ได้กลับมาครานี้...ข้าจะไม่แต่งงาน

140.0K · จบแล้ว
หลงเวลา/จู้หมิง
83
บท
40.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ฉินเซี่ยหรู คุณหนูใหญ่แห่งสกุลฉิน นางสิ้นอายุขัยจากการถูกสามีอย่าง หวงจิงอวี่ทำร้ายจิตใจด้วยการรับอนุเข้ามาอยู่ในจวนมากมาย เขามิเคยร่วมเตียงกับนางเลยสักครั้งจนอนุที่รับมานั้นตั้งครรภ์ อำนาจในการดูแลเรือนของนางจึงดูไร้ค่า เพราะแม่ของสามีก็ดูถูกที่นางมิสามารถมีทายาทสืบสกุลได้ นางจะมีได้เช่นไรกัน ในเมื่อสามีที่แต่งนางมานั้นมิเคยร่วมเตียงกับนางเลยสักครา จนนางตรอมใจและดับสูญไปในที่สุด ผู้ใดจะรู้เรื่องราวหลังจากนั้น ฉินเซี่ยหรูได้กลับชาติไปเกิดในร่างของหลานสาวขี้โรคของนาง แต่ทว่าการได้เกิดใหม่ในครั้งนี้ทำให้ร่างกายของหลานสาวนั้นกลับมาแข็งแรงราวปาฏิหารย์ สตรีที่เคยมีอายุยี่สิบสามปี แต่บัดนี้กลับกลายมาอยู่ในร่างของเด็กหญิงอายุเจ็ดขวบ นางตั้งมั่นเอาไว้แล้วว่าในอนาคต นางจะมิยอมแต่งงานอีกต่างหาก แต่เหตุใดเมื่อได้พบเจอกับเขา นักปราชญ์หนุ่มที่เพิ่งย้ายมา เขาทำให้นางได้รู้จักความรักที่แท้จริง... ความรักที่ไม่เคยได้รับรักตอบจากชาติภพก่อน

นิยายจีนโบราณนางเอกเก่งดราม่าจีนโบราณโรแมนติกพระเอกเก่ง18+

ตอนที่ 1 การเริ่มต้นใหม่...กับชีวิตใหม่

ยามชวีในเหมันตฤดู ร่างเล็กของเด็กหญิงวัยเจ็ดขวบที่นอนหลับไม่ได้สติมานานถึงสามคืนเริ่มขยับกายไปมาบนเตียงนอนไม้ขนาดกว้าง ผ้าแพรสีขาวปลิวไสวไปตามแรงลมที่พัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างเอื่อยๆ ข้างเตียงมีสตรีที่มีใบหน้างดงามแต่ทว่ากลับฉายแววถึงความกังวลออกมา นางกำลังนั่งรอคอยให้เจ้าของร่างเล็กที่นอนหลับไปนานเกือบสามคืนตื่นมาพูดคุยกับนางเช่นแต่ก่อน เด็กหญิงผิวขาวแต่ทว่ามีดวงหน้าซีดเซียวเริ่มขยับปาก

“น้ำ…ข้าหิวน้ำ” เปลือกตาของนางค่อยๆ เปิดก่อนที่เสียงเล็กแหบแห้งจะดังขึ้นมา

“เจินเจิน… เจ้าตื่นแล้วหรือลูก” น้ำเสียงที่คุ้นเคยทำให้เจ้าของร่างเล็กหันไปมอง

“น้องหญิงรอง…” คนที่เพิ่งจะรู้สึกตัวเปล่งเสียงออกมาจากริมฝีปากเล็กแต่คนที่ได้ยินเช่นนั้นกลับแสดงสีหน้างุนงงออกมา

“เจ้าเรียกแม่ว่าเช่นไรนะเจินเอ๋อร์ นี่แม่ของเจ้าอย่างไรเล่า เจ้าร้องเรียกผู้ใดกัน” ร่างเล็กตาเบิกโพลงพลางพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งก่อนที่จะสำรวจไปรอบๆ

“ข่ะ…ขอกระจกให้ข้าหน่อยเถิดเจ้าค่ะ”

เมื่อบุตรีเอ่ยปากขอออกมา โจวฮูหยินหรือฉินเซี่ยหรงจึงสั่งให้บ่าวรับใช้ที่คอยดูแลโจวเจินเจิน บุตรีคนโตของนางให้นำกระจกที่อยู่ข้างเตียงมาส่งให้ มือเล็กรับมาก่อนที่จะค่อยๆ ยกกระจกขึ้นมาส่อง นางจดจ้องคนในกระจกก่อนที่จะหันไปมองหน้าน้องสาวคนรองของตน

‘แย่แล้ว… เหตุใดข้าถึงมาอยู่ในร่างของหลานสาวของข้าได้ แล้วร่างกายของข้าเล่า ยามนี้คือความฝันหรือความจริงกันแน่’

คนที่เพิ่งได้กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้งคิดในใจก่อนที่จะยกกระจกขึ้นมาส่องใบหน้าเล็กอีกครา มือเล็กก็ยกขึ้นมาลูบหน้าจนคนที่มองมามีแต่ความงุนงง

“พวกเจ้า… มีผู้ใดไปตามท่านหมอมาหรือยัง” เสียงหวานรีบเอ่ยถามบ่าวในเรือนทันที

“อาอวี้ไปตามแล้วเจ้าค่ะนายหญิงใหญ่” บ่าวรับใช้คนสนิทของคุณหนูใหญ่ตอบออกมาพลางมองไปที่ร่างเล็กที่กำลังส่องกระจกอยู่ด้วยแววตาตื้นตัน

“ดะ…เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ…เอ่อ… ท่านป้าของลูกล่ะเจ้าคะ”

เสียงเล็กเปล่งออกมา ฉินเซี่ยหรูอยากจะแน่ใจว่านางมาเกิดใหม่ในร่างของหลานสาวจริงๆ มิใช่เพียงแค่สลับร่างกัน เพราะหากเป็นเช่นนั้น ผู้ที่ทุกข์ใจต่อไปก็คงจะเป็นหลานสาวของนางซึ่งนางมิได้ต้องการให้เป็นเช่นนั้น ความทรงจำก่อนที่นางจะหมดลมหายใจช่างเลือนรางนัก นางจดจำชั่วยามนั้นมิได้ แต่นางกลับจดจำเรื่องราวที่ผ่านมาได้ตั้งแต่ต้น เขาคนนั้น...ทำให้นางต้องกลายมาเป็นเช่นนี้

“เจินเอ๋อร์… ท่านป้าเซี่ยหรูของเจ้านางจากพวกเราไปเมื่อวันก่อนแล้วล่ะลูก” ฉินเซี่ยหรงตอบบุตรสาวออกมาทั้งน้ำตา

“จะ…จากไปแล้วเช่นนั้นหรือเจ้าคะ” เสียงแหบเล็กเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก

“เจ้ามิต้องเสียใจไปหรอกหนา ท่านป้าของเจ้านางมิต้องเป็นทุกข์อีกแล้ว"

ใบหน้าเล็กพยักขึ้นลงก่อนที่มารดาจะรวบตัวนางเข้าไปกอดเอาไว้ด้วยความห่วงใย น้ำตาไหลลงมาอาบใบหน้าเล็กอย่างมิอาจสะกดกลั้นเอาไว้ได้ ชีวิตของฉินเซี่ยหรูได้จบสิ้นไปแล้ว…

เสียงสะอื้นของบุตรสาวทำให้ฉินเซี่ยหรงกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น นางรู้ดีว่าบุตรสาวของนางรักท่านป้าเซี่ยหรูที่แสนดีมากเพียงใด เพราะนางเองก็รักและสงสารพี่หญิงใหญ่ของนางมิต่างกัน เหตุใดสตรีที่งดงามและดีพร้อมเช่นนั้นถึงต้องกลายเป็นคนที่มิสมหวังในชีวิตคู่ แล้วมีจุดจบที่น่าเวทนาเช่นนั้นได้ หลังจากที่ฉินเซี่ยหรูจากโลกใบนี้ไป สกุลฉินและสกุลหวงก็แตกหักกันโดยสิ้นเชิง และมิมีวันจะญาติดีกันได้อีกเป็นอันขาด

เมื่อท่านหมอตู้เดินทางมาถึงเรือนขนาดกลางของบุตรีคนโตของจวนสกุลโจว เขาก็เริ่มลงมือตรวจชีพจรของคุณหนูใหญ่ทันที ชีพจรของนางทำให้ท่านหมอตู้รู้สึกแปลกใจยิ่งนัก เพราะว่าชีพจรของนางในยามนี้ไม่เหมือนก่อนหน้านี้เลยสักนิด ชีพจรของคุณหนูใหญ่สกุลโจวยามนี้เต้นเป็นปกติ แถมมีความหนักแน่นกว่าเมื่อก่อนอีกด้วย เขาจึงตรวจนางอีกครั้งเพื่อความแน่ใจแล้วจึงหันไปรายงานกับฮูหยินใหญ่ของจวนสกุลโจวด้วยน้ำเสียงยินดี

“โจวฮูหยิน ข้าน้อยได้ทำการตรวจชีพจรของคุณหนูใหญ่ดูแล้ว ยามนี้นางดีขึ้นมากแล้วขอรับและที่สำคัญไปกว่านั้น นางดูเหมือนจะกลับมาแข็งแรงกว่าเมื่อก่อน ช่วงนี้ท่านให้บ่าวในเรือนนำเทียบยานี้ไปร้านหมอ หากได้ยามาแล้วให้นำมาต้มให้นางดื่มเพื่อฟื้นฟูพละกำลัง พร้อมทั้งจัดหาอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมาให้กับนาง ข้าน้อยขอรับรองว่าไม่เกินสองอาทิตย์ คุณหนูใหญ่จะกลายมาเป็นเด็กที่ร่าเริงและมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงอย่างแน่นอนขอรับ”

“จริงๆ หรือท่านหมอตู้” โจวฮูหยินเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงดีใจ

นางมิเคยคิดมาก่อนเลยว่าการที่บุตรสาวสลบไปถึงสามคืนนั้นพอนางตื่นขึ้นมาแล้วจะหายดี ก่อนหน้าที่โจวเจินเจินจะสลบไป นางออกไปเดินเล่นกับสาวรับใช้ที่คอยดูแลอยู่ไม่ห่าง ดีที่ยามนั้นมิได้ล้มหัวฟาดพื้น หรือไปกระทบกับของแข็งเข้า แต่นางก็สลบไปถึงสามคืนโดยหาสาเหตุไม่ได้

“จริงๆ ขอรับ แต่สองสามวันนี้ต้องให้คุณหนูใหญ่ได้พักผ่อนและกินอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มยาต้มที่ข้าน้อยเขียนให้ในใบเทียบยา จากนั้นค่อยๆ ฟื้นฟูพละกำลังของนางด้วยการพาเดินออกกำลังกายบ่อยๆ เดี๋ยวร่างกายที่เคยอ่อนแรงก็จะค่อยๆ ดีขึ้นเองขอรับ”

หมอตู้เอ่ยออกมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ก่อนที่จะขอตัวกลับโรงหมอของตน โจวฮูหยินจึงสั่งให้บ่าวในจวนพาท่านหมอตู้ขึ้นเกี้ยวของจวนไปส่งที่ร้านหมอของเขา ซึ่งอีกฝ่ายก็มิได้ปฏิเสธน้ำใจของโจวฮูหยินด้วยเห็นว่านางกำชับแล้วกำชับอีกให้เขากลับไปอย่างสบาย มิเช่นเหมือนตอนมาที่ถูกพาขึ้นหลังม้ามาอย่างมิทันได้เตรียมตัว

“เจินเอ๋อร์… เจ้าหิวหรือไม่ แม่จะให้คนนำโจ๊กข้าวมาให้เจ้า”

เด็กหญิงพยักหน้า ยามนี้ฉินเซี่ยหรูพอจะรับรู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนแล้ว แม้จะมิอาจรู้ได้ว่าหลานสาวของนางสิ้นอายุขัยหรืออย่างไร แต่ในเมื่อนางมาอยู่ในร่างของหลานสาวที่นางรักแล้ว นางก็จะใช้ชีวิตให้ดีๆ และมิยอมตกเป็นทาสของคำว่ารักอีกเป็นอันขาด