บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 สู่เส้นทางใหม่ - 2

เวลานี้ทุกคนต่างโล่งใจที่เจิ้งเหยียนถังฟื้น เช่นเดียวกันกับเฉินลี่หลิน แม้นางจะมองไม่เห็น แต่ทว่าเสียงโวยวายเมื่อครู่ก็พอจะทำให้นางรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับมารดาของตนเอง จึงอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้

ร่างบางของนางจึงคลำทางมาหามารดา พร้อมกับเอ่ยถามมารดาอย่างเป็นห่วง เมื่อแน่ใจว่ามารดาปลอดภัยแล้วจึงให้บ่าวรับใช้พามารดาเข้าไปนอนพัก

ส่วนตัวนางออกมาข้างนอกเพื่อถามไถ่อาการของมารดาจากไป๋ซูหนี่ว์ “แม่นางไป๋ท่านแม่ข้าเป็นอย่างไรบ้าง”

ไป๋ซูหนี่ว์ลอบมองนางชั่วครู่ ยามนี้ไป๋ซูหนี่ว์จึงได้รู้ว่านางมองไม่เห็น

ไป๋ซูหนี่ว์ยิ้มแล้วตอบ “อาการของนายหญิงเรียกว่า อาการเลือดน้อย มักวิงเวียนศรีษะ หัวใจเต้นแรงผิดปกติ ริมฝีปากและเล็บขาวชา สตรีที่ปริมาณประจำเดือนน้อย เลือดประจำเดือนสีจาง มักนอนไม่หลับ มีอาการใจสั่น มือและเท้าชาๆ* จากการนอนไม่ค่อยหลับจึงทำให้นายหญิงเกิดการหน้ามืดจนหมดสติไป แต่อาการก็ไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่คิด กินยาไม่กี่วันก็ดีขึ้นแล้ว เดี๋ยวข้าจะเขียนเทียบยาให้”

“ขอบคุณแม่นางไป๋มาก คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะมีความรู้ในวิชาการแพทย์ด้วย”

ไป๋ซูหนี่ว์ยิ้ม “เมื่อก่อนตอนอยู่ที่บ้าน ข้าเคยมีโอกาสได้ศึกษาตำราแพทย์มาบ้าง จึงพอมีวิชาติดตัวมาบ้างเล็กน้อย”

เฉินลี่หลินยิ้ม “เจ้าเก่งมาก จริงสิ ข้าเคยได้ยินชื่อเสียงของคณะละครของพวกเจ้า ว่าการแสดงนั้นแตกต่างจากคณะละครอื่นอยู่มาก ทั้งสวยงามและอ่อนช้อย แต่เสียดายที่ข้าไม่มีโอกาสได้เห็น” เฉินลี่หลินพูดจบสีหน้าก็เศร้าลงสามส่วน

คราวนี้เมื่อได้อยู่ใกล้ๆ เฉินลี่หลิน ไป๋ซูหนี่ว์จึงสังเกตุเห็นได้ชัดเจนว่าตรงหางตาของนางมีไฝสีแดงเล็กๆ ปรากฏอยู่

พลางทำให้นึกไปถึงสูตรยาพิษเกล็ดมังกรที่บิดาของตนบันทึกไว้ ซึ่งมีแค่มารดากับไป๋ซูหนี่ว์เท่านั้นที่ได้เห็นสูตรยานี้

อีกทั้งตั้งแต่จำความได้ นางก็ไม่เคยเห็นบิดาออกไปนอกหุบเขาสักครั้ง และเหตุการณ์เมื่อห้าปีก่อนคนในตระกูลของนางรวมถึงศิษย์ในสำนักล้วนตายกันหมด แล้วพิษนี้อยู่ในตัวของเฉินลี่หลินได้อย่างไร

พิษเกล็ดมังกรนั้น เดิมทีเป็นชื่อของดอกงูเขียวกลืนวิญญาณ มักจะเติบโตอยู่ในถ้ำมรกตที่อยู่ในหุบเขาอ้ายฉิง แต่เมื่อนำดอกของมันมาผสมเข้ากับพิษของก้านแมงมุมดำ และสูตรยาเฉพาะก็จะกลายเป็นยาพิษ ที่สามารถทำให้คนเจ็บปวดจนไปทำลายการมองเห็น

เพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งที่ไป๋ซูหนี่ว์สงสัยจะเป็นจริงหรือไม่ ระหว่างที่จะส่งเทียบยาให้เฉินลี่หลิน ไป๋ซูหนี่ว์จึงแสร้งสะดุดขาตัวเอง ล้มไปที่ตัวของเฉินลี่หลิน จึงเอามือไปจับแขนของนางอาศัยโอกาสนี้รีบเปิดแขนเสื้อของเฉินลี่หลินดู

และเป็นจริงดั่งคาด นางถูกพิษเกล็ดมังกร เพราะคนที่ถูกพิษชนิดนี้นอกจากจะทำให้ตาบอดแล้ว อาการที่ปรากฏอีกอย่างนั่นก็คือ ตรงปลายหางตาจะมีไฝสีแดง บริเวณแขนจะมีรอยจางๆ คล้ายเกล็ดงูปรากฏอยู่

“แล้วถ้าข้าบอกว่า ท่านมีโอกาสจะได้เห็นล่ะ ท่านจะว่าอย่างไร”

เฉินลี่หลินก้มหน้ากระตุกยิ้มน้อยๆ ราวกับจะเย้ยหยันในโชคชะตาของตัวเอง

“อันที่จริงข้ามิได้มีเจตนาจะดูถูกวิชาการแพทย์ของเจ้า แต่ทว่าที่ผ่านมา ท่านย่าและท่านแม่ล้วนแต่เสาะหาหมอชื่อดังมารักษาข้า แต่กลับไม่มีผู้ใดสามารถรักษาได้ ข้าทำใจยอมรับมันได้นานแล้วล่ะ” พูดจบขนตาแพหนาของนางก็ปรากฏน้ำใสๆ เกาะอยู่

ไป๋ซูหนี่ว์รู้สึกสงสารและเห็นใจนางขึ้นมาหลายส่วน เดิมทีสตรีก็มีชีวิตไม่ง่ายเลย ต่อให้นางจะเป็นคุณหนูอยู่ในตระกูลสูงศักดิ์ แต่สตรีก็ยังเป็นสตรีอยู่วันยังค่ำ นางจึงตั้งใจจะช่วยเฉินลี่หลินให้กลับมามองเห็นอีกครั้ง

ไป๋ซูหนี่ว์จับมือเฉินลี่หลินลูบเบาๆ “ตราบใดขุนเขาขจี อย่าได้กลัวไม่มีฝืนเผา* สิ่งที่ข้าพูดย่อมหมายถึงว่าข้าทำได้ ขอเพียงท่านเชื่อใจข้า”

ในใจของเฉินลี่หลินในเวลานี้กลับมีความหวังขึ้นมาหนึ่งส่วน แต่ความผิดหวังที่ผ่านมาทำให้ในใจของนางเกิดความลังเลอยู่บ้าง

“ข้าจะลองไตร่ตรองดูแล้วกัน”

หลังจากพูดคุยกับเฉินลี่หลินได้สักพัก ไป๋ซูหนี่ว์จึงขอตัวกลับไปพักผ่อน

เมื่อกลับมานอนพักที่ห้อง เรื่องราวของเฉินลี่หลินก็กวนใจนางทำให้นอนไม่หลับทั้งคืน

*นพ.ภาสกิจ วัณณาวิบูล, 100สมุนไพรจีนยอดนิยม, พิมพ์ครั้งที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566, หน้า 22.

*ตราบใดขุนเขาขจี อย่าได้กลัวไม่มีฝืนเผา เป็นสำนวน หมายถึง หากยังมีชีวิตอยู่ย่อมมีความหวัง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel