บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 ช่วยคนแปลกหน้า - 2

แต่ทว่าด้วยเหตุอันใดมิอาจทราบได้ นางสามารถรอดพ้นจากประตูผี เมื่อฟื้นขึ้นมากลับพบว่า ร่างกายของนางหายเป็นปรกติ

ทั้งร่างกายยังสามารถต้านทานพิษได้ทุกชนิด ดวงตาที่เคยดำขลับดั่งลูกกวางเปลี่ยนเป็นสีน้ำผึ้ง สร้างความดีใจและประหลาดใจให้กับบิดาและมารดาของนางยิ่งนัก

บ่ายคล้อยของอีกวันชายหนุ่มที่ไป๋ซูหนี่ว์ช่วยชีวิตไว้จึงได้ฟื้นคืนสติ ชายหนุ่มเริ่มกวาดสายตาไปรอบๆ พบเห็นหญิงสาวแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่เรียบง่ายกำลังบดยาอยู่ ภายในห้องมีกลิ่นของสมุนไพรคละคลุ้งไปทั่ว

“ที่นี่ที่ไหน และเจ้าเป็นใคร” เพิ่งฟื้นจากอาการบาดเจ็บเสียงของเขาจึงแผ่วเบา ทำให้ไป๋ซูหนี่ว์ไม่ได้ยินในสิ่งที่เขาพูด เขาจึงรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี พยายามจะลุกขึ้นแต่อาการบาดเจ็บอย่างรุนแรงไม่สามารถทำให้เขาลุกขึ้นได้ทันที เมื่อทำท่าจะลุกกลับปวดร้าวตรงบริเวณหน้าอก

โอ๊ยยย.....

เสียงร้องของเขาทำให้ไป๋ซูหนี่ว์ได้ยิน นางจึงละมือจากการบดยาเดินเข้ามาดูอาการของชายหนุ่ม

“ท่านอย่าเพิ่งลุกขึ้นเลย เดี๋ยวบาดแผลของท่านจะฉีกขาดเอา”

“เจ้าเป็นคนช่วยชีวิตข้าอย่างนั้นหรือ” ชายหนุ่มจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความสงสัย

ไป๋ซูหนี่ว์ยิ้ม “ใช่แล้ว ท่านฟื้นก็ดีแล้ว ข้าจะไปตักโจ๊กมาให้ คาดว่าท่านก็คงจะหิวเช่นกัน กินเสร็จจะได้กินยา”

ชั่วครู่ไป๋ซูหนี่ว์ก็ถือถาดที่มีทั้งอาหารและยาเข้ามานั่งลงข้างๆ เตียง ช่วยพยุงร่างของชายหนุ่มให้ลุกขึ้น

“สีหน้าท่านยังไม่ค่อยดีเลย เดี๋ยวข้าจะป้อนท่านเอง”

ชายหนุ่มอยากจะปฏิเสธคำพูดนี้ของนาง แต่ทว่าร่างกายของเขายามนี้กลับไร้เรี่ยวแรงแล้วจริงๆ จึงได้แค่ทำตามที่นางพูด

“ร่างกายของท่านบาดเจ็บสาหัสพอสมควร” พลางตักโจ๊กป้อนให้เขา “ทั้งยังถูกพิษอีก ท่านคงต้องฟักฟื้นสักระยะร่างกายจึงจะกลับมาเป็นปกติ”

ชายหนุ่มก้มลงไปมองที่ร่างกายของตนเอง พบว่าตรงหน้าอกมีผ้าพันแผล แต่ส่วนอื่นบนร่างกายกลับไม่มีเสื้อผ้า มีเพียงผ้าห่มที่คลุมร่างเอาไว้เท่านั้น

“เจ้าเป็นคนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ข้าหรือ”

“แน่นอนว่าต้องเป็นข้าอยู่แล้ว”

เมื่อนึกถึงเรือนร่างของชายหนุ่มตรงหน้าทำให้หัวใจของไป๋ซูหนี่ว์เต้นเร็วขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

ที่จริงนางก็เขินอายอยู่มากที่ต้องลงมือถอดเสื้อผ้าให้เขา เพราะนางเองก็เพิ่งเคยเห็นเรือนร่างของบุรุษที่ปราศจากเสื้อผ้าเป็นครั้งแรก ทำให้ระหว่างที่พูดนางก็ก้มหน้าเป่าโจ๊กที่อยู่ในมือตลอดเวลาไม่กล้าสบตาเขา

“แต่ท่านไม่ต้องกังวลไปหรอก เพราะหน้าที่ของหมอคือการช่วยชีวิตโดยไม่แบ่งแยกชายหญิง ทุกอย่างที่ทำเพื่อรักษาชีวิต ทั้งนั้น ถ้าข้าไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เกรงว่าท่านคงจะหนาวตายไปแล้ว”

แม้ทุกอย่างจะเป็นจริงอย่างที่นางพูด แต่ในใจก็บังเกิดความรู้สึกหลากหลายจนบอกไม่ถูก พลันสายตาก็จับจ้องไปที่นาง

“เช่นนั้นก็ขอบคุณเจ้ามาก”

รอยยิ้มบนใบหน้าของไป๋ซูหนี่ว์ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง “เห็นท่านปลอดภัยข้าก็เบาใจ โจ๊กหมดถ้วยแล้วท่านอิ่มหรือไม่ ถ้ายังไม่อิ่มข้าจะไปตักมาเพิ่มให้ท่าน”

“ไม่ต้องแล้ว ข้าอิ่มพอดี”

“เช่นนั้นท่านก็กินยาเถอะ จะได้พักผ่อน”

“เจ้าอาศัยอยู่ที่นี่คนเดียวหรือ”

“เดิมทีที่นี่เป็นแค่ที่ทดลองปรุงยาของข้า ข้าอาศัยอยู่ที่หุบเขาฝั่งโน้นกับท่านพ่อท่านแม่ แต่เมื่อข้าช่วยท่านมาแล้วข้าก็ต้องอยู่เฝ้าท่านที่นี่ทั้งคืน ข้าไม่กล้าพาท่านไปยังบ้านที่พ่อแม่อาศัยอยู่ เพราะเกรงว่าพวกเขาจะเป็นกังวล”

“ลำบากแม่นางแล้ว”.

“ข้าขอทราบชื่อแซ่ของท่านได้หรือไม่ ข้าจะได้เรียกถูก ส่วนข้าชื่อไป๋ซูหนี่ว์”

“เรียกข้าว่าฮุ่ยเจินเถอะ”

“จริงสิ ข้ายังมีเรื่องต้องไปทำอีก ท่านก็พักผ่อนอยู่ที่นี่ให้ดีเถอะ รับรองว่าไม่มีใครมารบกวนท่าน”

ชายหนุ่มพยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่นางพูด พลางทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนเอง

ฮุ่ยเจินหรือเฉินฮุ่ยเจินบุตรชายคนโตแห่งตระกูลอันกั๋วกง ชายหนุ่มผู้สุขุมนุ่มลึก จิตใจเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ บิดาเป็นแม่ทัพแห่งแคว้นอานฉวน บิดาของเขาเป็นผู้ที่มากด้วยความสามารถ

เขาเข้าร่วมในกองทัพตั้งแต่ยังเด็กและเคยนำทหารออกรบเคียงข้างบิดามาหลายปี เรียกว่าความสามารถไม่ด้อยไปกว่าผู้เป็นบิดา ว่ากันว่าพยัคฆ์ย่อมไม่ออกลูกเป็นสุนัข*

ในตอนที่เฉินฮุ่ยเจินอายุสิบสอง เขาเคยนำทัพเสริมมีทหารหนึ่งพันนายไปช่วยบิดาและทหารที่ถูกชาวเฉิงจับเป็นตัวประกัน

แม้จะตระหนักดีว่ากำลังทหารของตนมีน้อยกว่าชาวเฉิง แต่หาได้หวั่นเกรงไม่ เขาได้ใช้กลยุทธ์ส่งเสียงตะวันออกโจมตีตะวันตก* โดยแบ่งทหารออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งหลอกล่อให้ชาวเฉิงเข้าใจผิด อีกฝ่ายนำกำลังคนเข้าจู่โจมแบบกระทันหัน ไม่ให้อีกฝ่ายตั้งตัว ท้ายที่สุดฝ่ายของเฉินฮุ่ยเจินก็ได้รับชัยชนะ เขาสามารถปลิดชีพผู้นำชาวเฉิงได้ ส่วนทหารที่เหลือของชาวเฉิงต่างยอมศิโรราบให้กับเขา นอกจากนี้ยังสามารถยึดครองแผ่นดินของชาวเฉิงมาเป็นของอานฉวนได้ด้วย

ด้วยเหตุนี้ ภายหลังเมื่อบิดาเสียชีวิตในสนามรบ ความดีความชอบที่เขาเคยทำไว้ ทำให้เขาถูกเลือกขึ้นเป็นแม่ทัพ

ตอนนั้นเขามีอายุเพียงสิบห้าปี เรียกว่าเป็นแม่ทัพที่อายุน้อยที่สุด ในเวลานั้นฉายาที่ผู้คนเรียกขานเขาคือ แม่ทัพปีศาจ

หลังจากที่ขึ้นเป็นแม่ทัพได้ห้าปี เขาก็ถูกเรียกตัวให้กลับไปรับตำแหน่งผู้บัญชาการหน่วยพยัคฆ์ขาวที่เมืองหลวง แต่ระหว่างทางกลับถูกลอบทำร้ายจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด

*พยัคฆ์ย่อมไม่ออกลูกเป็นสุนัข เป็นสำนวน หมายถึง บิดาที่โดดเด่นเก่งกาจย่อมมีบุตรที่ไม่ธรรมดาตามไปด้วย

*ส่งเสียงตะวันออกโจมตีตะวันตก เป็นสำนวน หมายถึง วิธีทำให้อีกฝ่ายเข้าใจผิด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel