Siren & Tie - 4 ผู้ชายแบบที่ไม่ชอบ
Siren & Tie - 4
ผู้ชายแบบที่ไม่ชอบ
“จอดตรงนี้”
เขาเอ่ยขึ้นเมื่อแท็กซี่มาถึงหน้าประตู คนขับแท็กซี่ตาเป็นประกายทันทีกับสิ่งที่ตัวเองพบเห็นบ้านขนาดใหญ่ตกแต่งอย่างหรูหราเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าท่ามกลางถนนสองข้างทางที่เต็มไปด้วยป่าพอขับมาเรื่อย ๆ จะเจอบ้านหลังใหญ่ขนาดนี้
“นี่เงิน”
“ขะขอบคุณครับ โอ๊ยย!!” คนขับแท็กซี่ร้องลั่นเมื่อโดนผู้โดยสารกระชากคอเสื้ออย่างแรงพร้อมดวงตาคมที่จ้องจนรู้สึกขนลุกซู่
“อย่าริอาจไปบอกใครเกี่ยวกับทางที่ขับมา ถ้ารู้เมื่อไหร่ไม่ใช่แค่แกแต่ครอบครัวแกได้โดนขุดหลุมฝังทั้งเป็นกลางป่าแน่” คำพูดของไซเรนทำคนขับแท็กซี่กลัวจนหัวหดทั้งน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกกับดวงตาสีดำสนิทที่จ้องมองเหมือนจะฆ่าให้ตายเขาจึงรีบตอบด้วยความกลัว
“ครับ ๆ ได้เลยครับผมจะไม่บอกใครอย่างแน่นอน!” ไซเรนยกยิ้มอย่างพอใจก่อนจะเปิดประตูลงเขามองสัญลักษณ์ประจำตระกูลของตัวเองที่ติดอยู่หน้าประตู มันคือหัวของมังกรที่กำลังคาบตัวอักษรย่อของตระกูลอยู่
“เจ้านาย!!” ไซเรนปรายตามองบรรดาลูกน้องที่วิ่งกรูเข้ามาด้วยสีหน้าตกใจ แต่เขาเพียงมองเงียบ ๆ เท่านั้น
“เจ้านายหายไปไหนมาครับ พวกผมติดต่อไม่ได้ทั้งคืน แล้วแผล..เฮ้ยไปตามหมอมาดูอาการเจ้านายเดี๋ยวนี้!”
“อย่าเสียงดังได้ไหมไอ้ชินไอ้เวร แก้วหูกูจะแตกไอ้เชี่ยนี่!” ไซเรนสบถออกมาทุกคำพูดเหมือนเก็บกดมานานเขาขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิดก่อนจะเดินเข้าบ้านไป
“แผลลึกมากแต่ได้รับการรักษาได้ดีมากเลยครับ ไม่ทราบว่าคุณชายไปหาหมอคนไหนมา” ไซเรนนิ่งไปชั่วครู่กับคำพูดของหมอประจำตระกูล ชายคนนั้นเป็นเพียงชายธรรมดาแต่เบื้องลึกเบื้องหลังเขาก็ยังไม่รู้อะไรมากเลยไม่ได้ตอบคำถามไป
“ช่างมันเถอะ ไอ้ชินเตรียมรถให้กูหน่อย” ไซเรนบอกกับลูกน้อง มองหมอที่ขอตัวออกไปเพราะรู้ว่าถ้ายังคาดคั้นจะเอาคำตอบคงจะต้องไปหาคำตอบใต้ต้นมะม่วงแทนแน่
“เจ้านายจะไปไหนครับผมว่าเจ้านายควรพักผ่อน” ชินลูกน้องคนสนิทเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นแผลและใบหน้าของผู้เป็นหน้าที่ซีดเผือดแต่เมื่อได้อาบน้ำเปลี่ยนชุดและทำแผลใหม่เจ้าตัวก็ดูดีขึ้นมากแล้ว
“กูจะไปหาว่าที่เมีย”
“ครับ!?”
“เลิกตะลึงแล้วไปเตรียมรถให้กูซะ!..ขอรถที่เท่และหรูหราที่สุด บอกให้สาวใช้จัดช่อดอกไม้ให้ด้วยขอแบบหวาน ๆ น่ารัก ๆ” ชินถึงกับอึ้งไปกับประโยคและคำสั่งของอีกฝ่าย ใบหน้าของเจ้านายตอนที่สั่งนั้นมีแต่รอยยิ้มที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนดูอ่อนโยนผิดปกติ
“มึงจะยืนนิ่งอีกนานไหมหรือต้องแดกลูกปืนสักสองสามนัดก่อนถึงจะไปได้” ไซเรนเอ่ยขึ้นพร้อมกับสีหน้าที่แผ่รังสีความน่ากลัวออกมา
“จะไปเดี๋ยวนี้แหละครับ!” ชินรีบก้มหัวและรีบวิ่งออกไปทันทีพร้อมกับใจที่เกือบจะหล่นไปถึงตาตุ่ม จังหวะที่เขาคิดว่าเจ้านายดูอ่อนโยนเขาคงจะมองผิดไปเพราะนิสัยแท้จริงของเจ้านายตัวเองไม่มีความอ่อนโยนสักนิด…ย้ำว่าสักนิด สักนิดแบบนิดก็ไม่เคยมี!
....
“เทียร์แกหาที่ฝึกงานได้ยัง?”
“ยังไม่ได้เลยอะส้ม” เทียร์ตอบเพื่อนสนิทด้วยน้ำเสียงหดหู่ เธอพยายามหาที่ฝึกงานที่เหมาะกับตัวเองแล้วแต่ก็ยังไม่เจอบริษัทที่ใช่แต่พอเจอบริษัทที่ใช่บริษัทนั้นเธอก็ไม่ชอบอีก
“ก็เหลือที่เดียวแล้วปะ”
“ที่ไหนอะ?” เทียร์ถามพลางเคาะปากกาลงโต๊ะเบา ๆ
“บริษัทตระกูลแบล็คไง” เทียร์ฟังชื่อบริษัทที่เพื่อนพูดมาก่อนถอนหายใจ บริษัทนี้เป็นบริษัทที่ตรงกับความต้องการของเธอแต่ว่า…
“แกก็รู้ฉันไม่ชอบผู้ชายปากหมานิสัยไม่ดีชอบกดขี่คนอื่นคิดว่าตัวเองใหญ่มาจากไหนกัน มาเฟียงั้นเหรอ แหวะ พวกนั้นเป็นได้แค่นักเลงเท่านั้นแหละ!” เทียร์ร่ายยาวออกมาเป็นชุด ตระกูลแบล็คเป็นตระกูลผู้ทรงอิทธิพลอย่างมากในแวดวงทางสังคม ซึ่งเมื่อก่อนปกครองโหดเหี้ยมกว่านี้มาก ใครทรยศคือจับฝังทั้งเป็นจนได้ฉายามาเฟียแห่งแวดวงสังคมไปครอง
แต่ตอนนี้ตระกูลแบล็คเปลี่ยนรุ่นใหม่แล้วแม้จะไม่มีข่าวฉาวเรื่องน่ากลัวออกมาแต่ขึ้นชื่อว่าตระกูลแบล็คก็น่ากลัวเหมือนกันหมดอีกทั้งรุ่นลูกที่เข้ามา บริหารก็โหดร้ายไม่ต่างจากรุ่นพ่อเลยสักนิดเท่าที่เธออ่านข่าวเจอมาน่ะนะ
“แต่ฉันได้ยินมาว่าคนที่มารับช่วงต่อคือลูกชายคนกลางหล่อมากเลยนะ” เทียร์เบ้ปากด้วยความไม่สนใจต่อให้จะหล่อเหลามากแค่ไหนแต่ถ้านิสัยไม่ดีก็ไม่เห็นน่ามองเลยสักนิดเดียว
“เห้อช่างมันเถอะเดี๋ยวที่ปรึกษาก็คงเข้ามาช่วยฉันหาที่ฝึกงานเองแหละ” ส้มส่ายหน้าเบาๆ กับนิสัยของเพื่อนสนิทไอนั่นก็ไม่เอาไอนี่ก็ไม่เอาช่างเรื่องมากเสียเหลือเกินทั้งๆ ที่มันแค่กการฝึกงานเพื่อเอาใบจบเท่านั้น
“ตามใจงั้นฉันกลับก่อนนะแกก็กลับบ้านดีๆ ล่ะอย่าหอบอะไรไปให้พ่อแกช่วยเหลืออีกนะ” ส้มชี้นิ้วเอ่ยเตือนเทียร์เพราะเธอก็รู้มาบ้างว่าเทียร์เห็นอะไรผิดแปลกไปไม่ได้ต้องรีบเข้าไปช่วยเหลือตลอดก่อนจะมอบภาระให้กับผู้เป็นพ่อแทนส่วนตัวเองแค่หาภาระมาให้เท่านั้น
“ที่จริงฉันก็พึ่งแบกไปนะ” คำพูดของเทียร์ทำส้มชะงักไปทันที ก่อนจะนั่งลงอีกครั้งพร้อมเอ่ยถาม
“แกแบกสัตว์อะไรไปให้พ่ออีกล่ะเต่า? งู? หรือตัวเห้” ใบหน้าสวยบู้ปากเล็กน้อยกับคำพูดของเพื่อนแต่สิ่งที่เพื่อนพูดมาเธอก็เคยอุ้มไปให้พ่อดูหมดแล้วเช่นกันเลยเถียงอะไรออกไปไม่ได้
“ไม่ใช่สัตว์หรอกแต่เป็นคนน่ะหล่อมากด้วย>.