บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 13 ข้าช่วยเจ้าคิด

ไม่ทันไรเจียหลินก็วิ่งตามหลังม่านหรงไปทางห้องครัว ม่านหรงถึงกับทำหน้าเหวอ ไม่ใช่ว่าเด็กคนนี้กำลังวางแผนชีวิตอยู่หรอกหรือ เหตุใดนางถึงได้วิ่งตามหลังข้ามาอีกแล้วเล่า

“พี่สาวไป๋ ข้ามานึกคิดดูแล้ว คนที่ดีกับข้าเห็นจะเป็นท่านพ่อกับท่านแม่ แล้วแบบนี้ข้าควรทำเช่นไรต่อหรือเจ้าคะ”

เจียหลินเอียงคอถามม่านหรง

ม่านหรงแทบพูดไม่ออก นี่สรุป เจ้าจะให้ข้าคิดแทนเจ้าเลยหรืออย่างไร ม่านหรงผ่อนลมหายใจออกมา และค่อยๆ หยิบถ้วยจานออกจากตะกร้ามาวางคว่ำลงที่ตะกร้าแห้งอีกใบ

“เจ้าไม่มีคนรักหรือ?”

ม่านหรงถามแบบขอไปที ดูเหมือนว่านางจะสลัดเด็กน้อยนี่ไม่หลุด แถมยังหาเรื่องใส่ตัวให้นางมาวอแวอีก

“คนรักคืออะไรหรือเจ้าคะ”

โจวเจียหลินเอียงคอไปอีกด้านอย่างสงสัย

“เห้อ… คนรักก็คือเพื่อนเพศตรงข้ามที่ห่วงใยเจ้า คนที่กลัวว่าเจ้าจะถูกผู้อื่นรังแก”

“ข้ามีแต่เพื่อนผู้หญิง ข้าไม่ค่อยชอบเล่นกับพวกผู้ชายเพราะพวกเขาชอบเล่นกันรุนแรง”

“เช่นนั้น เจ้ายังไม่พบคนที่ถูกใจ ถูกต้องใช่หรือไม่”

ม่านหรงทำใจให้เย็น แล้วสงบความคิดชั่ววูบที่อยากก่นด่าเด็กสาวตรงหน้าลงไป

อย่างไรเสียนางก็อายุน้อย ไม่เคยผ่านโลกมาเช่นข้า นางจะไม่รู้อะไรเลยก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

“อืม คงจะเป็นเช่นนั้น”

เจียหลินคิดตามแล้วพยักหน้าหงึกๆ

“งั้นรึ? ข้าจะช่วยเจ้าคิดก็แล้วกัน ในเมื่อเจ้าวางแผนชีวิตไว้ว่า พอถึงเวลาจะออกเรือน เช่นนั้นเจ้าทำงานบ้านเก่งแค่ไหน เย็บปักถักร้อย ทำอาหาร ดูแลบ้านช่องได้ดีพอหรือยัง”

ม่านหรงได้แต่ถามไปพอขั้นเวลา นางไม่ชอบให้ใครมาถามซอกแซก ดังนั้นนางจึงใช้วิธีใกล้เคียงกันพูดให้อีกฝ่ายคิดเรื่องของตัวเองแทนที่จะมาสอดรู้เรื่องของนาง

“ดูเหมือนว่าข้าจะพอทำได้บ้างนะเจ้าคะ”

เจียหลินก้มหน้าลงเล็กน้อย นางพอทำได้จริงๆ แต่ก็ไม่ถึงขั้นเก่งกาจหรือคล่องมืออะไร

“เช่นนั้น ตอนนี้เจ้ากำลังทำอะไรอยู่”

“ข้ากำลังพูดคุยกับพี่สาวไป๋อยู่ไม่ใช่หรือเจ้าคะ”

เจียหลินเงยหน้าขึ้นสบตากับพี่สาวไป๋แล้วกะพริบตาปริบๆ

“ข้าหมายถึงว่า สิ่งที่เจ้าควรทำตอนนี้คืออะไร เจ้าเห็นหรือไม่ว่าพ่อ แม่ และพี่ชายของเจ้ากำลังทำทุกอย่างที่พวกเขาพอจะทำได้ ข้าเองก็มีหน้าที่ นั่นก็คือการเตรียมอาหารเพื่อปากท้องของคนอื่นๆ แล้วเจ้าล่ะ ตอนนี้เจ้ากำลังทำอะไรอยู่”

ม่านหรงรู้ว่าการจะสอนคนคนหนึ่งให้ตระหนักนึกคิดได้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย แต่นางก็ต้องเอ่ยปากตำหนิสาวน้อยตรงหน้าให้นางรู้ว่า นางควรทำอะไร ไม่เช่นนั้น ต่อไปนางก็คงวิ่งตามหลังตนเองอย่างไม่ลดละ เพราะคำว่าสนุก

“ข้า…”

เจียหลินอึ้ง นางไม่รู้จริงๆ นั่นแหละว่านางกำลังทำอะไรอยู่ นางแค่อยากหาคนพูดคุย และนางชอบพี่สาวไป๋จึงอยากคุยกับพี่สาวไป๋เป็นพิเศษ

เจียหลินหันไปทางครอบครัวที่ทำงานงกๆ นางก็เพิ่งรู้ว่า ตัวเองไม่ได้สนใจคนในบ้านเลย เจียหลินคว่ำปากลงก่อนที่น้ำตากลุ่มหนึ่งจะไหลออกมา

“…ข้าไม่รู้”

เสียงสะอื้นของเจียหลินดังคลอมากับสายลม ม่านหรงเห็นดังนั้นก็นึกขึ้นมาได้ว่าตนรีบร้อนสอนสั่งนางเร็วเกินไป

“ฟังข้านะเจียหลิน สิ่งที่เจ้าควรทำก็คือ ช่วยแบ่งเบางานบ้านจากมารดา ช่วยท่านซักผ้า ล้างจาน หรือแม้แต่ทำกับข้าว หากเจ้าทำไม่เป็นเจ้าก็ค่อยๆ เรียนรู้ไปทีละนิด นั่นคือสิ่งที่เจ้าสมควรทำ และต้องทำให้ได้ก่อนออกเรือน เจ้าลองคิดตามข้านะ หากเจ้าออกเรือนไปแล้วมัวแต่วิ่งเล่นไปทั่ว เจ้าคิดว่าใครกันที่จะทำอาหารให้เจ้ากิน ใครกันที่จะซักผ้าให้เจ้าใส่ ใครกันที่จะทำความสะอาดบ้าน หรือปักเย็บเสื้อผ้ายามที่มันขาดหลุดลุ่ย แน่นอน ว่าผู้ชายก็มีหน้าที่ของเขา ดังนั้นจงเรียนรู้จากแม่ของเจ้าให้มากๆ อย่ามัวแต่ตามติดข้าอีกเลย เข้าใจแล้วหรือยัง”

ม่านหรงอธิบายยาวเหยียดอย่างใจเย็น เห็นแต่เจียหลินเช็ดน้ำหูน้ำตาออกจากใบหน้า

นางกล่าวว่า

“ข้าไม่รู้มาก่อน ว่าหากแต่งงานต้องเก่งทุกอย่างแบบนั้น”

“หากเจ้าไม่เก่ง แล้วใครจะช่วยเจ้าได้ เจ้าคงไม่อยากให้แม่ของเจ้ามาคอยช่วยเหลือเจ้าทุกสิ่งอย่างหรอกใช่ไหม”

“ข้า…”

โจวเจียหลินคิดถึงภาพที่ไม่มีท่านแม่ข้างกาย ใช่ หากไร้ซึ่งท่านแม่ข้าก็ทำอะไรไม่เป็น แล้วข้าจะออกเรือนได้อย่างไร น้ำตาที่หยุดไหลไปแล้วพลันไหลทะลักออกมาอีกรอบ

ม่านหรงเห็นเช่นนั้นก็ยกยิ้มแล้วพูดว่า

“เจ้าควรเริ่มปรับเปลี่ยนตัวเองเสียตั้งแต่วันนี้ สิ่งแรกที่เจ้าควรทำ คือช่วยพ่อกับแม่สร้างที่พักอาศัย ไปเถอะ! ข้าเชื่อว่าเจ้าทำได้ ข้าเห็นแล้วว่าเจ้าช่วยพี่ชายเจ้าได้ไม่น้อยเลยทีเดียว”

ม่านหรงลูบหลังเจียหลินเพื่อปลอบโยนนาง

“อื้ม ข้าทำได้”

เจียหลินผงกหัวเหมือนไก่จิกข้าวสาร นางเช็ดคราบน้ำตาออกจากใบหน้าแล้วหันหลังวิ่งไปทางครอบครัวทันที

“…ในที่สุด ข้าก็ได้ความเงียบสงบกลับคืนมา”

ไป๋ม่านหรงยิ้มอ่อน หวังว่าเจ้าจะค่อยๆ เข้าใจนะเจียหลิน สายตาคู่งามของม่านหรงมองตามแผ่นหลังเด็กสาวไป

“เอาล่ะ! ต่อไปก็จัดการกับไก่ที่เหลืออีกสองตัวนี้ก่อน”

ม่านหรงปัดฝุ่นออกจากมือสองที แล้วตั้งท่าจะลงมือทำเล้าไก่เล็กๆ

อย่างไรเสีย ไก่พวกนี้ก็ไม่หนีไปไหน เลี้ยงไว้กินก็ได้ เลี้ยงไว้ออกไข่ก็ยิ่งดี

ม่านหรงมองไปที่ห้องอาบน้ำ นางเห็นแค่เสาไม้สี่ต้นที่ตั้งอยู่ก็พลันส่ายหัว

“เห้อ… ดูท่าข้าต้องทำห้องอาบน้ำก่อน พวกเจ้าก็กินหน่อไม้ต้มที่ข้าโยนให้ไปก่อนก็แล้วกัน”

ม่านหลงชำเลืองหางตามองไปยังไก่ที่ถูกมัดขาเอาไว้ ก่อนจะเดินเร็วๆ ไปทำห้องอาบน้ำด้วยตนเอง

“ก็แค่ผ่าครึ่งไม้ไผ่ที่ท่านพ่อตัดมาวางไว้ มันจะไปยากอะไร”

ม่านหรงยืนเท้าสะเอวมองไปยังกองไม้ไผ่ ก่อนจะถลกแขนเสื้อขึ้นเพื่อเริ่มงานเพียงลำพัง

จากเที่ยงวันจนถึงบ่ายแก่ๆ ม่านหรงทำห้องอาบน้ำแบบง่ายๆ จนแล้วเสร็จ จากนั้นนางก็นำไม้ไผ่ที่เหลือมามัดรวมกันเป็นกรงขัง แล้วจับไก่สองตัวเข้าไปปล่อยด้านในกรงนั้น

“อยู่ในนั้นไปก่อนนะ”

ไก่ที่ไร้เถาวัลย์ผูกมัดส่งเสียงดีใจแล้วนอนลงอย่างว่าง่าย

จากนั้นม่านหรงก็ทำมื้อเย็นด้วยอาหารจานผัดหนึ่งหม้อ รวมๆ กับอาหารมื้อเที่ยงที่เหลืออยู่แล้วอย่างไรพวกเขาก็อิ่มท้อง

เมื่อเตรียมอาหารไว้แล้ว ม่านหรงก็เดินไปทางบ้านโจวที่ตอนนี้บ้านสร้างเสร็จเกือบหมด เหลือก็แต่ขนย้ายข้าวของเข้าไปเก็บยังที่พัก

เจียหลินเห็นม่านหรงเดินมา นางก็เดินเร็วๆ ไปหาพี่สาวไป๋ของนาง ทั้งยังบอกว่า นางช่วยพ่อกับแม่ทำบ้านจนแล้วเสร็จ

ม่านหรงลูบหัวน้อยๆ ของเจียหลิน แล้วกล่าวชมนางเล็กน้อย

“ในเมื่อทำบ้านเสร็จแล้ว เจ้าก็พักสักหน่อยเถอะ หลังจากพักจนหายเหนื่อยเจ้าจะได้ไปจัดการห้องพักของเจ้าต่อ”

ม่านหรงอมยิ้ม ดูเหมือนว่าการที่นางพูดให้อีกฝ่ายคิดตามจะได้ผล

“อื้ม ข้าจะพักก่อนเจ้าค่ะ”

เจียหลินพยักหน้าแล้วกลับไปนั่งที่เตียงไม้หน้าบ้านที่พึ่งทำขึ้นมาใหม่อีกหลายเตียง

“ม่านหรง มาแล้วหรือลูก”

ไป๋หลิวเหยากวักมือเรียกลูกสาว

“เจ้าค่ะท่านแม่ ข้าอยู่ที่บ้านทำห้องอาบน้ำ กรงขังไก่ แล้วก็ทำอาหารเพิ่มมาอีกหนึ่งอย่างสำหรับมื้อเย็นเสร็จแล้ว”

ม่านหรงพูดพลางหันไปทางเจียหลิน

‘พี่สาวไป๋อยู่ที่บ้านทำงานหลายอย่างขนาดนี้เชียว กลับกัน ข้าแค่ช่วยพ่อกับแม่สร้างบ้านก็แทบปลีกตัวไปทำอย่างอื่นไม่ได้แล้ว ครั้งหน้า ไม่สิ วันพรุ่งนี้ ข้าจะขยันให้มากขึ้น ทำงานให้เยอะขึ้น อีกไม่นานข้าจะต้องเก่งเท่าพี่สาวไป๋อย่างแน่นอน’ เจียหลินอมยิ้มตอบรับเมื่อเห็นพี่สาวไป๋ส่งยิ้มมา

“เหนื่อยไหมลูก แม่ลืมไปเลยว่าจะต้องทำห้องอาบน้ำ ลำบากเจ้าแล้วจริงๆ”

ไป๋หลิวเหยายิ้มกว้างให้บุตรสาว

“ท่านแม่แล้วข้าเก่งหรือไม่”

เจียหลินหันไปทางมารดาของตนเอง

“วันนี้เจ้าเก่งมาก ช่วยงานทางบ้านได้เยอะเลย”

ชิงเหอยิ้มกว้างให้บุตรสาว จะว่าไปตั้งแต่หลังมื้อเที่ยงเป็นต้นมา เจียหลินก็อยู่ช่วยงานมาโดยตลอด แถมยังไม่ออกไปเที่ยวเล่นที่ไหน ยิ่งเห็นสายตาของม่านหรงมองมาทางเจียหลินแบบนั้นแล้ว นางก็เข้าใจได้ทันทีว่า คงเป็นม่านหรงกระมังที่บอกให้เจียหลินมาทำเช่นนี้

โจวชิงเหอรู้สึกว่าตนเองคิดถูกที่ย้ายมาอยู่ที่นี่

“ท่านพ่อ ข้าไปขนสิ่งของบนเกวียนลาลงมาไว้ก่อนนะขอรับ หลังจากขนของลงหมดแล้วข้าก็จะกลับไปขนที่หลับที่นอนจากบ้านหลักมาอีกครั้ง จะได้จัดข้าวของให้เข้าที่เข้าทางก่อนมืดค่ำ”

โจวเว่ยที่ตอนแรกไม่อยากมาอยู่นัก รีบออกปากอาสาไปทำงานเอง

“ไปเถอะ ให้พ่อพักสักเดี๋ยวจะได้กลับบ้านหลักไปพร้อมกันกับเจ้า”

โจวเหวินหลงยิ้มร่า บ้านหลังนี้ใหญ่กว่าบ้านของต้าผาง แถมห้องนอนก็กว้างกว่าเดิมมาก ต่อไปเขาจะได้หายใจโล่งปลอดโปร่งเสียที

“ขอโทษนะม่านหรง พ่อรับปากเจ้าแล้วแท้ๆ ว่าจะทำห้องอาบน้ำให้เจ้า”

“ข้ารู้เจ้าค่ะ ที่พักอาศัยย่อมสำคัญกว่า ถึงจะมีห้องอาบน้ำไป แต่ไร้ที่หลบฝน เช่นนั้นห้องอาบน้ำก็ไร้ค่าหน่ะสิเจ้าคะ”

ม่านหรงอมยิ้ม ท่านพ่อเหนื่อยมากแล้ว หากต้องเอางานเล็กๆ มาสร้างความกังวลใจให้กับท่านอีก นั่นก็เท่ากับว่าข้าเห็นแก่ตัว

“ห้องอาบน้ำอะไรหรือหลิวเหยา”

ชิงเหอสะกิดถามหลิวเหยาที่นั่งไม่ไกล

“ก็เมื่อวานหน่ะสิเจ้าคะ ตอนพวกข้าล้างเนื้อตัวต้องเปลื้องผ้ากลางแจ้ง ถึงจะรู้ว่าที่ตรงนี้ไร้ผู้คน แต่พวกข้าเป็นหญิงสาว ดังนั้นพวกข้าก็เลยต้องทำห้องอาบน้ำเพื่อบดบังสายตาเสียหน่อย”

“เช่นนั้น ม่านหรงก็ทำห้องอาบน้ำเพียงลำพังงั้นหรือ”

“ก็เป็นเช่นนั้นแหละเจ้าค่ะ”

หลิวเหยายิ้มบางให้กับพี่สาวโจว

ยิ่งเห็นมือของบุตรสาวมีรอยแผล หัวใจน้อยๆ ของหลิวเหยาก็พลันเจ็บปวดขึ้นมา นางไม่อยากให้บุตรสาวทำงานเหนื่อยมากนัก

ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่เชิงเขา ม่านหรงก็ยิ่งต้องรับภาระมากขึ้น ขนาดข้าเป็นแม่แท้ๆ ยังไม่ได้ทำงานหนักเท่ากันกับนางเลย

“เจียหลิน เจ้าไปช่วยพี่ชายของเจ้ายกของดีหรือไม่”

ไป๋ม่านหรงหันไปทางเจียหลินที่นั่งอมยิ้มเมื่อถูกมารดาชมเชย

“ดีเจ้าค่ะ”

เจียหลินรีบลงจากเตียงไม้ไผ่ แล้วเดินเร็วๆ ไปช่วยพี่ชายขนย้ายข้าวของ

“วันนี้เจียหลินของพวกเราขยัน เอาการเอางาน ความดีความชอบนี้ ต้องยกให้ม่านหรงที่เป็นผู้ชี้ทาง”

ชิงเหอดึงมือของหลิวเหยามาตบเบาๆ

“เจ้าสอนลูกได้ดีมาก ต่อไปต้องรบกวนเจ้าแล้วนะม่านหรง”

โจวชิงเหอยกยอหลิวเหยาเสร็จก็หันไปฝากฝังลูกสาวไว้กับม่านหรงด้วยรอยยิ้มคาดหวัง

‘ฝากนางไว้กับข้าจะดีแน่หรือ’ ม่านหรงนึกขำในใจแต่ก็พยักหน้ารับ

“เจ้าค่ะ แต่นางคงจะเหนื่อยไม่น้อยหากอยู่ภายใต้การชี้นำของข้า”

ม่านหรงยิ้มหวาน หากนางได้สมุนมาสักคนที่เป็นวัวเป็นม้าได้ นั่นก็นับว่าไม่เลว

“ตามใจเจ้าเถอะ ขอแค่ทำให้นางรู้ความก็พอแล้ว”

ชิงเหอไม่ได้คิดอะไรมาก ที่ม่านหรงบอกว่าเหนื่อยหน่อยนั่นคงเป็นเพราะนางขยันเกินไป

ม่านหรงได้ยินเช่นนั้นก็ยกยิ้ม

“บ้านก็ทำเสร็จแล้ว หลังจากนี้พวกเราจะทำอะไรต่อ”

โจวเหวินหลงหันไปทางต้าผาง ส่วนต้าผางหันไปมองบุตรสาว

“ปลูกผักดีหรือไม่เจ้าคะ”

ม่านหรงเห็นสายตาคาดหวังของบิดามองมาจึงยิ้มแห้งๆ พลางบอกสิ่งที่ตนอยากทำไป

แน่นอนว่ามีหน่อไม้ มีไก่ สิ่งต่อไปก็คงเป็นผักนั่นแหละ

“นั่นสินะ ปลูกผักก็ดี เรามีทั้งน้ำและหน่อไม้ ถ้าวันหน้าหน่อไม้มากกว่านี้จนเหลือกินเหลือใช้ เราก็เก็บไปขาย แบบนี้คงจะสร้างรายได้ได้ไม่น้อย”

เหวินหลงยิ้มกว้างตามปกติ

“นั่นสิเจ้าคะ หากนำหน่อไม้ไปขาย บางทีพวกเราอาจได้ข้าวสารมาเพิ่ม”

ชิงเหอกล่าวขึ้น

ทันทีที่นางพูดว่าแลกข้าว ม่านหรงก็ทำหน้าเจื่อนๆ แล้วบอกว่า ข้าวที่บ้านใกล้จะหมดแล้ว

“ไม่แปลกหรอกที่ข้าวจะหมดเร็วเช่นนี้ พวกเราตั้งหลายคนกินไม่กี่วันก็หมดไป”

ต้าผางถอนหายใจออกมา ปัญหาที่พักและน้ำดื่มคลี่คลาย แต่ข้าวสารในยามนี้ขายแพงยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด เป็นไปได้ไหมว่าหลังจากนี้ พวกเราต้องอดข้าวแล้วหันไปกินหน่อไม้เพื่อประทังชีวิตแทน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel