เหวินหลงส่งกระบวยน้ำเต้าคืนให้ม่านหรงและซับเหงื่อออกจากใบหน้าของตนเล็กน้อย

“อย่าว่าแต่คนบ้านอี้เลย ขอเพียงแค่คนอื่นๆ ได้ดื่มน้ำของม่านหรงเข้าไป หลังจากนี้พวกเขาก็ต้องหาทางซื้อน้ำนี้อีกครั้ง ไม่มีใครจะปฏิเสธน้ำใสสะอาดและเย็นชื่นใจแบบนี้ได้หรอก”

ต้าผางหัวเราะชอบใจ

น้ำนี้ได้มาจากความทุกข์ยากของลูกสาวของเขา ไม่ว่าจะพูดอีกกี่ครั้ง เขาก็จะเยินยอสรรเสริญลูกสาวทุกครา เพื่อให้ทุกคนรับรู้ว่า …น้ำนี้เป็นของใคร

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel