บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 14 ทำการค้า

“แล้วถ้า… พวกเรานำน้ำสะอาดไปเร่ขายล่ะเจ้าคะ”

ไป๋ม่านหรงหันไปทางคันโยกบาดาลแล้วฉีกยิ้มออกมา

ยุคสมัยใหม่ การซื้อน้ำกินน้ำใช้มีมากกว่าการขายอาหารเสียอีก แถมน้ำบาดาลนี่ก็ไม่มีวันหมด หากข้าจะทำกำไรเล็กน้อยจากมัน ก็คงไม่น่าจะมีปัญหาอันใด

ม่านหรงที่นับวันเริ่มจะติดสำนวนคำของยุคนี้กล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มจริงจัง

“ขายน้ำหรือ?”

ต้าผางกับเหวินหลงหันไปมองหน้ากันแล้วหัวเราะขำขัน แหล่งน้ำนั้นก็พบเห็นได้ทั่วไป ใครมันจะมาซื้อน้ำกินโดยใช่เหตุ

“ขายน้ำก็ดีนะเจ้าคะ น้ำที่นี่ใสสะอาด แถมยังสดชื่นคลายร้อน”

โจวชิงเหอกล่าวเสริม เพราะตัวนางเองก็ไม่อยากกลับไปกินน้ำที่ขาวขุ่นนั่นอีกแล้ว

“ลูกพ่อ พ่อไม่อยากดับฝันของลูกนะ แต่น้ำที่หมู่บ้านก็มีให้ชาวบ้านใช้สอยโดยที่ไม่ต้องสิ้นเปลืองเงินทอง ทั้งในยามทุกข์ยากเช่นนี้ ยังจะมีใครบ้างที่อยากจะควักเงินตราเพื่อมาซื้อน้ำกินน้ำใช้”

ต้าผางส่ายหัว ถึงแม้ว่าน้ำของเราจะสะอาดมากแค่ไหน แต่ขึ้นชื่อว่าต้องเสียเงินซื้อ แน่นอนว่า คนส่วนมากจะไม่ยินยอมควักเหรียญออกมาสักอีแปะเดียว

“ข้าไม่ได้บอกเสียหน่อย ว่าจะขายให้ชาวบ้านทั่วไป”

ม่านหรงยังคงรอยยิ้มเอาไว้

“หากไม่ขายให้ชาวบ้าน แล้วเจ้าจะไปขายให้ผู้ใด”

โจวเหวินหลงรีบเอ่ยปากถามอย่างอยากรู้อยากเห็น

“นั่นสิลูก แม่ว่าการขายน้ำนี้เป็นไปไม่ได้หรอกนะ”

ไป๋หลิวเหยาทำท่าทางเศร้าใจ หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป อีกไม่นานอย่าว่าแต่ข้าวสารกรอกหม้อเลย แม้แต่มันสักหัวก็จะไม่มีให้กินแล้ว

“ม่านหรงเจ้ามีทางออกที่ดีกว่านี้อีกหรือ เจ้าบอกป้ามา ป้าจะได้ช่วยเจ้าคิด”

โจวชิงเหอผู้ที่ติดใจในน้ำใสสะอาดยืนขึ้น แล้วเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าม่านหรง

“ขอบคุณป้าโจวที่สนับสนุนข้าเจ้าค่ะ”

ม่านหรงยิ้มกว้าง

หลิวเหยาก็ได้แต่ถอนหายใจ และส่ายหัวไปมา

ต้าผางทำท่าทีอึกอัก ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อใจม่านหรงที่มีชีวิตเป็นครั้งที่สอง แต่การขายน้ำ มันจะเป็นไปได้อย่างไร

“แบบนี้นะเจ้าคะ”

ม่านหรงอธิบายให้ทุกคนฟังอย่างช้าๆ

“หากเราขายน้ำให้กับคนทั่วไป พวกเขาก็จะคิดว่าเราไปกดขี่พวกเขาในยามทุกยาก กลับกัน หากน้ำที่ใสสะอาดนี้ไปโผล่ที่หน้าบ้านผู้มีอันจะกิน หรือครอบครัวมีฐานะเล่า พวกเขาจะต้องยอมควักเงินออกมาใช้สอยอย่างแน่นอน”

ม่านหรงยืนกอดอกอย่างมั่นใจ

“เจ้าจะบอกว่า เราควรนำน้ำบาดาลนี้ไปขายให้พวกคนรวยใช่หรือไม่”

โจวชิงเหอยกยิ้ม นั่นสินะหากบ้านที่มีฐานะหน่อยการจะจับจ่าย หรือซื้อของเข้าบ้าน นั่นก็ถือว่าสมเหตุสมผล

“แล้วพวกเขาจะยอมควักอีแปะซื้อหรือ”

ไป๋หลิวเหยาเลิกคิ้วสูง

“ท่านแม่ พวกเรายังไม่ลองทำดูเลยนะเจ้าคะ แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าจะขายได้หรือไม่ อีกอย่าง แม้เราจะขายไม่ได้เราก็ไม่เสียหายอันใด”

ม่านหรงอมยิ้มแล้วหันไปทางผู้เป็นพ่อ

ต้าผางถอนหายใจออกมาเสียงดังก่อนจะบอกว่า

“ลองดูก็ไม่เสียหาย”

เมื่อทุกคนได้ยินอย่างนั้นก็พยักหน้าเข้าใจ ถึงอย่างไรพวกเขาก็ต้องทำอะไรสักอย่างอยู่ดี ลองทำดูก็คงไม่เป็นไรกระมัง

“แล้วเจ้าจะขายน้ำนี้อย่างไรหรือ”

โจวเหวินหลงหันไปทางม่านหรง

“พวกเรามีไม้ไผ่มากมาย เช่นนั้นพวกเราก็ตัดไม้ไผ่ลงมาเพื่อบรรจุน้ำสิเจ้าคะ เพียงเท่านี้เราก็ไปเร่ขายน้ำกระบอกล่ะหนึ่งอีแปะได้แล้ว”

ม่านหรงคิดเอาไว้ว่าน้ำก็ได้มาฟรี หากทำเช่นนี้บางทีอาจจะช่วยคนที่ลำบากได้บ้าง

“พ่อว่ามันค่อนข้างแพงไปนะ”

ต้าผางไม่เห็นด้วย กระบอกไม้ไผ่หนึ่งกระบอกมันจะใส่น้ำได้มากแค่ไหนกันเชียว

“ไม่แพงหรอกเจ้าค่ะ ที่ข้าบอกว่าขายกระบอกล่ะหนึ่งอีแปะ นั่นก็เพราะว่าเราลงแรงตัดไม้ไผ่มา เราจะไม่คิดค่าเหนื่อยล้าบ้างเลยหรือ แต่ถ้าบ้านใดมีตุ่มน้ำหรือถังน้ำมาใส่ เราก็คิดง่ายๆ แค่สามกระบวยหนึ่งอีแปะ”

“แบบนี้คนที่ซื้อเป็นกระบอกจะไม่โวยวายเอาหรือ”

ชิงเหอรีบกล่าวแย้ง

“ท่านป้า ถ้าพวกเขาอยากได้น้ำที่ถูกลง พวกเขาก็ต้องหาทางออกเอง อย่างเช่นนำตุ่มหรือถังไม้มาด้วยตนเอง หรือไม่ก็หาสิ่งของมารองรับน้ำ พวกเราเป็นคนขาย หากไม่หาเงินเข้ากระเป๋าบ้าง ก็จะเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์หน่ะสิเจ้าคะ”

ม่านหรงฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา

“นั่นสินะ สามกระบวยหนึ่งอีแปะ นั่นน่าจะมากกว่าน้ำหนึ่งกระบอกเสียอีก”

เหวินหลงกล่าวชมเชยหลานสาว เขาเองก็พึ่งจะรู้ว่าม่านหรงมีหัวด้านการค้าอยู่ไม่น้อย

“เห้อ น้ำในหมู่บ้านก็มากมี ใครกันจะอยากซื้อน้ำดื่มที่ต้องเสียเงินบ้าง”

ต้าผางยังคงถอนหายใจออกมา ไม่ใช่ว่าเขาไม่เห็นด้วย แต่น้ำก็ยังคงมีอยู่และพบเห็นได้ทั่วไป คงมีเพียงแค่คนส่วนน้อยที่จะต้องการมันหรืออาจจะไม่มีใครต้องการมันเลยก็เป็นได้

“ลองทำดูก็ไม่เสียหายนะ อีกอย่างเรามีเกวียนลา ไม่จำเป็นต้องเดินให้เมื่อย เรื่องตัดกระบอกไม้ไผ่ก็ยิ่งง่ายดาย อย่างน้อยเราก็ลองทำดูก่อนดีกว่าไม่ทำอะไรเลย”

เหวินหลงกอดไหล่สหายรัก ในเมื่อมีอะไรให้ทำ อย่างน้อยๆ ก็ดีกว่าหายใจทิ้งไปวันๆ

“เช่นนั้นก็เอาตามที่ม่านหรงว่า รอให้เราหายเหนื่อยสักวัน จากนั้นก็ไปตัดไม้ไผ่มาทำเป็นกระบอกไว้ใส่น้ำ”

เหวินหลงยกยิ้มเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องสนุก

“แล้วเจ้าคิดไว้หรือยัง ว่าจะไปขายน้ำสะอาดนี่ที่ใด”

ไป๋ต้าผางหันไปทางโจวเหวินหลง

“ไม่เห็นจะยาก หมู่บ้านเรามีบ้านหวังที่ทำการค้าอยู่ไม่ใช่หรือ ก่อนอื่นเราก็แวะไปที่นั่นเสียก่อน แล้วให้เขาลองดื่มน้ำสักกระบอก หากเขาไม่ซื้อก็ไม่เป็นไร พวกเราก็แค่ไปอีกหมู่บ้านที่มีฐานะหน่อย บางทีการค้านี้อาจจะมีแต่กำไรไม่มีขาดทุน”

โจวเหวินหลงยิ้มอย่างพอใจออกมา แน่นอนว่าหมู่บ้านข้างเคียงก็มีมาก แถมหมู่บ้านอยู่ห่างออกไปอีกหน่อยก็มีฐานะพอใช้ น้ำที่ทั้งสะอาดและสดชื่นนี้ จะขายไม่ออกก็ให้มันรู้ไปสิ

เหวินหลงที่หัวเราะเยาะม่านหรงในตอนแรกหันมาเข้าข้างนาง เขาเองก็อยากรู้เช่นกันว่าน้ำนี้จะขายออกไปได้ไหม หรือมันอาจจะเป็นเพียงแค่ความคิดเพ้อฝันของม่านหรงที่อยากทำการค้า

“เอาเถอะ ข้าเองก็ไม่อยากพูดให้พวกเจ้าเสียความมั่นใจ ทำก็ทำ”

ไป๋ต้าผางผ่อนลมหายใจออกมาแล้วหันไปสบตากับม่านหรงที่ยิ้มแฉ่ง

“ท่านพ่อขอรับ ข้าย้ายของลงจากเกวียนเสร็จแล้วขอรับ”

โจวเว่ยเดินหอบข้าวของรอบสุดท้ายมาวางที่เตียงข้างๆ จนเต็ม ก่อนจะร้องทักผู้เป็นบิดาให้เตรียมออกเดินทาง

“งั้นข้าไปขนย้ายที่หลับที่นอนก่อนแล้วกัน”

เหวินหลงหันไปยิ้มให้เพื่อนรัก พลางบอกให้ภรรยาเข้าไปสำรวจด้านในที่พักอีกรอบ

“ท่านไปเถอะ ข้ากับเจียหลินจะจัดการที่เหลือเอง”

ชิงเหอส่งยิ้มให้สามี

“ได้ๆ ข้าจะรีบไปรีบกลับ”

เหวินหลงพูดจบเขาก็เดินเร็วๆ ไปที่เกวียนลาพร้อมกับบุตรชายอย่างเร่งรีบ

“เช่นนั้นข้าขอไปล้างเนื้อตัวก่อนนะเจ้าคะ ข้าไม่อยากอาบน้ำตอนมืดค่ำ”

ม่านหรงหันไปทางพ่อกับแม่ ก่อนจะบอกลาป้าโจวแล้วเดินจากไป

โจวเจียหลินอยากจะพูดอะไรบางอย่าง นางได้แต่อ้าปากค้างไว้แบบนั้น พอเห็นพี่สาวไป๋เดินไปไกลแล้วก็ได้แต่กลืนคำพูดนั้นลงคอ

“พวกเจ้าไปพักเถอะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ที่เหลือก็ปล่อยให้ข้ากับเจียหลินจัดการเอง”

โจวชิงเหอยิ้มอ่อนพลางมองไปทางหลิวเหยา

“เช่นนั้นข้าขอตัวนะเจ้าคะ”

ไป๋หลิวเหยายิ้มน้อยๆ ก่อนจะขอตัวกลับบ้านเช่นกัน

เมื่อเห็นภรรยาลุกขึ้น ต้าผางก็ยืนขึ้นแล้วเดินตามหลังนางเพื่อกลับไปยังที่พัก

“ท่านแม่”

เจียหลินที่นั่งอยู่ข้างมารดาทำหน้าตาละห้อย

“มีอะไรหรือเปล่าลูก คงไม่ใช่ว่าเจ้าอยากจะตามติดม่านหรงไปด้วยหรอกนะ”

ชิงเหอเอ่ยแซวลูกสาวเห็นแต่นางเบ้ปาก

“เห้อ แม่ก็ไม่รู้จะบอกเจ้าอย่างไรดี พี่สาวไป๋ของเจ้าหน่ะ นางขยันมาก ทั้งยังเอาการเอางาน หากเจ้าอยากเข้าหานางเจ้าก็ต้องขยันให้เท่านาง แบบนั้นถึงจะคุยกันรู้เรื่อง”

“พี่สาวไป๋บอกข้าแล้วว่าข้าต้องหมั่นเรียนรู้ให้มาก ตอนออกเรือนจะได้ยืนหยัดด้วยตนเองได้”

“อะไรนะ! ไป๋ม่านหรงนางคิดเผื่อไปไกลถึงเพียงนี้เลยหรือ”

โจวชิงเหอถึงกลับไม่อยากจะเชื่อ เด็กวัยนี้เขาต้องคิดวางแผนไปถึงอนาคตกันแล้วหรือนี่

“ก่อนหน้านี้พี่สาวไป๋ถามข้าว่าโตขึ้นจะทำอะไร ข้าเลยบอกนางไปว่าข้าจะแต่งงานออกเรือนเหมือนกับท่านแม่ นางเลยถามข้าว่าข้าเก่งด้านใด ทำอาหารได้ไหม เย็บปักถักร้อยไหวหรือเปล่า …ข้าไม่ได้เรื่องสักกะอย่างเลย แล้วข้าจะออกเรือนได้อย่างไร แล้วข้าจะออกเรือนกับผู้ใดหรือเจ้าคะ”

โจวชิงเหอทึ่งในคำพูดของบุตรสาว ที่แท้นางก็บอกไป๋ม่านหรงไปว่าจะแต่งงานออกเรือนนี่เอง ม่านหรงถึงได้ถามซักไซ้นางเช่นนั้น

“ลูกแม่ เจ้ายังไม่ถึงเวลาออกเรือนเร็วๆ นี้หรอกนะ แต่ที่พี่สาวไป๋พูดมาก็ถูก เจ้ายังทำอะไรด้วยตนเองไม่เก่งนัก ดังนั้นเจ้าควรหมั่นเรียนรู้ ฝึกฝน ให้มากกว่านี้”

‘หากถึงวันนั้นจริงๆ เจ้าจะได้เลี้ยงครอบครัวของตนเองได้’

ชิงเหอยิ้มแล้วมองบุตรสาว

เมื่อก่อนเจียหลินไม่ค่อยสนใจงานบ้านนัก นางทำงานบ้านเพียงแค่ให้ผ่านพ้นไปวันๆ ก็เท่านั้น นับว่าโชคดีที่ได้มาอยู่บ้านใกล้เรือนเคียงกับม่านหรง

จากนี้ลูกสาวของข้าจะได้รู้ว่าตนเองควร หรือไม่ควรทำอะไรเสียที

“ท่านพี่ดูนั่นสิเจ้าคะ”

พอกลับมาถึงบ้าน ไป๋หลิวเหยาก็ชี้ไปที่กรงขังหน้าตาประหลาดที่ม่านหรงทำเอาไว้เพื่อขังไก่

“อืม ไม่เลวเลย หากจับพวกมันไว้ในกรงนี้ ต่อไปถ้าหิวก็แค่จับพวกมันออกมา ยิ่งพื้นที่แคบๆ แบบนี้ก็ยิ่งง่ายในการจับกุม”

ไป๋ต้าผางเดินอ้อมไปดูหลังบ้าน เขาเห็นรั้วไม้ไผ่ที่ทำเป็นที่กำบังแล้วยกยิ้ม รั้วไม้ไผ่นี้ถึงจะมัดได้ไม่ดีเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยก็ปกปิดสายตาผู้อื่นได้พอสมควร

“พรุ่งนี้ข้าจะไปซื้อโอ่งใส่น้ำ”

ต้าผางเดินกลับมาหน้าบ้านแล้วบอกเมียรัก

“ท่านพี่ ข้าว่าเราควรซื้อข้าวหรือแป้งข้าวโพดมาเก็บไว้ โอ่งใส่น้ำยังไม่ต้องมีก็ได้นะเจ้าคะ”

หลิวเหยาบอกสามีไปตามความคิดของตน

“ไม่ได้หรอก ม่านหรงจะขายน้ำ เราจำเป็นต้องมีโอ่งใส่น้ำ ไม่เช่นนั้นจะขนน้ำไปขายได้อย่างไร”

ต้าผางเข้าใจว่าเมียรักหมายถึงสิ่งใด แต่สิ่งที่ควรทำเขาก็จำเป็นต้องทำอยู่ดี

หลิวเหยาถอนหายใจออกมาเพื่อระบายความทุกข์ใจ ข้าวหมดแล้วต่อไปนางคงทำได้แค่กินหน่อไม้เพื่อประทังชีวิต

ม่านหรงอาบน้ำล้างเหงื่อไคลอย่างสบายใจ ในที่สุดงานหนักๆ ก็ผ่านพ้นไปเสียที

“มาเถอะลูกแม่ สิ่งแรกที่เจ้าควรทำคือการตระเตรียมที่พัก”

โจวชิงเหอกับบุตรสาวค่อยๆ ยกเตียงเข้าไปเก็บในบ้านทีละอัน ทั้งยังชื่นชมห้องนอนที่กว้างขวาง เสียก็แต่ที่พื้นด้านล่างเป็นดินที่แตกระแหง หากเปลี่ยนบ้านไม้เป็นบ้านปูนได้มันคงจะดีไม่น้อย

สองแม่ลูกช่วยกันทยอยขนข้าวของเข้าบ้านทีละนิด หลังจากวางเตียงในห้องต่างๆ เสร็จ ก็มาจัดการกับห้องครัว ตามด้วยจัดวางห้องโถง

ทางด้านเหวินหลง เมื่อเขากลับมาถึงบ้านพี่ชายของเขาก็มาช่วยขนย้ายสิ่งของ แถมยังแอบยัดเงินอีแปะใส่มือให้เขาเพื่อใช้ในการเริ่มต้นชีวิตใหม่

“นี่…”

เหวินหลงอยากจะส่งเงินนั้นคืนให้พี่ชายเพียงคนเดียวของเขา แต่โจวเจี้ยนจื่อกลับบอกว่า นี่เป็นสิ่งเดียวที่เขาพอจะช่วยเหลือตนได้ ดังนั้นโจวเหวินหลงจึงได้แต่ทำใจยอมรับเงินนั้นมา

ขอบตาของเหวินหลงรื้นชื้นขึ้นมาเล็กน้อย เขาก้มหัวลงและกล่าวขอบคุณพี่ชายในใจ

ถึงพี่สะใภ้จะคอยจ้องจับผิดเขากับเมียเรื่องซุกซ่อนอาหารอยู่บ่อยครั้ง แต่พี่ชายของเขาก็เข้าใจว่าเรื่องปากท้องนั้นสำคัญ ในยามนี้มีใครบ้างที่ไม่ตุนเสบียงอาหารเอาไว้เพื่อวันข้างหน้า ถึงจะห่วงใยพ่อแม่มากเพียงใด แต่หากทำให้ลูกเมียอดอยากนั่นก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel