13.ห่วงหลานเป็นเรื่องธรรมดา
สองวันต่อมา สายของวัน
เปลือกตาสวยเปิดออกแล้วก็ปิดลง มันเป็นอยู่เช่นนั้นหลายครั้งจนกระทั่งได้ยินเสียงเรียกของคนคุ้นเคย
“นายหญิงฟื้นแล้ว ต้าจงไปตามท่านหมอที” ใจ๋ใจ๋รีบเข้ามาประคองผู้เป็นนาย พร้อมกับจ่อจอกน้ำใส่ปาก เพราะสองวันมานี้ไฉ่เล่ออิงไม่ได้สติเลย นางต้องหิวน้ำมากเป็นแน่
“ข้าหลับไปนานหรือ พี่ถึงได้ดูกังวลเพียงนี้” ถามเสียงแหบพร่า นางเป็นหมอแน่นอนว่าต้องเดาอาการตนได้อยู่แล้ว
“สองวันเจ้าค่ะ จับไข้ตัวสั่นเชียว” บอกเสียงเครือ ขอบตาก็รื่นไปด้วยน้ำใสที่พร้อมจะไหลลงตลอดเวลา
“หึหึ ขี้แยอีกแล้วนะ ข้าก็ฟื้นแล้วยังจะร้องอีก” เย้าผู้ที่ยกมือปาดน้ำตา ก่อนจะยิ้มบางส่งให้ ถึงจะฟื้นแต่ร่างกายเล่ออิงก็ยังไม่มีแรง ใบหน้าก็ยังซีดเซียวบ่งบอกถึงอาการป่วยที่มี
“ท่านก็ชอบเป็นแบบนี้ ทำเหมือนทุกอย่างเป็นเรื่องเล็กน้อย รู้หรือไม่ข้าสองคนกินไม่ได้นอนไม่หลับเลย” ต่อว่าผู้เป็นนายเสียงเครือ น้ำตาก็ไหลมาราวทำนบแตก
“ขอโทษ คนจะป่วยมันหลีกเลี่ยงได้ที่ไหนกัน”
“แต่ที่นายหญิงเป็นเช่นนี้ก็เพราะเขามิใช่หรือ หากท่านไม่…ก็คงไม่ป่วยเพียงนี้” คราวนี้เป็นเสียงของต้าจงที่เอ่ยขึ้นมาและเว้นประโยคเอาไว้ เพราะไม่ต้องการให้คนนอกที่เดินเข้ามาด้วยได้ยิน แม้จะเป็นหมอที่ถูกจ้างมาประจำที่หอก็เถอะ
“เขาบอกหรือ” เล่ออิงเอ่ยถามทันที เพราะนึกไม่ถึงว่าท่านอาจะบอกเรื่องนี้กับคนของตน คิดว่าเขาจะปิดเงียบทำเหมือนไม่มีอะไรเสียอีก นางอุตส่าห์พาตนเองกลับมาห้องแล้วแท้ ๆ
“เจ้าค่ะ ยังกำชับให้ดูแลท่านให้ดี ทว่าตอนนี้หายหน้าไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ทิ้งไว้แต่องครักษ์สี่คนเท่านั้น”
“เขาคงไม่อยากพบข้ากระมัง” บอกเสียงเบา เล่ออิงรู้สึกใจหายอย่างไรไม่รู้ ทั้งที่ทีแรกก็เตรียมใจไว้แล้วว่ามันต้องเป็นเช่นนี้
ไม่ว่าชาติภพไหน ตนก็ไม่สามารถครองใจเขาได้เลยสินะ ขนาดหน้ามึนพลีกายให้แล้ว ไป่เสวียนก็ยังไม่ไยดีนางเลย หรือนางควรต้องตัดใจจากเขาแล้วจริง ๆ
ไฉ่เล่ออิงนั่งเหม่อนึกถึงเรื่องที่ผ่านมากว่าสิบสองปีแล้ว ทว่าในหัวกลับจำได้หมดไม่ว่าจะช่วงเวลาไหน โดยเฉพาะตอนที่ได้อยู่กับชายหนุ่มที่ตนแอบรัก เขาคือรุ่นพี่ในกองร้อย และเป็นหัวหน้าหน่วยในเวลาต่อมาหลังจากเรียนจบ
ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่เคยชายตามองนางในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งเลย นอกจากงานที่ทำร่วมกันเท่านั้น ไม่ต่างจากไป่เสวียนในภพชาตินี้เลย ยิ่งนึกก็ยิ่งอนาถตนเอง อุตส่าห์มีโอกาสเกิดใหม่และได้พบกับคนที่เหมือนทั้งหน้าและชื่อทั้งที กลับต้องโชคร้ายเมื่อเขาดันมีนิสัยเหมือนรุ่นพี่คนนั้นด้วย ความคิดชั่ววูบจึงบังเกิดขึ้น เมื่อนางหมายจะใช้เรือนร่างงดงามนี้มัดใจเขา แต่ดูท่ามันคงไม่ได้ผลเสียแล้ว นางช่างโง่เขลานัก
ฉีไป่เสวียนไม่ว่าจะอยู่ภพชาติไหน เขาก็คงเป็นบุรุษเย็นชาไร้ใจ ทำตัวเหมือนก้อนหินเช่นนี้กระมัง แม้แต่เรื่องบนเตียงก็ยังแข็งกร้าวไม่อ่อนโยน เขาเป็นแบบนี้แล้วนางจะไปต่ออย่างไรได้
เสียงทอดถอนใจดังขึ้น ก่อนที่ร่างไร้แรงจะเอนตัวลงนอนอีกครั้ง ไม่นานก็หลับไปทั้งที่มีเสียงพูดบ่นของสองพี่น้องอยู่
ใจ๋ใจ๋ดึงผ้าขึ้นมาคลุมให้ถึงอก ก่อนจะส่ายหัวให้กับความดื้อของผู้เป็นนาย คราแรกคิดว่านางแค่พูดเล่น ที่กล่าวว่าจะพลีกายตอบแทนบุญคุณไป่เสวียน ไม่นึกฝันว่าเล่ออิงจะทำจริง
ทว่าเรื่องทั้งหมดคงมีแค่เจ้าตัวเท่านั้นที่รู้
ห้าวันต่อมา ยามโหย่ว [17:00-18:59]
ภายในหอน้ำชาทุกอย่างยังคงเป็นปกติราบรื่นดี ไม่มีใครมาหาเรื่องหรือก่อกวนอีก เพราะคนของไป่เสวียนคอยคุมจนไม่มีใครกล้าแผลงฤทธิ์สร้างความวุ่นวาย
ส่วนคดีของบุตรชายกั๋วกงก็เงียบหายไป ราวกับไม่มีอันใดเกิดขึ้นเลย ทว่าคนผู้นี้ก็ยังวนเวียนมาที่หอนางโลมทุกวัน และถามหาท่านหมอคนงามว่าอยู่ที่ใด
จนได้ความว่าแท้ที่จริงแล้วนางคือเถ้าแก่เนี้ยของที่นี่ และยังดูแลอยู่ที่หอชาฮวาทุกวัน ลู่จินจงจึงรีบข้ามฝั่งมาทันที สตรีที่เขาหมายตาจะหลุดมือไปไม่ได้เป็นอันขาด
เมื่อมาถึงเขาก็มองหานางทันที ก่อนที่สายตาจะสะดุดเข้ากับสตรีชุดแดงเปิดไหล่ขาวเนียน ที่กำลังย่างกลายเดินขึ้นไปด้านบน เขารีบเดินตรงเข้าไปหาทันที พร้อมกับยื่นมือออกมาหมายจะคว้าไว้ ทว่าบางสิ่งกลับกระทบเข้ากับขาจนทำให้ทรุดคุกเข่าบนบันไดนั่นเอง ดีที่ไม่ร่วงตกลงไปกองด้านล่าง
เสียงหัวเราะจึงดังมาให้ได้ยิน ทำเอาลู่จินจงรู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก ทว่าบนความโชคร้ายที่มี ก็ยังมีความโชคดีอยู่บ้าง เมื่อมือขาวได้เอื้อมมาช่วยพยุงเขาให้ลุกขึ้น พร้อมกับใบหน้างามที่เขาถวิลหามาหลายวัน นางกำลังยิ้มบางให้เขา
“บาดเจ็บหรือเปล่าเจ้าคะ” เสียงหวานเปล่งออกมาอย่างห่วงใย ทว่าความเป็นจริงมันคือการเสแสร้งทั้งนั้น จากระยะที่อีกฝ่ายเดินตาม ไฉ่เล่ออิงก็พอจะเดาออกแล้วว่าคนด้านหลังคงคิดทำอันใดเป็นแน่ ถึงได้ก้าวเท้าหนักและเร็วเพียงนี้
นางตั้งใจหันมาก่อนเขาจะถึงตัว ทว่าบางสิ่งกลับพุ่งผ่านสายตาไปทำให้ต้องหยุดชะงัก จากนั้นก็เกิดเสียงร้องขึ้น ครั้นจะยืนหัวร่อเช่นคนอื่นก็ดูไม่งาม เพราะตนคือเจ้าของที่นี่
“มะ…ไม่เป็นไร ข้าไม่ทันระวังเอง มัวแต่ดูเจ้าจนก้าวพลาด” แก้ตัวไปน้ำขุ่น ๆ ถึงแม้เขาจะไม่เก่งวรยุทธ ทว่าลู่จินจงก็พอเดาออกว่าเมื่อครู่มีคนตั้งใจทำให้เขาขายหน้า จะให้หาตัวคนลงมือก็คงไม่ได้ เพราะด้านบนมีแขกนั่งตั้งมากมาย
“คุณชายมาหาข้าหรือเจ้าคะ” เล่ออิงเอ่ยถามเสียงหวาน ก่อนจะประคองเขาให้เดินขึ้นบันไดมาด้วยกัน
“ใช่ ข้าอยากมาขอบคุณที่เจ้าช่วยชีวิตเมื่อคราวนั้น” ส่งสายตากรุ่มกริ่มใส่ ลู่จินจงเชื่อว่าสตรีตรงหน้าก็ไม่ต่างจากคนอื่นเท่าใดนัก เห็นบุรุษงามฐานะดีก็ต้องอยากคว้าเอาไว้อยู่แล้ว
“อย่าได้เกรงใจเลยเจ้าค่ะ มันเป็นหน้าที่ของข้าน้อยอยู่แล้ว” บอกตามมารยาท ก่อนจะยิ้มหวานส่งให้ ทว่าอีกฝ่ายกลับยืนนิ่งอย่างกับรูปปั้น เมื่อเห็นร่างสูงที่ยืนอยู่ด้านหลังไฉ่เล่ออิง คิ้วสวยผูกกันเป็นปมทันที เมื่อเห็นอาการเขาต่างออกไป
แววตาที่เปล่งประกายเมื่อครู่มันหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ไฉ่เล่ออิงต้องหันกลับมาทางด้านหลังบ้าง
‘อีตาบ้านี่ กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วทำไมมายืนข้างหลังโดยที่เราไม่รู้ตัวได้ล่ะ’ ก่นด่าอีกฝ่ายในใจ นึกไม่ถึงว่าจะพบเขาอยู่ด้านบน เพราะไป่เสวียนหายหน้าไปหลายวันแล้ว ตั้งแต่เรื่องคืนนั้น คิดว่าเขาจะไม่มาที่นี่แล้วเสียอีก
“คาระวะท่านอาเจ้าค่ะ” ย่อตัวอย่างอ่อนน้อมตามมารยาท
“กลับไปเปลี่ยนชุด” เสียงเย็นดังมาให้ได้ขนลุก ทว่าคนตัวเล็กก็ยังเป็นไฉ่เล่ออิงคนเดิมที่ไม่ได้กลัวคำขู่ของอีกฝ่าย
“ไม่เจ้าค่ะ ข้าต้องทำงาน” บอกหน้าตาย ก่อนจะตั้งท่าเดินไปต้อนรับแขกที่มาดื่มกินเช่นทุกวัน และไม่ลืมชวนคนที่มาหาตนด้วย ทว่ายังไม่ทันได้ก้าวออกไป ร่างเล็กก็ลอยขึ้นเสียแล้ว
“ท่านอา ปล่อยนะ ท่านไม่มีสิทธิ์ทำเช่นนี้” ต่อว่าเขาเสียงดัง ซึ่งมันทำให้บรรดาลูกค้าพากันสนใจเป็นอย่างมาก ทว่าไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วย เพราะรู้สถานะของทั้งคู่ดี ผู้เป็นอาก็คงสั่งสอนหลานนั่นแหละ นี่คือความคิดของทุกคน
เมื่อใช้เสียงไม่เป็นผล เล่ออิงก็จำต้องเงียบไป เมื่อคนตัวโตพากลับมายังเรือนพักในห้องของนาง จากนั้นก็ถูกวางลงบนโต๊ะกลมมุมห้อง มีร่างสูงใช้แขนกักตัวเอาไว้
“คิดจะใช้ลูกไม้เดิมหลอกล่อข้างั้นหรือ” ถ้อยคำหยันเปล่งออกมาอีกแล้ว ตามมาด้วยสายตาเหยียดเช่นเคย
เอาซี่ ในเมื่อเขาชี้โพรงให้กระรอก นางก็จะทำอย่างที่เขาบอกก็แล้วกัน มันไม่มีอะไรจะเสียแล้วนี่ ไม่แน่ยั่วแล้วอาจสมหวังก็ได้ ทนได้ก็ให้มันรู้ไปสิ ของมันเคย ๆ ขนาดนี้แล้ว
“แล้วมันไม่ได้ผลหรือเจ้าคะ” ว่าพร้อมกับยกมือลูบอกแกร่งไต่ไปตามลำคอเขา ก่อนจะมาหยุดที่ริมฝีปากหนา และยังขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ ทำเอาไป่เสวียนถึงกับไปไม่เป็น คิดว่านางจะเข็ดในสิ่งที่เขาทำเสียอีก เหตุไฉนไฉ่เล่ออิงถึงกล้ายั่วเขาอีกแล้ว