บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 11 แกงหน่อไม้ใส่ไก่

ชายสามคนตัดลำไผ่รวมกันจนได้จำนวนที่มากพอ ถึงได้เริ่มทำการขนย้ายลำไผ่ลงมาไว้ที่ปลูกสร้าง เมื่อลงมาจากเชิงเขา โจวเหวินหลงก็ร้องบอกเมียรักด้วยความตื่นเต้นว่าบนเขามีหน่อไม้โผล่จากพื้นดินมากมาย ให้นางกับบ้านไป๋ช่วยกันไปเก็บลงมาทำเป็นอาหารมื้อเที่ยง

ม่านหรงได้ยินเช่นนั้นนางก็ร้อง อ้อ ในใจ สิ่งที่นางขอพรไปล้วนคงอยู่ถาวรนี่เอง เช่นนั้นหลังจากนี้… นางคงจะได้กินแต่หน่อไม้ จนเบื่อหน่ายกันไปข้างหนึ่งเป็นแน่

เพียงแค่คิด… ม่านหรงก็แทบสำรอกหน่อไม้ออกมาทางเดิม

“พี่สาวไป๋พวกเราไปเก็บหน่อไม้กันเถอะเจ้าค่ะ”

โจวเจียหลินยิ้มกว้าง นางรู้เพียงแค่ว่าหากมีหน่อไม้ พี่สาวไป๋ก็จะทำอาหารจานผัดให้นางกินอีก

ทว่าสำหรับไป๋ม่านหรงที่กินอาหารจานหน่อไม้มาแล้วหลายมื้อได้แต่ยกมุมปากขึ้นเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม

“หลิวเหยาเราไปเก็บหน่อไม้กันเถอะ”

โจวชิงเหอยิ้มกว้างพลางหันไปชวนหลิวเหยาที่อายุน้อยกว่านางหนึ่งปี

“เจ้าค่ะ”

ไป๋หลิวเหยาอมยิ้มพลางเดินไปหยิบตะกร้าสานขึ้นมาสะพาย

“พี่สาวไป๋เร็วเข้าเจ้าค่ะ ท่านแม่ของข้ากับท่านแม่ของท่านเดินนำไปไกลแล้ว”

โจวเจียหลินฉุดดึงมือของม่านหรงให้เดินตามไปเร็วๆ ปากเล็กๆ ของนางก็เอาแต่พูดจ้อไม่หยุด

“รู้แล้วๆ ”

ไป๋ม่านหรงถอนหายใจออกมา

เมื่อวานก็หน่อไม้ มื้อเช้าก็หน่อไม้ มื้อเที่ยงข้าก็ยังต้องกินหน่อไม้อีกหรือนี่!

ม่านหรงนึกเห็นใจตนเอง หากมีเนื้อไก่หรือเนื้อหมูบ้าง บางทีนางอาจจะใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อย แต่นี่! เช้า เที่ยง เย็น มีเพียงหน่อไม้ ต่อไปใบหน้าของนางคงได้กลายเป็นหน่อไม้แน่ๆ

ม่านหรงอยากจะเดินรั้งท้าย แต่โจวเจียหลินก็เอาแต่ตามนางต้อยๆ ด้วยเหตุนี้ ม่านหรงจึงกลายมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“ว้าว หน่อไม้เยอะเพียงนี้เชียว”

ครั้นเดินเข้ามาในป่าไผ่ได้ไม่นาน โจวชิงเหอก็เบิกตากว้างอย่างตกตะลึง หน่อไม้น้อยใหญ่ขึ้นเบียดเสียดกันเรียงรายจนนับไม่หวาดไม่ไหว ไม่น่าเชื่อว่า ในความแห้งแล้งยังมีอาหารใต้พื้นดินมากมายที่หลบซ่อนอยู่อีก

“ท่านแม่ข้าได้หน่อไม้แล้วเจ้าค่ะ”

โจวเจียหลินยิ้มกว้างนางชูหน่อไม้ในมือให้มารดาดูอย่างตื่นเต้น ม่านหรงประสบโอกาสจึงถอยหลังออกไปอย่างเงียบๆ และปล่อยให้คนอื่นๆ ทำงานไป

“เห้อ หลบออกมาได้สักที”

ม่านหรงลูบช่วงอกของตนเองอย่างโล่งใจ ในที่สุดนางก็ได้อยู่เพียงลำพังเสียที

“ระบบ ข้าขอใช้พร ปากสาปแช่ง ข้าต้องการไก่ป่าสักสี่ห้าตัว ข้าอยากกินเนื้อ ขอให้ท่านแม่ของข้าเจอไก่ป่าและจับพวกมันได้โดยง่าย”

ทันทีที่ม่านหลงใช้งานปากสาปแช่ง เสียงโห่ร้องดีใจของมารดานางก็ดังแว่วมาแต่ไกล

ม่านหรงผ่อนลมหายใจออกมา แม้นนางจะดีใจที่จะได้กินไก่ แต่นางไม่ชอบเลยที่ต้องมาคอยดูแลเด็กน้อยอย่างเจียหลิน

“หลิวเหยา! เจ้าเก่งมากเลยที่จับไก่ป่าได้ตั้งห้าตัว”

โจวชิงเหอเดินไปทางเสียงโห่ร้อง ก็พบว่าไป๋ม่านหรงจับไก่ป่ามัดขาเอาไว้ได้ตั้งห้าตัว แถมไก่ป่าแต่ละตัวที่หลิวเหยาจับมาได้ยังอ้วนพี เรียกได้ว่า ตัวใหญ่! เนื้อเยอะ! น่าทาน!

“ข้าบังเอิญหน่ะเจ้าค่ะ ทีแรกข้าเห็นสีเหลืองส้มก็นึกว่าเป็นหญ้าแห้ง พอขยี้ตาดูดีๆ ถึงพบว่ามันเป็นไก่ป่า”

ไป๋หลิวเหยายิ้มกว้างพลางบอกเล่ารายละเอียดให้โจวชิงเหอฟัง

“เพราะแบบนั้น เจ้าก็เลยจับไก่มาได้อย่างง่ายดายงั้นรึ!”

โจวชิงเหอถามซ้ำ

“น่าจะเป็นโชคดีของข้านั่นแหละเจ้าค่ะ เพราะตอนที่จับไก่ป่าได้พวกมันน่าจะหลับอยู่ ดูสิเจ้าคะ ขนาดข้าจับพวกมันมัดรวมกันไว้แล้วแท้ๆ พวกมันยังทำท่าจะนอนต่อกันอยู่เลย”

ไป๋หลิวเหยาชี้ไปที่แม่ไก่หลายตัวที่นอนนิ่งกับพื้นเหมือนมันกำลังหลับจริงๆ

“จริงด้วย เหมือนพวกมันกำลังนอนอย่างไรอย่างนั้นเลย”

โจวชิงเหอเห็นแบบนั้นก็ได้แต่อิจฉาในความโชคดีของหลิวเหยา หากนางพบไก่ป่าตัวอวบอ้วนบ้างสักตัวคงจะดีไม่น้อย

“โอ้โห! ไก่ตัวใหญ่มากเลยเจ้าค่ะ”

โจวเจียหลินที่ได้ยินเสียงท่านแม่พูดคุยกับท่านป้าไป๋ นางจึงเดินไปทางเสียงนั้นอย่างเร่งรีบ ยิ่งได้เห็นไก่ตัวใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่มนางก็ยิ่งเบิกบานใจ

ม่านหรงถอนหายใจออกมา หากนางยังไม่ไปรวมกลุ่มกับคนอื่นๆ อีกคงจะผิดแปลกเกินไป ดังนั้นหลังจากขอพรเสร็จนางจึงเดินเหมือนคนไร้อารมณ์ไปทางมารดา แล้วแสร้งยิ้มอย่างยินดี

“ท่านแม่ข้าขอนำไก่กลับไปทำอาหารรอนะเจ้าคะ”

ม่านหรงยิ้มกว้างจนเห็นฟัน ทว่าดวงตาของนางกลับไร้ซึ่งความตื่นเต้นใดๆ

“ได้สิ แม่ฝากมื้อเที่ยงไว้กับเจ้าก็แล้วกันนะ จริงสิ ขากลับเจ้าก็นำหน่อไม้กลับไปด้วยเผื่อว่าจะใช้มันทำอาหารได้”

ไป่หลิวเหยาไม่ได้สังเกตท่าทีของบุตรสาว แค่เห็นว่านางยิ้มยินดีผู้เป็นแม่ก็โล่งใจ

“ข้าขอไปช่วยพี่สาวไป๋นะเจ้าคะ”

โจวเจียหลินยกมือขึ้นและขอติดตามไป๋ม่านหรงลงเชิงเขาไปด้วย

“เจียหลิน พี่ว่าเจ้าอยู่ช่วยเก็บหน่อไม้เถอะนะ อีกหน่อยเจ้าก็ต้องช่วยมารดาของเจ้าเก็บไม้ฟืนอีก ไม่เช่นนั้นบ้านเจ้าจะไม่มีไม้ฟืนใช้ เรื่องทำอาหารไว้พี่จะจัดการเอง”

ม่านหรงเดินไปจับไก่ที่มัดขาแล้วยกขึ้นมาอุ้มทีละตัว ก่อนจะส่งยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตาให้เจียหลิน

‘ขอร้องละนะเจียหลิน ข้าต้องการความเงียบสงบ ได้โปรดให้ข้าอยู่เพียงลำพังเถิด’ ม่านหรงหลี่ตาลงเล็กน้อยแล้วมองไปที่ไก่ตัวอ้วน

“ก็ได้เจ้าค่ะ ข้าจะอยู่ช่วยงานท่านแม่ก่อนก็ได้”

โจวเจียหลินพูดอ้อมแอ้มไม่เต็มใจ

“เด็กดี อยู่ช่วยงานแม่ของเจ้าเถอะ พี่สาวคนนี้จะทำอาหารอร่อยๆ ไว้คอยท่า”

ม่านหรงฉีกยิ้มจริงใจออกมา เย้! ในที่สุดข้าก็สลัดกาวตราช้างนี่ออกไปได้เสียที ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่ช่วงสั้นๆ ก็เถอะ อย่างไรซะมันก็ดีกว่าการที่มีเสียงวิ้งๆ อยู่ข้างหูไม่หยุด

“ม่านหรง เจ้านำไก่พวกนั้นมาใส่ตะกร้าเถิด ตอนที่พ่อของเจ้าขึ้นเขามาก็บอกให้เขานำตะกร้านี้ขึ้นมาด้วย”

ไป๋หลิวเหยาส่งตะกร้าให้ลูกสาว ในตะกร้ายังมีหน่อไม้นับสิบหน่อวางอยู่ในนั้นด้วย

ม่านหรงรับเอาตะกร้ามา นางอุ้มไก่ไปวางในตะกร้าทีละตัวจนพวกมันชูคอขึ้นมาเพื่อหายใจ แต่ก็ไม่มีทีท่าจะแตกตื่น

ต๊อกๆๆ เสียงไก่ตัวเมียร้องเบาๆ เหมือนถูกก่อกวน ไม่นานพวกมันก็หลับตาลงแล้วนอนต่อ

ม่านหรงเปลือกตากระตุก ‘ข้าขอไก่จากระบบ และบอกให้ท่านแม่จับได้โดยง่าย นี่ระบบส่งไก่ขี้เซามาให้ข้าหรอกหรือถึงได้ดูเชื่องขนาดนี้’

“เช่นนั้นข้าลงไปก่อนนะเจ้าคะ ท่านแม่ ป้าโจว พวกท่านเก็บหน่อไม้กันต่อเถอะเจ้าค่ะ”

ม่านหรงหันไปบอกลาผู้ใหญ่ ก่อนจะโบกมือให้เจียหลินที่ทำหน้าเศร้าเหมือนไม่อยากจะแยกจากนาง

“ไปเถอะๆ”

ไป๋หลิวเหยาอมยิ้มเล็กน้อยแล้วหันกลับไปมองหาหน่อไม้ต่อ

“มาเถอะเจียหลิน หากเก็บหน่อไม้ได้มากวันหลังเราจะได้นำไปฝากท่านปู่กับท่านย่าด้วย”

โจวชิงเหอเห็นบุตรสาวทำหน้าตาเสียดายที่ไม่ได้ตามติดไป๋ม่านหรงลงเขาไป นางจึงได้แต่ส่ายหัว แล้วชวนบุตรสาวเดินวนหาหน่อไม้ต่ออีกหน่อย

ม่านหรงเดินฮัมเพลงลงมาจากเชิงเขาอย่างสบายใจ พอนางเดินมาถึงบ้านนางก็นำแม่ไก่ออกมาผูกขามัดไว้กับต้นไม้แห้ง

แม่ไก่ที่ถูกย้ายออกจากตะกร้าก็ส่งเสียงกะต๊ากเล็กน้อย แถมไก่บางตัวถูกอุ้มออกมาจากตะกร้าแล้วแท้ๆ ยังหลับสนิทเหมือนกับว่ามันซ้อมตาย

“ช่างเถอะ อย่างน้อยๆ พวกมันก็แข็งแรง ทั้งยังตัวใหญ่”

ม่านหรงไม่รู้ว่าจะใช้คำไหนบรรยายไก่ที่ระบบให้มาดี แต่สุดท้ายไก่พวกนี้ก็ต้องตกไปอยู่ในท้องของนางวันยังค่ำ

“ท่านพ่อเจ้าคะ ท่านแม่ให้ท่านพ่อนำตะกร้าขึ้นเขาไปด้วยเจ้าค่ะ”

ม่านหรงที่เทหน่อไม้ออกจากตะกร้าแล้วเดินตรงดิ่งไปหาบิดากล่าวขึ้น

“ได้สิ เจ้าวางไว้ตรงนั้นแหละ”

ไป๋ต้าผางที่กำลังช่วยโจวเหวินหลงขุดหลุมฝังต้นเสา เอียงคอหันไปทางลูกสาวเล็กน้อยแล้วบอกนางว่ารับรู้แล้ว

ม่านหรงวางตะกร้าไว้แล้วเดินกลับมาที่บ้านของตน โจวเว่ยแค่นเสียงหัวเราะในลำคอ เขามองตามหลังนางอัปลักษณ์อย่างไม่ชอบใจ

‘คนอื่นๆ ขึ้นเขาไปเก็บหน่อไม้ แต่นางกลับชิ่งลงมาพักเหนื่อยเอาแรง คนแบบนี้ต่อให้ไปที่ใดก็ไม่มีใครชื่นชอบ’

โจวเว่ยนึกสมเพชเวทนาม่านหรงอยู่ไม่น้อย แต่ทุกอย่างมันก็ขึ้นอยู่กับว่านางจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้หรือไม่ หากไม่ คนเช่นนางก็ไม่ควรค่าแก่คำว่าสงสาร

“เอาล่ะเจ้าไก่ตัวน้อย วันนี้คนเยอะ อาหารก็ต้องเยอะไปตามๆ กัน”

ม่านหรงต้มน้ำร้อนอย่างใจเย็น เมื่อน้ำเดือดได้ที่ นางจึงเลือกไก่ออกมาสามตัวแล้วใช้ท่อนไม้ฟาดเข้าไปที่หัวไก่ พอเห็นว่าไก่ทั้งสามสิ้นใจแล้ว นางจึงนำไก่ลงไปจุ่มในน้ำเดือดนั้น พอไก่เปียกชุ่มไปทั้งตัวจึงได้ยกไก่ออกมาจากน้ำร้อนๆ และถอนขนไก่ทีละตัว

เมื่อได้ไก่ที่สะอาดไร้ขน ม่านหรงจึงแยกไก่หนึ่งตัวไว้ย่าง

นางแยกอกไก่สองตัวออกมาหั่นเป็นชิ้นบางพอดีคำไว้ผัด ส่วนเนื้อไก่ที่เหลือนางก็สับเป็นชิ้นๆ ไว้แกงใส่หน่อไม้

ม่านหรงปอกล้างหน่อไม้และนำหน่อไม้มากกว่าสิบหน่อลงไปต้มจนสุก เมื่อหน่อไม้สุกได้ที่ก็มีความหวานกรอบไม่เฝื่อนขม นางตักหน่อไม้ออกมาพักไว้ให้คลายร้อน และนำกระทะไปล้างน้ำ

หลังจากล้างกระทะเสร็จ ม่านหรงก็ลงมือหั่นเฉียงหน่อไม้ใส่ชามอันใหญ่ไว้

พอหันไปพบว่าเชื้อเพลิงใกล้ดับมอดนางจึงใส่ท่อนไม้เข้าไปเพื่อให้ไฟลุกโชน จนกระทั่งม่านหรงเริ่มลงมือทำอาหารจานแรก กลิ่นหอมอ่อนๆ ถึงได้โชยไปทั่วบริเวณนั้น

“ม่านหรงกลับมาทำมื้อเที่ยงนี่เอง ข้าก็นึกเอะใจอยู่ว่า เหตุใดนางถึงลงเขามาเพียงลำพังแบบนี้”

โจวเหวินหลงสูดกลิ่นหอมละมุนของแกงหน่อไม้ใส่ไก่ป่าเข้าไปจนเต็มปอด

“เรื่องอาหารไว้ใจลูกสาวของข้าได้เลย”

ไป๋ต้าผางยิ้มกว้างหน้าระรื่น เมื่อก่อนเขาไม่เคยรู้สึกภูมิใจแบบนี้มาก่อน แบบนี้สินะที่เรียกว่าเยินยอลูกสาว ต้าผางอมยิ้มแล้วก้มๆ เงยๆ ทำงานต่อไป

‘นางลงมาทำอาหารหรอกหรือ ข้าก็คิดว่า…’

โจวเว่ยได้แต่ก่นด่าตนเองในใจ

ตอนแรกเขาคิดว่าม่านหรงแอบอู้และใช้แรงงานคนอื่น พอรู้แล้วว่านางกำลังทำอาหารให้ทุกคน ชายที่คาดการณ์ผิดไปก็ได้แต่ก้มหน้าลงดิน

“เอาล่ะ แกงหน่อไม้ใส่ไก่เสร็จแล้ว ต่อไปก็เมนูผัดอกไก่ใส่พริกแห้ง ตามด้วยไก่ย่างทาเกลือ”

ม่านหรงตักแกงใส่หม้อดินได้สามหม้อ จากนั้นนางก็นำกระทะไปล้างตามเคย และรีบกลับมาลงมือทำอาหารจานต่อไป

ครึ่งชั่วยามผ่านไป อาหารสามอย่าง และข้าวสวยที่หุงขึ้นฟูสองหม้อดินก็พร้อมทาน ม่านหรงปาดเหงื่อออกจากใบหน้ารูปไข่ แล้วยกอาหารทั้งหมดไปเก็บไว้ในห้องโถงเล็กในตัวบ้าน

“ร้อนชะมัด!!”

ม่านหรงบ่นอุบอิบก่อนจะเดินไปล้างกระทะกับตะหลิวมาเก็บให้เข้าที่

“เฮ้อ กระทะก็มีอยู่แค่ใบเดียว ทำอะไรทีก็วุ่นวายไปหมด”

ไป๋ม่านหรงคิดแล้วว่านางควรบอกให้บิดาไปซื้อกระทะมาเพิ่มสักใบ เมื่องานของนางแล้วเสร็จนางจึงเดินเข้าไปในห้องอย่างเมื่อยล้า หวังจะนอนพักเอาแรง ทว่าเสียงเล็กใสของเจียหลินก็ดังขึ้น ม่านหรงถอนหายใจออกมาเสียงดัง

“ดูท่าข้าคงไม่ได้นอนแล้วเป็นแน่”

“พี่สาวไป๋ข้ากลับมาแล้วเจ้าค่ะ”

โจวเจียหลินวิ่งนำหน้ามารดาของนางมาที่บ้านหลังเล็กของม่านหรง

“พี่สาวไป๋ไม่อยู่หรือนี่ หรือว่านางจะไปดูท่านพ่อของข้าสร้างบ้าน”

เมื่อคิดได้ดังนั้นเจียหลินก็วิ่งไปทางที่นาของตนเองอย่างว่องไว

“เฮ้อ… จะบ้าตาย!”

…จบแล้วชีวิตอันสงบสุขของข้า

ม่านหรงนั่งกุมขมับในห้อง จะนอนก็นอนไม่ได้ จะออกไปข้างนอกก็ขี้เกียจตอบคำถามเด็กช่างสงสัย เวรกรรมอะไรของนางที่ต้องมาเจอกับเจียหลินที่ถามซอกแซกไม่หยุดเช่นนี้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel