บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 การจากลา - 2

“ท่านแม่ทัพ เราจะออกเดินทางกันได้หรือยังขอรับ” ลู่จิวนำทหารจำนวนหนึ่งมาเตรียมพร้อมรอรับเฉินฮุ่ยเจินกลับเมืองหลวง

“รออีกเดี๋ยวเถอะ ค่อยออกเดินทาง”

“ขอรับ” ลู่จิวจึงถอยออกมายืนรอกับทหารคนอื่น คราวนี้เขาสังเกตุเห็นว่าท่าทีของผู้เป็นนายได้เปลี่ยนไป

ชั่วครู่ไป๋ซูหนี่ว์จึงกลับมาจากบ้านของบิดามารดา เมื่อเห็นลู่จิวและคนอื่นๆ นางก็เข้าใจได้ทันที

“ท่านจะไปแล้วใช่ไหม”

เฉินฮุ่ยเจินยิ้ม “แม่นางไป๋ ที่ผ่านมาข้าขอบคุณเจ้ามากที่ช่วยดูแลข้าเป็นอย่างดี น้ำใจของเจ้าข้าทราบซึ้งใจยิ่งนัก” พลางยื่นกล่องไม้ให้นาง “นี่เป็นน้ำใจจากข้า หวังว่าเจ้าคงจะไม่รังเกียจ”

เป็นครั้งแรกที่ในใจของไป๋ซูหนี่ว์ยามนี้กลับสับสนอย่างบอกไม่ถูก นางยื่นมือไปรับกล่องมาอย่างเก้ๆ กังๆ “ขอให้ท่านเดินทางอย่างราบรื่นและปลอดภัย อย่าลืมดูแลตัวเองด้วย”

เขายิ้มให้นางอีกครั้ง “เจ้าก็เช่นกัน ดูแลตัวเองให้ดี ข้าไปล่ะ”

หลังจากที่เดินทางถึงเมืองหลวง เฉินฮุ่ยเจินก็เข้ารับตำแหน่งผู้บัญชาการหน่วยพยัคฆ์ขาวทันที ดังนั้นกำลังทหารในมือครึ่งหนึ่งของเขาถูกโยกย้ายให้รัชทายาทเป็นผู้ดูแล

เมื่อเข้าไปรายงานตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงเดินทางกลับจวนอันกั๋วกง

หลายปีแล้วที่เฉินฮุ่ยเจินไม่ได้กลับมาเมืองหลวง เพราะตั้งแต่ที่ติดตามบิดาไปค่ายทหารก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย

ถนนหนทางรวมถึงทุกอย่างเปลี่ยนไปจากเดิม ท้องฟ้าในเมืองหลวงตอนนี้ค่อยๆ มืดลง โคมไฟในจวนอันกั๋วกงถูกจุดสว่างไสว

เมื่อได้ข่าวว่าหลานชายคนเดียวของตระกูลเฉินจะกลับมา ฮูหยินผู้เฒ่าจึงให้บ่าวไพร่จัดการเตรียมอาหารขึ้นโต๊ะหลายอย่าง

ใบหน้าของฮูหยินผู้เฒ่ารวมถึงมารดาและน้องสาวของเฉินฮุ่ยเจินยามนี้ต่างประดับด้วยรอยยิ้ม ทุกคนต่างเผ้ารอการกลับมาของเฉินฮุ่ยเจิน

ในที่สุดเงาร่างสูงของใครคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นกลางห้องโถงใหญ่ “ท่านย่า ท่านแม่ อาหลิน ข้ากลับมาแล้ว” ทุกคนต่างหันไปมองเจ้าของเสียงนั้นพร้อมกัน

เฉินฮุ่ยเจินคุกเข่าโขกศีรษะ “ข้าอกตัญญูทำให้ท่านย่า และท่านแม่เป็นห่วงแล้ว”

ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ได้เจอหน้าหลานชายหลายปี พลันบังเกิดความรู้สึกตื้นตันใจ หางตาจึงปรากฏน้ำใสๆ ขึ้นมา “เจินเอ๋อร์เจ้ารีบลุกขึ้นเถอะ เจ้ากลับมาก็ดีแล้ว ทุกคนต่างรอเจ้าอยู่”

ฮูหยินผู้เฒ่าเป็นผู้นำของตระกูลเฉิน หลังแต่งงานนางก็มีบุตรชายเพียงคนเดียว เพราะสามีของนางได้จากไปเร็ว ดังนั้นสิ่งที่นางทำได้ก็คือดูแลเฉินฮุ่ยเหลียงบุตรชายคนเดียวของนางเป็นอย่างดี

แต่สวรรค์ก็ไม่เห็นใจฮูหยินผู้เฒ่า หลังจากที่บุตรชายแต่งงานกับเจิ้งเหยียนถังได้ไม่กี่ปี ด้วยหน้าที่ๆ ต้องออกไปประจำการอยู่ชายแดนนานหลายปี และสุดท้ายก็เสียชีวิตในสนามรบในวัยสามสิบห้า

ตั้งแต่บุตรชายคนเดียวของนางได้จากไป ฮูหยินผู้เฒ่าก็ทุ่มเทความรักให้กับเฉินฮุ่ยเจินและเฉินลี่หลินมาโดยตลอด

ตระกูลอันกั๋วกงคงเหลือแค่เฉินฮุ่ยเจินคนเดียวที่จะเป็นผู้สืบทอดตระกูล เพราะบิดาของเฉินฮุ่ยเจินไม่ได้รับอนุ และเขาเองก็ได้เสียชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อย ดังนั้นความหวังทุกอย่างจึงตกไปอยู่ที่ตัวของเฉินฮุ่ยเจิน

แม้เฉินฮุ่ยเจินจะมีน้องสาว แต่ทว่าเมื่อครั้งที่ยังเป็นเด็กหลังกลับมาจากงานเลี้ยงในวัง จู่ๆ น้องสาวของเขาก็มีอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรงบริเวณเบ้าตา ผ่านไปหลายวันดวงตาของนางก็ค่อยๆ มองไม่เห็น

แม้กระทั่งหมอหลวงก็ไม่อาจสาเหตุของการตาบอดของนางได้

เฉินลี่หลินนั้นเป็นเด็กสาวที่สดใส อ่อนโยน แม้ดวงตาของนางจะมองไม่เห็นแต่ทว่าไม่ได้เป็นอุปสรรคในการดำเนินชีวิต นางยังคงชื่นชอบในเสียงดนตรี และฝีมือในการบรรเลงพิณนั้นนับว่าไม่เป็นรองใคร

บ่อยครั้งที่นางมักไปแสดงฝีมือการบรรเลงพิณให้แขกเหรื่อที่หอเย่วเซียงลี่ กิจการของตระกูลฟังอยู่บ่อยครั้ง

เช่นเดียวกันกับคืนนี้ เพื่อเป็นการต้อนรับการกลับมาของเฉินฮุ่ยเจิน นางก็ได้แสดงฝีมือด้านเสียงพิณให้พี่ชายฟัง หลังเล่นจบก็ได้รับคำชมไม่น้อยจากทุกคน

“ฝีมือของอาหลินนี่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ต่อให้พี่ชายไม่ได้มีทักษะในด้านนี้ แต่ก็พอจะฟังออกว่าเพลงที่อาหลินบรรเลงนั้นไพเราะยิ่งนัก” พลางยื่นมือไปขยี้ผมของเฉินลี่หลินอย่างเบามือ

เฉินลี่หลินยิ้ม “ขอบคุณพี่ชายเจ้าคะ”

“เจินเอ๋อร์” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ย “เจ้ากลับมาคราวนี้เจ้าคงไม่ได้ไปไหนอีกแล้วสินะ”

“ขอรับท่านย่า”

ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้ม “เช่นนั้นก็ดี เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรจะแต่งงานมีครอบครัวได้เสียที”

พอฮูหยินผู้เฒ่าพูดถึงเรื่องแต่งงานพลันมีภาพของไป๋ซูหนี่ว์ปรากฏขึ้นมาในหัวของเขา มุมปากจึงยกยิ้มเล็กน้อย พลางสลัดความคิดนี้ออกจากหัว

เฉินฮุ่ยเจินนั่งคุกเข่าจับมือฮูหยินผู้เฒ่าลูบเบาๆ “ด้วยหน้าที่และชื่อเสียงของหลานชายผู้นี้ของท่าน ยังจะมีแม่นางตระกูลไหนกล้าแต่งงานกับหลานหรือขอรับ”

พลางซบหน้าลงตรงขาฮูหยินผู้เฒ่า “อีกอย่างหลานเองเพิ่งจะกลับมายังอยากอยู่กับท่านย่า ท่านแม่ และอาหลินแบบนี้ไปก่อนไม่ได้หรือขอรับ หลานไม่รีบ”

ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มส่ายหน้าไปมา “ดูลูกชายตัวดีเจ้าพูดเข้าสิเหยียนถัง” ทุกคนต่างหัวเราะชอบใจกับคำพูดของเฉินฮุ่ยเจิน

เจิ้งเหยียนถังมารดาของเฉินฮุ่ยเจินนั้น เดิมมาจากตระกูลพ่อค้าที่ร่ำรวยอันดับหนึ่งในภาคใต้ของอานฉวน เพราะฮูหยินผู้เฒ่านั้นใจดีจึงไม่ได้ติดใจกับชาติตระกูลของนาง จึงยินดีให้บุตรชายของตนแต่งงานงานกับนาง

แม้จะอยากให้บุตรชายของตนนั้นแต่งงาน แต่ทว่าไม่อยากอยากบีบบังคับบุตรชายให้แต่งกับคนที่ไม่ได้รัก เพราะนางกับบิดาของเขาก็ต่างแต่งงานด้วยความรักทั้งคู่

ขอเพียงแค่เขาเป็นคนดีและรักบุตรชายของตนไม่ว่าจะมาจากตระกูลไหนก็ไม่สำคัญ

การต้อนรับเล็กๆ ของคนในจวนอันกั๋วกงจบลงในยามไฮ่* ทุกคนต่างแยกย้ายกันไปพักผ่อน แต่ทว่ามีเพียงเฉินฮุ่ยเจินที่ยังไม่นอน แสงไฟในห้องของเขายังไม่ดับ

“ลู่จิว เรื่องของคนที่ลอบทำร้ายข้า คนของเราสืบข่าวมาได้หรือยัง”

“คนของเราบอกว่าพวกนั้นเป็นชาวยุทธภพ เวลาลงมือไม่ค่อยทิ้งร่องรอย และมีที่อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง ยากที่จะตามสืบ อีกอย่างพวกเขาจะรับจ้างเฉพาะคนที่สามารถจ่ายค่าตอบแทนที่สูงลิบลิ่วได้เท่านั้นขอรับ”

“คนที่สามารถจ่ายค่าตอบแทนที่สูงได้ ในเมืองหลวงคงมีไม่กี่คนหรอก” เขาหมวดคิ้วเข้าหากัน “ข้าเข้าใจแล้วเจ้าไปพักผ่อนเถอะ”

“ขอรับ”

*ยามไฮ่ คือ ช่วงเวลา 21.00 – 22.59 น.

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel