ตอนที่ 2 จุดเริ่มต้นของเรื่องราวในอดีต
แปดปีก่อน
สตรีที่มีดวงหน้างดงามราวกับเทพเซียน อีกทั้งยังมีคุณสมบัติที่เพียบพร้อมกลายเป็นที่หมายปองของบุรุษทั่วทั้งเมืองฮวาหลาน บัดนี้นางกำลังเดินชื่นชมตลาดที่อยู่กลางเมืองในยามเชิน ด้านหลังมีสาวรับใช้เดินติดตามนางถึงสองคน ร่างบางหยุดยืนเลือกเครื่องประดับอยู่ที่ร้านข้างทาง
“คุณหนูใหญ่เจ้าคะ ชิ้นนี้งามเหมาะกับคุณหนูยิ่งนักเจ้าค่ะ” หุ้ยเจินสาวรับใช้ออกความคิดเห็นทันทีที่เห็นคุณหนูของนางลังเลกับการเลือกเครื่องประดับตรงหน้าซึ่งเป็นกำไลหยกขาวและหยกสีเขียว
“จริงหรือหุ้ยเจิน” เสียงหวานเอ่ยถามออกมา
“จริงเจ้าค่ะ”
“บ่าวก็เห็นด้วยกับพี่หุ้ยเจินเจ้าค่ะ” ชีโยวสาวรับใช้อีกคนของคุณหนูใหญ่สกุลฉินแสดงความคิดเห็นออกมาเช่นกัน
“ถ้าเช่นนั้น ข้าเอาชิ้นนี้แหละจ้ะ” หุ้ยเจินหยิบเงินจ่ายให้กับคนขายทันที ส่วนชีโยวเป็นคนรับเครื่องประดับชิ้นนั้นมาเก็บไว้ให้คุณหนูของนาง
สาวงามวัยแรกแย้มยามเยื้องย่างไปทิศทางใดก็มักจะเป็นจุดสนใจของเหล่าบุรุษ ปีนี้ฉินเซี่ยหรูมีอายุได้สิบหกปีแล้ว ปีที่ผ่านมานางเพิ่งจะเข้าพิธีปักปิ่นไป แต่เป็นเพราะนางยังมิได้เร่งรีบที่จะออกเรือนจึงอยู่กับบิดามารดามาจนถึงวันนี้ ในขณะที่ฉินเซี่ยหรงผู้เป็นน้องสาวที่อายุห่างกันเพียงหนึ่งปีได้ออกเรือนไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อน กับจอหงวนจากสกุลโจวเพราะทั้งสองคนรักกันด้วยใจ สำหรับฉินเซี่ยหรูนางมิอาจรู้ว่าความรักคือสิ่งใดจนได้พบกับเขาผู้นี้
“เขาคือผู้ใดกันหรือ” บุรุษรูปงามที่ขี่ม้าผ่านหน้านางไปไม่แม้แต่จะมองมายังนางเช่นเดียวกับบุรุษคนอื่น
“แม่นาง… นั่นคือใต้เท้าหวง หวงจิงอวี่ หัวหน้าองครักษ์หน่วยเสือดำ บุตรชายคนโตของสกุลหวง เขาสอบขุนนางผ่านตั้งแต่อายุยังน้อย ยามนี้น่าจะอายุราวๆ สิบเก้าปีแล้วเจ้าค่ะ” เจ้าของร้านซาลาเปาที่นางหยุดอยู่หน้าร้านเอ่ยขึ้นมาทันทีที่ได้ยินสตรีตรงหน้าเอ่ยถามสาวรับใช้ที่ติดตาม
“ใต้เท้าหวงหรือจ๊ะ อายุสิบแปดได้เป็นใต้เท้าแล้วหรือ” เสียงหวานเอ่ยถามออกมาด้วยความสนใจ แต่ก็ยังคงสงวนท่าทีของตนเพื่อมิให้เกินงาม
“ใช่เจ้าค่ะ เขาเป็นบุรุษที่โดดเด่นในเมืองฮวาหลาน มีตระกูลขุนนางและพ่อค้าอยากที่จะยกบุตรีให้แต่งงานกับเขา แต่ยามนี้เขายังมิได้เลือกสตรีนางใดไปเป็นภรรยาเอกเลยเจ้าค่ะ”
ฉินเซี่ยหรูพยักหน้าให้กับเถ้าแก่เนี้ยที่บอกเล่าเรื่องราวของบุรุษหนุ่มที่น่าสนใจให้นางได้ฟัง จากนั้นนางจึงเดินนำสองสาวรับใช้คนสนิทไปยังรถม้าของจวนสกุลฉินที่หยุดรอรับนางอยู่ที่หน้าโรงเตี๊ยมซีไหลเพื่อกลับจวน
จวนสกุลฉิน
ขณะที่คุณหนูใหญ่กำลังลงจากรถม้า นางก็ต้องรู้สึกแปลกใจที่ได้เห็นว่ามีรถม้าของผู้มาเยือนยังจวนของนาง ร่างบางเดินนำสองสาวรับใช้เข้าไปด้านใน แต่ขณะที่กำลังจะเดินผ่านเรือนใหญ่ บ่าวรับใช้ในเรือนกลับเรียกนางเอาไว้ เท้าที่กำลังจะก้าวเดินกลับเรือนนอนของตนต้องชะงักแล้วเปลี่ยนทิศทางไปยังเรือนรับรอง ณ ยามนี้มีผู้มาเยือนซึ่งนางมิเคยได้พบหน้าที่ไหนมาก่อน สตรีรูปร่างท้วมวัยน่าจะใกล้เคียงกับมารดานั่งคุยกับบิดาและมารดาของนางอยู่
“หรูเอ๋อร์… กลับมาแล้วหรือลูก มาคารวะท่านป้าจินม่ายก่อนเร็ว”
เสียงของมารดาที่ฟังดูยินดีเมื่อได้เห็นหน้านางดังขึ้นทันทีที่ฉินเซี่ยหรูเดินเข้าไปถึง สตรีที่มาเยือนหันมามองหน้าพร้อมทั้งแอบใช้สายตาสำรวจร่างกายของผู้มาใหม่พลางยิ้มออกมาด้วยความพอใจ
“หรูเอ๋อร์… คารวะท่านป้าจินม่ายเจ้าค่ะ” นางเดินไปหยุดอยู่กลางห้องโถงที่มีเก้าอี้อยู่สองฝั่ง แต่ขณะนี้ฝั่งขวามีสตรีที่นางคำนับนั่งอยู่ก่อนแล้ว
“อืม… ตามสบายหรูเอ๋อร์….”
คุณหนูใหญ่สกุลฉินจึงเดินไปนั่งฝั่งทางซ้ายอย่างเรียบร้อย กิริยามารยาทที่งดงามสมกับเป็นสตรีที่เป็นที่หมายปองของบุรุษทั้งเมืองทำให้สตรีที่มาเยือนรู้สึกพอใจ
หวงฮูหยินหรือ หวงจินม่าย วันนี้ที่นางมาเยือนจวนสกุลฉินเป็นเพราะอยากจะมาดูตัวสตรีไปเป็นภรรยาเอกให้กับบุตรชายคนโตอย่างหวงจิงอวี่ที่วันๆ เอาแต่จับดาบ ออกลาดตระเวนมิยอมเอ่ยปากอยากมีคู่ครองสักที จนอายุอานามก็ล่วงเลยไปสิบเก้าปีย่างยี่สิบปีแล้ว นางจึงต้องออกมามองหาสตรีที่เหมาะสมไปเป็นภรรยาเอกให้แก่บุตรชาย สกุลหวงยังต้องการทายาทเพื่อสืบสกุลต่อไปเพราะมีหวงจิงอวี่เป็นบุตรชายเพียงคนเดียว ที่เหลือคือบุตรีอีกสามคน
“งดงาม กิริยาเรียบร้อยสมกับเป็นหญิงงามแห่งเมืองฮวาหลานจริงๆ” หวงฮูหยินเอ่ยชมสตรีวัยแรกแย้มตรงหน้าออกมาจากใจจริง
“กว่าจะได้แบบนี้น้องก็สั่งสอนอยู่นานหลายปีเลยเจ้าค่ะ” มารดาของฉินเซี่ยหรูเอ่ยพลางหัวเราะออกมา เรียกเสียงหัวเราะจากผู้มาเยือนเช่นกัน
“ได้ขนาดนี้ก็ถือว่าเจ้าเก่งมากแล้วแหละน้องหญิง” หวงฮูหยินหันไปคุยกับฉินฮูหยินอย่างชอบใจ
นางอยู่พูดคุยเพื่อสังเกตเด็กสาวนานเกือบครึ่งชั่วยามก่อนที่จะขอตัวกลับไป ระหว่างที่พูดคุยกันอยู่นั้น ฉินเซี่ยหรูจึงได้รับรู้ว่าท่านป้าที่มาเยือนเป็นมารดาของบุรุษผู้นั้น บุรุษที่มิชายตาแลมองนางเลยสักนิดในตลาดเมื่อยามเชิน
หลังจากหวงฮูหยินเดินทางออกจากจวนสกุลฉินไปแล้ว ใต้เท้าฉินกับฉินฮูหยินก็บอกให้บุตรสาวคนโตอยู่พูดคุยกันก่อนที่นางจะกลับเรือนกลาง ซึ่งเป็นเรือนนอนของนาง
“เจ้าพอจะทราบแล้วใช่หรือไม่ว่าท่านป้าหวงเขามาที่นี่เพื่อเหตุใด” บิดาเป็นฝ่ายเอ่ยถามออกมาก่อน
“มาเยี่ยมท่านพ่อกับท่านแม่ใช่หรือไม่เจ้าคะ” แน่นอนว่านางพอจะคาดเดาออกแม้จะมิได้ยินกับหูว่าหวงฮูหยินต้องการที่จะสู่ขอนางให้ไปเป็นภรรยาเอกให้กับบุตรชาย หวงจิงอวี่ ฉินเซี่ยหรูมิได้รู้สึกตื่นเต้นหรือดีใจจนเกินงาม แต่นางก็ปิดบังแววตาที่แสดงออกถึงความพอใจไม่มิด
“หึๆ เจ้าแกล้งเย้าพ่อเล่นใช่หรือไม่” ใต้เท้าฉินมองออกว่าบุตรีของตนมิได้โง่เขลา นางมองออกหากมีผู้ใหญ่ที่มิเคยมาเยี่ยมเยือนที่จวนมาก่อนแล้วมาเยี่ยมเยือนเช่นนี้ต้องเป็นเรื่องทาบทามสู่ขอนางไปเป็นสะใภ้เข้าสกุลเขาเป็นแน่
“คิกๆ ลูกทราบเจ้าค่ะท่านพ่อท่านแม่ ท่านป้าหวงมาดูตัวลูกใช่หรือไม่เจ้าคะ” ฉินฮูหยินพยักหน้าก่อนที่จะเอ่ยถามขึ้น
“แล้วเจ้าคิดว่าเช่นไร กับสกุลหวงแม่ว่าดีนะ โอกาสในภายภาคหน้าเจ้าอาจจะได้ยศถาบรรดาศักดิ์ตามว่าที่สามีเพราะแม่ได้ยินว่าบุตรชายของสกุลหวงได้เป็นหัวหน้าองครักษ์ตั้งแต่อายุเพียงสิบแปด ยากนะที่จะหาคนที่เหมาะสมกับเจ้าได้ถึงเพียงนี้”
แม้ในใจของฉินเซี่ยหรูจะบอกว่าเร็วเกินไปสำหรับเรื่องแต่งงาน แต่นางก็มิอาจปฏิเสธได้ว่านางถูกใจใบหน้าหล่อเหลาของบุรุษท่าทางสง่างามผู้นั้น และนางก็มิคิดว่าในเมืองฮวาหลานแห่งนี้จะมีบุรุษใดเหมาะสมกับนางเท่าเขาอีกแล้ว
“มันก็จริงอย่างที่ท่านแม่กล่าว.. เรื่องนี้ลูกให้ท่านพ่อกับท่านแม่ตัดสินใจแทนข้าได้เลยเจ้าค่ะ”
คำตอบของบุตรสาวเรียกรอยยิ้มแห่งความดีใจที่ปิดไม่มิดออกมาจากทั้งใต้เท้าฉินและฉินฮูหยิน มีผู้ใดบ้างจะมิอยากให้บุตรสาวของตนได้แต่งงานกับบุรุษที่มีหน้าที่การงานที่ดี
สามวันต่อมาแม่สื่อจึงนำของสินสอดมาส่งให้แก่เจ้าสาวที่บ้านก่อนที่จะให้แต่งออกเรือนไปในอีกเจ็ดวันข้างหน้าตามฤกษ์ยามที่ฝ่ายสกุลหวงหามา ในขณะที่ฝ่ายเจ้าสาวรู้สึกยินดีไปกับการได้เกี่ยวดองกับสกุลหวงในครานี้ แต่ทว่ามิใช่กับว่าที่เจ้าบ่าวอย่างหวงจิงอวี่ เขามิได้ชื่นชอบสตรีที่มีความเก่งกาจเพียงแค่ในจวนหรือเป็นบุตรีของขุนนาง แต่เขากลับชื่นชอบสตรีที่เป็นเพียงหญิงสาวธรรมดา และเขาก็มีคนที่เขารักอยู่แล้ว
“ท่านแม่… เหตุใดท่านมิปรึกษาข้าก่อนขอรับ ข้ามิอยากได้สตรีที่งามแต่รูปมาเป็นภรรยา”
เขาบ่นออกมาทั้งๆ ที่ยังมิได้เห็นหน้าว่าที่ภรรยาเลยสักครั้ง เขาเคยได้ยินเพียงชื่อเสียงของนางที่เหล่าบุรุษเอาไปพูดคุยกันถึงความงดงาม แต่ความงามมิใช่สิ่งที่เขาต้องการ
“ถือว่าแต่งเพื่อสกุลหวงของเราก็แล้วกันนะอวี่เอ๋อร์… ให้นางมาเป็นภรรยาเอกให้ผู้คนภายนอกได้ชื่นชม แล้วเจ้าจะรับอนุมากี่คนแม่ก็จะไม่ว่า” หวงฮูหยินเกลี้ยกล่อมบุตรชาย
“และอีกอย่างแม่ได้พบนางแล้วสองครั้ง นางมิได้มีดีเพียงแค่รูปโฉมเช่นที่เจ้ากล่าวมาหรอกนะ แต่นางยังทำอาหารเก่ง เรื่องเย็บปักก็เป็นเลิศ ฉินที่เจ้าฝึกมิเคยได้นางก็ดีดได้อย่างคล่องแคล่ว หาสตรีที่ดีและเพียบพร้อมเช่นนี้มิได้อีกแล้วนะ สำหรับภรรยาเอกเจ้าก็รู้ว่าต้องเป็นบุตรีที่แต่งมาจากภรรยาเอกเท่านั้น เห็นแก่แม่เถิด หลังจากแต่งงานกันไป เจ้าอาจจะเปลี่ยนใจก็เป็นได้”
“เช่นนั้นก็ได้ขอรับ ข้าจะยกตำแหน่งภรรยาเอกให้กับนาง” แต่ความรักเขามิอาจให้นางได้ หรือแม้แต่สัมผัสร่างกายนางเขาก็มิอยากทำ
“ดีๆ เจ้าเป็นลูกที่เชื่อฟังพ่อกับแม่มากที่สุดอวี้เอ๋อร์ อย่าลืมว่าลูกคือความภูมิใจของสกุลหวงของเรา”
หวงฮูหยินเอ่ยออกมาอย่างวางใจ ขอเพียงบุตรชายยอมแต่งบุตรีสกุลฉินเข้ามา ก็สามารถทำให้ภายในจวนของนางมั่นคงได้ เพราะมีลูกสะใภ้คนโตที่เพียบพร้อมจนสกุลอื่นต้องพากันอิจฉาริษยา
หวงจิงอวี่คำนับลาบิดามารดาก่อนที่จะขอตัวกลับหน่วยเสือดำ สถานที่ทำงานที่เขาพอใจและมีใครบางคนรอคอยเขาอยู่ไม่ไกลจากที่แห่งนั้นโดยที่บิดาและมารดามิเคยรับรู้เรื่องที่เขาปิดบังเอาไว้มาก่อนเลย
เจ็ดวันต่อมา
จวนสกุลฉินถูกประดับตกแต่งไปด้วยผ้าแพรสีแดงรวมไปถึงโคมไฟสีแดง ชุดผ้าแพรไหมปลิวสไวไปตามแรงลมที่พัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างเอื่อยๆ ร่างเล็กของสาวแรกแย้มที่ต้องออกเรือนในวันนี้กำลังถูกแต่งหน้าและทำผมตั้งแต่ยามเหม่าเพื่อเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวซึ่งถือเป็นครั้งเดียวในชีวิตของสตรี
“ตื่นเต้นหรือไม่เจ้าคะท่านพี่” น้องสาวคนรองเอ่ยถามพี่สาวขณะที่ลงมือแต่งหน้าให้นาง
“อืม… คราก่อนที่เจ้าแต่งพี่ว่าน่าตื่นเต้นแล้ว แต่พอมาเป็นคราของตัวเองบ้าง พี่กลับรู้สึกตื่นเต้นยิ่งกว่า”
“เรื่องนั้นมันก็แน่นอนอยู่แล้วล่ะเจ้าค่ะคุณหนูใหญ่” หุ้ยเจินบอกคุณหนูของตน นางและชีโยวก็จะได้ติดตามคุณหนูใหญ่ของนางออกไปอยู่ที่จวนสกุลหวงด้วยเช่นกัน
“หุ้ยเจิน ชีโยว แต่นี้ต่อไปข้าฝากดูแลพี่ใหญ่ของข้าด้วยนะ” คุณหนูรองฉินเซี่ยหรงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงห่วงใย นางรู้สึกเห็นใจที่พี่สาวต้องออกเรือนไปกับบุรุษที่นางมิได้รัก แต่นางแต่งออกไปก็เป็นเพราะเห็นแก่หน้าบิดามารดา
“บ่าวสองคนจะดูแลคุณหนูใหญ่เป็นอย่างดี คุณหนูรองสบายใจได้เจ้าค่ะ”
ชีโยวรับปากคุณหนูรอง ฉินเซี่ยหรูพยักหน้าขึ้นลงด้วยความสบายใจก่อนที่ทั้งสตรีสี่นางจะหยุดการสนทนาแล้วรีบแต่งตัวให้เจ้าสาว ซึ่งขบวนเจ้าบ่าวจะเดินทางมารับไปทำพิธีต่อที่จวนสกุลหวงในยามเฉินหลังจากทำพิธียกน้ำชาส่งตัวจากบ้านเจ้าสาวเสร็จ ฉินเซี่ยหรูในยามนั้นมิได้รู้เลยว่า เส้นทางที่นางเลือกเดินไปคือทางที่ทำให้นางต้องทุกข์ใจไปจนวันสุดท้ายของชีวิตของนาง