บทที่ 1 ช่วยคนแปลกหน้า - 1
ฤดูฝนของทุกปี สรรพสิ่งล้วนเบ่งบานต้นไม้ใบหญ้าเขียวชอุ่ม เช่นเดียวกันกับพืชสมุนไพรต่างๆ ที่อยู่ในหุบเขาอ้ายฉิงก็ถึงฤดูกาลแตกกิ่งก้านสาขา
ถัดเข้าไปในป่ายังมีสหายสองคนหญิงชาย กำลังก้มหน้าก้มตาช่วยกันเก็บสมุนไพรอย่างสบายใจ
“อาหนี่ว์นี่ก็บ่ายแล้ว วันนี้เราก็กลับกันเถอะ” เจาซานเซินเด็กหนุ่มผิวขาวอายุราวๆ สิบห้าปีบุตรชายเจ้าของคณะละครม่านฉินเอ่ยขึ้น “สมุนไพรที่เจ้าต้องการถ้ายังไม่ครบก็ค่อยขึ้นมาเก็บในวันพรุ่งนี้เถอะ ข้ายังต้องกลับไปซ้อมกับคนที่คณะละคร ถ้าไปช้าเดี๋ยวท่านแม่จะบ่นข้าได้”
ไป๋ซูหนี่ว์หยุดมือชั่วคราวจากการเก็บสมุนไพร “จริงสิข้าลืมเสียสนิทเลยว่าเจ้าต้องกลับไปซ้อม เช่นนั้นเจ้าก็กลับไปก่อนเถอะ ข้าขอเก็บสมุนไพรต่ออีกหน่อย ประเดี๋ยวก็จะออกไปแล้ว”
“จะทำเช่นนั้นได้อย่างไรเล่า” คิ้วของเขาถูกขมวดเข้าหากัน “ถ้าเจ้าไม่กลับข้าก็ยังไม่กลับ ในป่านี้เต็มไปด้วยอันตราย ถ้าเกิดเจ้าเป็นอะไรขึ้นมาจะทำอย่างไร”
“นี่แหนะ” สมุนไพรที่อยู่ในมือของไป๋ซูหนี่ว์ถูกฟาดเบาๆ ลงบนศีรษะของเจาซานเซิน “เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าข้าไม่ใช่เด็กแล้วนะ ข้าไม่เป็นไรหรอกน่าเจ้าไม่ต้องห่วง ข้าเอาตัวรอดได้”
“ก็ได้ๆ” พลางเอามือปัดเศษดินที่อยู่บนหัวออก “เช่นนั้นเจ้าก็ดูแลตัวเองให้ดี ข้าไปก่อน”
“อืม”
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม* สมุนไพรที่เก็บได้ก็เริ่มเต็มตะกร้าของไป๋ซูหนี่ว์เมื่อได้สมุนไพรที่ต้องการแล้ว กอปรกับฝนทำท่าตั้งเค้ามานางจึงรีบมุ่งหน้าออกจากป่าทันที
ยังไม่ทันที่จะก้าวออกจากป่า พลันได้ยินเสียงคนกลุ่มหนึ่งกำลังส่งเสียงตะโกนไล่ล่ากันมา
ไป๋ซูหนี่ว์จึงรีบหาที่ซ่อนตัว
“หาตัวเขาให้พบคงหนีไปไหนไม่ไกลหรอก อยู่ต้องเห็นคน ตายต้องพบศพ”
“ขอรับ” เสียงชายชุดดำห้าคนขานรับ แล้วแยกย้ายกันค้นหา
ใจของไป๋ซูหนี่ว์สั่นระรัวราวกับเสียงของฟ้าร้องในตอนนี้ ชั่วครู่ฝนที่ตั้งเค้ามาก็กระหน่ำลงมาอย่างหนัก ทำให้บรรยากาศมืดลงเร็วก็เดิม
ไป๋ซูหนี่ว์ไม่รอช้ารีบออกจากที่ซ่อนตัว แต่ทว่าเท้าของนางกลับไปสะดุดเข้ากับบางอย่างจนนางล้มลง
สมุนไพรที่นางสะพายเต็มหลังกระจัดกระจายลงเต็มพื้น นางจึงลุกขึ้นแล้วถอดตะกร้าออกจากหลัง พลางขยับเข้าไปใกล้คนที่นอนอยู่
คนนี่นา หรือว่าจะเป็นคนที่พวกชุดดำนั้นตามหา เลือดเต็มตัวเลย ตายแล้วหรือยังก็ไม่รู้
นางเพียงจะยื่นมือไปจับชีพจรตรงต้นคอของชายผู้นั้นดูเพื่อให้แน่ใจว่าตายแล้วหรือยัง
แต่ทว่ากลับถูกอีกฝ่ายคว้าข้อมือ พลิกตัวขึ้นคร่อมร่างของนางอย่างรวดเร็วพร้อมกับมีดจ่อที่คอ
“ใครส่งเจ้ามา”
ไป๋ซูหนี่ว์ตะลึงงัน เอ่ยด้วยเสียงตะกุกตะกัก “ ข้า ข้าแค่เข้ามาหาสมุนไพร ไม่มีใครส่งข้ามาทั้งนั้น”
ชายผู้นั้นพึมพำเบาๆ ร่างกายเขาสั่นไหว คล้ายกำลังอดทนกับความเจ็บปวด ดวงตาเริ่มปิด มือที่กำมีดจ่อคอของไป๋ซูหนี่ว์ค่อยๆ คลายลง ร่างของเขาล้มลงข้างๆ นาง
ไป๋ซูหนี่ว์ถอนหายใจอย่างแรง รวบรวมสติจะหนีจากตรงนั้น แต่ทว่าด้วยสัญชาตญาณของความเป็นหมอทำให้นางกลับมาช่วยเขา ไม่อาจปล่อยให้เขานอนตายกลางป่าเช่นนี้ได้
นางจับชีพจรและตรวจดูร่างกายของเขาก็พบว่า เขาถูกฟันเข้าที่หน้าอก บาดแผลยาวประมาณสิบชุ่น* ทั้งยังมีลูกธนูที่อาบยาพิษปักอยู่ที่ไหล่ขวา ลมหายใจรวยรินอาการสาหัสพอสมควร
นางจึงหยิบยาลูกกลอนที่อยู่ในกระเป๋าใบเล็กข้างเอวยัดเข้าไปในปากเขาอย่างรวดเร็ว
พร้อมดึงลูกธนูออก นำสมุนไพรที่กระจัดกระจายอยู่เมื่อครู่ มาห้ามเลือด ชายกระโปรงถูกฉีกออกมาเพื่อพันแผลเอาไว้ชั่วคราว แล้วพยุงร่างของเขาออกจากป่าอย่างทุลักทุเล
ฝนที่ตกลงมายังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ผ่านไปนานเท่าใดมิอาจรู้ได้ รู้ตัวอีกทีร่างบางๆ ของนาง ไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ช่วยชายคนนั้นออกจากป่ามาได้ จนทั้งสองมาถึงบ้านหลังเล็กของนางที่สร้างไว้ใกล้ตีนเขา
นางรีบจัดแจงเปลี่ยนเสื้อผ้าและทำแผลให้เขาใหม่ทันที เสร็จแล้วจึงไปจัดการกับตัวเอง
คืนนี้ไป๋ซูหนี่ว์ไม่ได้กลับไปนอนที่บ้านในหุบเขาอ้ายฉิง เพราะนางได้บอกมารดาเอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าวันนี้จะเข้าป่าไปหาสมุนไพร และจะนอนที่บ้านหลังเล็กเลย
บ้านหลังเล็กของนางเรียกว่าสงบและห่างไกลจากสายตาของผู้คน มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเอาไว้เป็นสถานที่ทดลองยาอีกแห่งหนึ่งของนาง
ครอบครัวของไป๋ซูหนี่ว์เป็นตระกูลหมอยาแห่งหุบเขาอ้ายฉิง เป็นตระกูลที่เชี่ยวชาญเรื่องวิชาการแพทย์เป็นอันดับต้นๆ ของแคว้นอานฉวน
ไป๋ซูเหวินและเมิ่งซูฉีบิดามารดาของนางเป็นศิษย์ร่วมสำนักเดียวกัน ดังนั้นตั้งแต่เด็กจนโตไป๋ซูหนี่ว์จึงได้เรียนรู้วิชาการแพทย์มาจากบิดามารดา
ด้วยความที่ไป๋ซูหนี่ว์เป็นคนที่หัวเร็ว นางสามารถจดจำทุกอย่างได้เพียงแค่เห็นผ่านตาเท่านั้น ดังนั้นตำราแพทย์ทุกเล่มนางจึงจดจำได้ขึ้นใจ
รวมเข้ากับการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอในการคัดแยกสมุนไพร ความสามารถของนางจึงนำหน้าทุกคนในหุบเขาอ้ายฉิงไปหลายก้าว พรสวรรค์ข้อนี้ของนางทำให้ทุกคนต่างยอมรับ
ถึงนางจะเป็นคนที่สามารถจดจำทุกอย่างได้รวดเร็ว แต่ทว่าในวัยเด็กไป๋ซูหนี่ว์นั้นค่อนข้างที่จะเติบโตมาอย่างยากลำบาก เพราะร่างกายของนางไม่ค่อยแข็งแรง
ดังนั้นบิดาของนางจึงมักคิดค้นสูตรยาขึ้นมาใหม่เสมอ เพื่อใช้รักษาร่างกายของนางสูตรแล้วสูตรเล่า เรียกว่าสมุนไพรที่ดีที่สุดหายากที่สุดได้ถูกนำมาใช้กับนางจนหมดสิ้น แต่ร่างกายของนางกลับไม่อาจดีขึ้นเลย
ต่อให้ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงและด้วยความซุกซนของเด็ก วันหนี่งนางได้แอบตามบิดาเข้าไปหาสมุนไพรในป่า นางได้ถูกพิษของดอกซางหลีดำ ทำให้นางหมดสติไปถึงเจ็ดวัน เดิมทีคิดว่าจะไม่รอดแล้ว เพราะพิษจากดอกซางหลีดำนั้นนั้นรุนแรงยิ่งนัก ทุกคนที่โดนเข้าไปไม่อาจมีชีวิตรอดได้
*ชั่วยาม หมายถึง หน่วยนับเวลาของจีนโบราณ 1 ชั่วยาม เท่ากับ 2 ชั่วโมง
*ชุ่น เป็นหน่วยวัดความยาวของจีนโบราณ 1 ชุ่น เท่ากับ 1 นิ้ว
