ตอนที่ 7 นางเอกนิยายหรือเปล่าเนี่ย
ตอนที่ 7 นางเอกนิยายหรือเปล่าเนี่ย
หลังจากที่ชิงเถาได้รู้จักกับเชี่ยนเชี่ยนเทพธิดากึ่งภูตตัวน้อยแล้ว นางก็กลับไปทำงานต่อเช่นเคย วันนี้งานก็ได้ออกไปซื้อของแล้วได้กำไรจากการต่อราคามาเกือบร้อยอีแปะเชียวล่ะ ช่วงหน้าหนาวช่างเป็นช่วงหาเงินของนางเสียจริง เพราะสินค้าต่างๆ ก็พากันขึ้นราคากันเกือบเท่าตัว ยิ่งราคาแพงนางยิ่งต่อราคาได้เยอะ
ก่อนเข้านอนชิงเถาออกมานั่งเล่นใต้ต้นไม้ใกล้ๆ กับเรือนพักคนงานที่ตนอาศัยอยู่ เนื่องจากเรือนพักเป็นห้องหลายห้องเรียงต่อกัน เป็น 2 เรือนโดยหันหน้าเข้าหากัน นางนั่งอยู่ระหว่างเรือนทั้งสองฝั่งซึ่งมีแสงเทียนอยู่หน้าห้องพักคนงานอยู่ตรงที่นางนั่งจึงไม่มืดนัก
“เชี่ยนเชี่ยนน้อยออกมาหน่อย” นางเริ่มเรียกหาตัวช่วยตัวน้อยของนางทันที
แต่ไร้วี่แวว
“เชี่ยนเชี่ยนอยู่ไหนเนี่ยได้ยินมั้ย” ชิงเถาเรียกหา
เงียบ ได้ยินเพียงเสียงบ่าวคุยกันอยู่ในห้อง
“สองเชี่ยนออกมาทีเถอะ”
“หรือว่าต้องลองเรียกอย่างที่นางบอกจริงๆ ขัดปากข้าจริงๆ เอาก็เอา ท่านเทพธิดาผู้งดงามที่สุดในปฐพีนามเชี่ยนเชี่ยนออกมาให้ข้าน้อยได้ยลโฉมด้วยเถิด” ชิงเถากล่าวออกมาด้วยเสียงประชดประชันเล็กน้อย
‘ว่าอย่างไรชิงชิงมีเรื่องอะไรรึ หรือว่าแค่อยากยลโฉมของข้า’ เสียงหวานฉ่ำเพราะพอใจกับคำเรียกขานมาก่อนตัว เชี่ยนเชี่ยนตัวน้อยปรากฏตัวให้เหตุอยู่ข้างหน้าของชิงเถา จริงๆ นางก็มาตั้งแต่ชิงเถาเรียกครั้งแรกแล้วล่ะแต่ยังไม่พอใจกับคำเรียกขาน
“เรื่องยโฉงยลโฉมเอาไว้ก่อนเถอะ ข้ามีเรื่องให้ช่วยน่ะ” ชิงเถารีบพูดสิ่งที่นางต้องการออกมา
‘ลองว่ามาสิ’ เชี่ยนเชี่ยนเลิกเล่นเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายมีท่าทางจริงจัง ร่างเล็กลอยอยู่กลางอากาศระดับใบหน้าของชิงเถา สองแขนอวบกอดคัดเอาไว้กับหน้าอก
“เจ้าสามารถช่วยเรื่องเงินทองได้หรือไม่ ข้าอยากจะปลดตนกับครอบครัวจากการเป็นบ่าวอยากมีบ้านเป็นของตนเอง” ชิงเถาพูดสิ่งที่ต้องการออกมาด้วยสีหน้าและแววหน้าจริงจัง
‘ตัวข้ารึจะต้องได้เงินทอง ข้าไม่มีให้เจ้าหรอก’ เชี่ยนเชี่ยนพูดออกมาอย่างไม่รู้สึกผิดใดๆ
“อ้าว ก็ไหนว่าช่วยได้ ไม่แน่จริงนี่หว่า” อดไม่ได้ที่จะแซะกลับไป
‘แต่ก็ใช่ว่าจะหามาไม่ได้นะ เงินทองข้าไม่มีแต่ช่วยเจ้าหามาได้’
“ยังไงเหรอๆ อธิบายให้เข้าใจหน่อยสิ” ชิงเถาเมื่อได้ยินก็ถามออกมาด้วยความตื่นเต้น
‘ก็อย่างที่เจ้าชอบต่อราคาข้าก็สามารถช่วยให้เถ้าแก่ลดให้เจ้าเพิ่มได้อีกนิดหน่อย ถ้ามีเงินตกข้างทางข้ามองเห็นได้เร็วนะ ข้ามองออกว่าใครดีใครร้ายเวลาเจ้าซื้อขายจะได้เจอแต่คนใจดีๆ ไง หรือว่าเจ้าจะไปเป็นขอทานข้าทำให้ผู้คนสงสารเจ้ามากจนให้เงินได้นะ’ เชี่ยนเชี่ยนเสนอแนวทาง
“นอกจากอันสุดท้ายที่เจ้าว่ามาก็น่าจะหาเงินได้เพิ่มขึ้นอยู่นะ เอาอย่างที่เจ้าว่าล่ะกัน ถ้ามีอะไรให้ช่วยข้าจะเรียกเจ้าเป็นครั้งๆ ไปล่ะกัน ตอนนี้ข้าขอไปนอนก่อนนะ” ชิงเถาลุกขึ้นเตรียมจะลุกเข้าห้องพักอันเก่าๆของนางหลังจากที่พูดคุยกันรู้เรื่องแล้ว เพราะจะหวังไปมากกว่านี้คงยังไม่ได้ เดี๋ยวจะได้ตีกันกับเจ้าตัวเล็กซะก่อน
‘เดี๋ยวก่อน ทีหลังจะเรียกข้าไม่ต้องตะโกนออกมาก็ได้นะ แค่สื่อจิตเรียกข้ามาก็พอ เดี๋ยวคนจะหาว่าเจ้าเป็นบ้าเอาได้’ ก่อนจะไปก็ถูกรั้งไว้ก่อน
“ทำอย่างนั้นได้ด้วยเหรอ แล้วไอ้สื่อจิตถึงเนี่ยมันต้องทำยังไง” ชิงเถาถามออกมาด้วยความไม่รู้จริงๆ
‘เอาเป็นว่าเจ้าแค่นึกถึงรูปร่างอันงดงามของข้าแล้วตะโกนชื่อข้าในใจก็พอ ตกลงมั้ย’ เชี่ยนเชี่ยนทำหน้าเหมือนผู้ใหญ่กำลังสอนเด็กทำอะไรสักอย่างที่ มันก็ไม่ได้ยากแต่เด็กก็ทำไม่ได้สักที
“เข้าใจแล้วๆ ครั้งหน้าข้าจะเรียกเจ้าอย่างนั้น วันนี้ฝันดีนะสองเชี่ยน” ชิงเถาว่าจบก็เดินเข้าห้องพักไปทันที ไม่ได้สนใจอีกฝ่ายที่กำลังรู้สึกเช่นไรกับการได้ชื่อเรียกใหม่จากนาง
‘ยัยมนุษย์ขี้เกียจข้าชื่อ เชี่ยนเชี่ยน ไม่ใช่สองเชี่ยน ข้าจะสาปเจ้า สาปเป็น เป็น อื้ยยยย’ เชี่ยนเชี่ยนตะโกนตามหลังชิงเถาไป พร้อมกับดิ้นไปมากลางอากาศ
“อาเถา เจ้าเอาข้าวปลาสำรับนี้ไปที่เรือนไผ่ที่ท้ายจวนหน่อยนะ นี่ก็สายมากแล้วทำไมอาเป่ยไม่เห็นมารับสำรับไปให้คุณหนูของนางกัน” หัวหน้าโรงหัวกล่าวกับชิงเถา
“ได้เจ้าค่ะ ถาดนี้ใช่มั้ยเจ้าค่ะท่านลุงหัวหน้า” ชิงเถาชี้ไปทางถาดอาหารที่วางไว้ตรงหน้า หลังจากเห็นหัวหน้าโรงครัวพยักหน้าให้นางก็เดินไปหยิบแล้วเดินเอาอาหารไปส่งทันที
“เถาเอ๋อร์ให้แม่ไปแทนดีมั้ยลูก” นางลี่จูที่ได้ยินหัวหน้าเรียกใช้ลูกตนนางจึงอาสาจะไปแทนเพราะเรือนนั้นอยู่ไกลนัก เอ่อ... แม่ลี่จูลืมคิดหรือเปล่าว่าเวลาลูกสาวออกไปซื้อของข้างนอกเดินไกลกว่านี้หลายเท่านัก
“ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ ท่านแม่กินข้าวเถอะ ข้าเคยไปป่าไผ่ด้านหลังใกล้กับเรือนนั้นอยู่ ข้าไปได้” ชิงเถาบอกกับมารดาเพราะนางอยากให้มารดาได้พักสักครู่ก็ยังดี เดี๋ยวก็ต้องเริ่มเตรียมอาหารมื้อต่อไปแล้ว ไหนจะงานจิปาถะหลายอย่างในจวนอีก
เรือนไผ่ท้ายจวน จริงๆ แล้วเป็นเรือนเล็กที่ไม่ได้มีการตั้งชื่ออะไร แต่ทุกคนเรียกเพราะมันอยู่ท้ายจวนที่เป็นป่าไผ่ เรือนที่ว่านี้เป็นที่อาศัยของเทียนซืออิ๋งบุตรสาวคนโตของรองเจ้ากรมพิธีการเทียนลู่เหวินหรือนายท่านจวนนี้นี่เอง แต่เหตุที่นางต้องมาอยู่ที่เรือนเก่าๆ เล็กๆ นี้ก็เนื่องจากว่ามารดาแท้ๆ ของนางซึ่งเป็นฮูหยินรองของท่านรองเจ้ากรมเกิดเสียเลือดอย่างมากหลังที่คลอดนาง ทำให้มารดานางเสียชีวิตตั้งแต่พึ่งลืมตาดูได้ไม่ถึงวัน เลยทำให้มีช่องว่างให้คนอื่นกลั่นแกล้งซึ่งก็คือฮูหยินใหญ่นั้นเองที่สร้างเรื่องขึ้นมา
ฮูหยินใหญ่ว่าร้ายให้กับเทียนซืออิ๋งว่าเป็นตัวอัปมงคลแม้กระทั้งแม่ตนนางยังทำให้ตายได้ ถ้าคนอื่นอยู่ใกล้ก็จะตายไปด้วย ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าเชื่อดังคำนางแต่ง จะทำอย่างไรได้ก็ไม่มากเพราะครอบครัวของฮูหยินรองที่เสียไปก็ค้าขายที่เมืองหลวงแห่งนี้ถึงจะไม่ได้ใหญ่โตอะไรแต่ก็ต้องไว้หน้ากันบ้าง จึงทำได้แค่กีดกันเทียนซืออิ๋งมาอยู่ที่เรือนท้ายจวนพร้อมกับสาวใช้ส่วนตัวของมารดาตนเท่านั้น
“เอาอาหารมาส่งเจ้าค่ะ” ชิงเถาหลังจากที่เดินมาถึงเรือนไผ่แล้วนางก็ตะโกนเรียกหาคนในเรือนทันที รีบออกมารับเถอะนางก็เริ่มหิวแล้วเหมือนกันนะ กว่าจะเดินกลับถึงโรงครัวนางต้องหิวมากแน่
“ใครรึเจ้าค่ะ” เสียงเด็กสาวคนหนึ่งแว่วออกมาจากในเรือนเล็ก
“ข้าอาเถาจากโรงครัว ไม่เห็นพี่สาวเป่ยไปรับอาหารจึงนำอาหารมาส่งเจ้าค่ะ” ชิงเถาตอบกลับไป
“รอเดี๋ยว” เสียงตอบจากในเรือน นั้นก็ตามมาด้วยเสียงเปิดประตูเรือน เด็กหญิงวัย 13 หนาว เดินออกมา แม้นางจะยังไม่ได้เป็นสาวเต็มตัว แต่ด้วยรูปร่างหน้าตานั้นฉายแววงามล่มเมืองนัก ทั้งผมดำขลับยาวสวยแต่อาจจะมีแห้งกรังเล็กน้อยเนื่องจากไม่ได้ดูแลอย่างดี หรือจะผิวที่ขาวดังหยกล่ำค่า ปากเป็นกระจับ ถึงตาจะไม่ได้โตนักแต่แพรขนตาที่ยาวนั้นโดดเด่นมาก ‘นี่มันนางเอกนิยายชัดๆ ทั้งรูปร่างหน้าตา แล้วก็ดวงที่ซวยตั้งแต่เกิด นี่มันนางเอกอาภัพชัดๆ’ ชิงเถาคิดหลังจากพิจารณาเด็กสาวข้างหน้า
“สำรับเจ้าค่ะ” ชิงเถายื่นถาดอาหารให้กับคุณหนูใหญ่ของจวน
“แล้วพี่สาวเป่ยไปไหนรึเจ้าค่ะ ไม่เห็นออกไปรับสำรับ” ชิงเถาถามออกมาด้วยความสงสัย เพราะปรกติสาวใช้นามว่าเป่ยจะมารับอาหารเป็นคนแรกๆ เสมอ
“อาเป่ย ไม่สบายตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ตอนนี้นางยังนอนไม่ได้สติเลย”
“นางน่าจะเป็นไข้ ตอนนี้ตัวก็ยังร้อนๆ อยู่ ข้าก็ไม่รู้จะทำยังไงดี”
“ข้าขอเข้าไปดูอาการพี่สาวเป่ยได้มั้ยเจ้าค่ะ เผื่อจะช่วยอะไรได้” ชิงเถาเอ่ยออกมาพร้อมสายตาที่มองเข้าไปในเรือน
“ได้สิ เชิญข้างในก่อน” เทียนซืออิ๋งตอบตกลงพร้อมเปิดทางให้ชิงเถาเดินเข้าไป