บทที่ 4 แสดงละคร - 2
รัชทายาทนั่งดูการแสดงจนจบตรัสว่า “เยี่ยมไปเลย ข้าไม่เคยเห็นการแสดงแบบนี้มาก่อน เจ้าไปหามาจากที่ใดหรือ”
เฉินฮุ่ยเจินส่ายหน้า “กระหม่อมก็ไม่ทราบเช่นกัน เรื่องนี้เป็นท่านแม่ที่จัดการ”
ยังไม่ทันที่รัชทายาทจะตรัสต่อ พลันเสียงเอะอะจากชั้นล่างก็ดังขึ้น แขกเหรื่อในหอเย่วเซียงลี่วันนี้มากมายนัก จึงเรียกความสนใจได้มากทีเดียว
ที่โต๊ะตรงกลางหน้าเวทีมีชายวัยกลางคน รูปร่างผอมบาง แต่งกายด้วยชุดสีฟ้า กำลังร้องขอความช่วยเหลือจากทุกคน บอกว่าสหายของเขา กินอาหารของหอเย่วเซียงลี่เข้าไปแล้วหมดสติคาดว่าในอาหารคงจะมียาพิษเป็นแน่ จึงเรียกร้องให้ทุกคนมาเป็นพยาน
ลูกจ้างในหอได้ยินดังนั้นจึงรีบไปตามหลงจู๊มาช่วยคลี่คลายปัญหา
หลงจู๊มาถึงก็เห็นชายวัยกลางคนที่สวมชุดสีดำ กำลังนอนหายใจติดขัด ใบหน้าบวมเป่ง ลำคอและหลังมือมีผื่นแดงขึ้น ข้างๆ ยังมีเศษอาหารที่เขาอาเจียนออกมา หลงจู๊ถึงกับหน้าถอดสีทำอะไรไม่ถูก
หลังจากแสดงเสร็จไป๋ซูหนี่ว์ยังไม่ได้กลับไปที่ห้อง ยังคงรั้งอยู่ที่ห้องชั้นบนของหอ เมื่อนางได้ยินเสียงเอะอะก็รีบลงมาดู ทันทีที่เห็นอาการของชายชุดดำนางก็ให้ทุกคนถอยออกไป
พลางยื่นมือไปจับชีพจรเขา เมื่อทราบถึงสาเหตุของการหมดสติคราวนี้ นางจึงล้วงเข้าไปในอกเสื้อหยิบกระดาษที่ห่อยาสมุนไพรบดละเอียดออกมาละลายกับน้ำให้เขาดื่ม
เพียงชั่วครู่ลมหายใจของเขาจึงกลับมาเป็นปกติ หลงจู๊และทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างโล่งอก
ต่อให้ฟื้นคืนสติแต่เรื่องราวยังไม่มีทีท่าว่าจะจบ สหายของชายชุดดำยังคงเรียกร้องให้ทางหอชดเชยค่าเสียหายให้กับสหายของตนเอง
ไป๋ซูหนี่ว์สังเกตุเห็นว่าบนโต๊ะมีอาหารที่เขาสั่งมากินยังเหลืออยู่ นางจึงหยิบอาหารแต่ล่ะอย่างขึ้นมาดม
“นี่เป็นอาหารที่พวกท่านทั้งสองคนสั่งมาวันนี้ใช่ไหม” ไป๋ซูหนี่ว์หันไปถามชายชุดสีฟ้า
ชายชุดสีฟ้าตอบ “ใช่แล้วที่เราสั่งมาก็มีแค่นี้แหละ”
ไป๋ซูหนี่ว์พยักหน้า แล้วพูดเสียงดัง “ทุกคนจงเป็นพยาน เมื่อครู่เขาบอกว่าอาหารที่อยู่บนโต๊ะล้วนเป็นอาหารที่พวกเขาสั่งมา เมื่อครู่ข้าได้ตรวจดูอาหารของทางหอแล้ว พบว่าในอาหารไม่ได้มีพิษแต่อย่างใด”
“ไม่มีพิษแล้วเขาจะหมดสติได้อย่างไร” คนที่อยู่ในหอเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย
ไป๋ซูหนี่ว์ยิ้ม “ถ้าเป็นคนที่เชี่ยวชาญในเรื่องของชาก็จะรู้ว่า” พลางหยิบถ้วยชากับขนมขึ้นมา
“ชาดอกหญ้าหิมะนี้เมื่อกินคู่กับหูปิ่ง* จะมีฤทธิ์ต้านกัน ทำให้เกิดอาการอย่างที่เห็น ดังนั้นข้าคิดว่าท่านทั้งสองก็น่าจะรู้เรื่องนี้ดี มิเช่นนั้นคงไม่เตรียมการไว้ล่วงหน้าหรอก” พลางเดินเข้าไปดึงก้านดอกหนี่เหอออกมาจากอกเสื้อของชายชุดดำ แล้วชูขึ้นให้ทุกคนดู “ก้านดอกหนี่เหอนี้ สามารถช่วยถอนพิษจากอาการเมื่อครู่ของเขาได้”
ทั้งสองพลันจำนนต่อหลักฐานที่ไป๋ซูหนี่ว์พบอยู่บนตัว
เดิมทีทั้งสองคนเป็นสหายที่ร่วมกันเปิดโรงเตี้ยมเหมือนกันกับหอเย่วเซียงลี่
แต่พักหลังกลับประสบปัญหาขาดทุนอย่างต่อเนื่อง เพราะมีข่าวว่าทางหอเย่วซียงลี่จะนำคณะละครม่านฉินมาแสดงที่นี่ถึงสามปี ทำให้โรงเตี๊ยมของพวกเขาไม่ค่อยมีลูกค้า ครั้งนี้ที่มาจึงตั้งใจจะมาทำลายชื่อเสียงของหอเย่วเซียงลี่
เมื่อทุกคนได้เห็นหลักฐานชี้ชัดว่าทั้งสองโกหก ต่างพากันรุมประณามชายทั้งสอง หลงจู๊จึงให้เด็กในหอช่วยกันจับคนทั้งคู่ไปส่งทางการ พร้อมทั้งเอ่ยปากขอบคุณไป๋ซูหนี่ว์เป็นการใหญ่
รัชทายาทกับเฉินฮุ่ยเจินที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ด้านบนเงียบๆ ต่างหันหลังเดินเข้ามานั่งในห้องร่ำสุรากันต่อ
“แม่นางคนเมื่อครู่เป็นคนของคณะละครใช่หรือไม่” รัชทายาทตรัส ในมือลูบจอกสุราไปมาเบาๆ
เฉินฮุ่ยเจินนั่งเงียบไปครู่ใหญ่ เพื่อทบทวนบางอย่างก่อนจะตอบว่า “กระหม่อมไม่ทราบ” ก่อนจะลุกออกไปจากห้อง ปล่อยให้รัชทายาทงงงันกับคำตอบของเขา
“นี่เจ้า” พลันกระแทกจอกสุราลงบนโต๊ะอย่างแรง “ถ้าเจ้าไม่ใช่สหายของข้า ป่านนี้ข้าสั่งโบยเจ้าไปนานแล้ว ไร้มารยาทสิ้นดี”
*หูปิ่ง มีชื่อเรียกว่า ขนมไหมฟ้าหรือขนมหนวดมังกร ทำจากแป้ง น้ำผึ้ง และถั่ว
