พิธีสมรส
หลังจากที่ลองชุดเรียบร้อยแล้ว อ้ายหนิงให้คนจากที่ร้านมาขัดผิวให้จินเฟิง อย่างไรแล้วในวันแต่งงานจินเฟิงก็ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกสาวบ้านเสิ่น ถ้าหากมีนักข่าวเรื่องราวจะอับอายมาทำลายชื่อเสียงเธอเอาเสียได้ง่าย ๆ รูปร่างที่ผมจนน่ากลัวนั่นอีก แม้ว่าที่ผ่านมาพวกเธอจะประเคนอาหารบำรุงให้บ้าง ก็เหมือนจะไม่ได้มีเนื้อมีหนังขึ้นมาจากเดิมมากมาย น่ารำคาญจริง ๆ นั่นแหละ
"เอาล่ะจัดการได้เลย"
จินเฟิงมองคนที่รุมจับเธอขัดผิว คิดจะทำอะไรก็ทำอย่างนั้นหรือ เอาเถอะอยากทำอะไรก็ทำไป ฉันจะเป็นคนที่ฉีกหน้ากากดาราสาวที่แสนดีของเธอออกมาเอง อ้ายหนิง รับรองได้เลยว่า สำหรับที่อยู่ของคนอย่างเธอนั้น มีเพียงนรกบนดินแบบที่เธอเผชิญมาเท่านั้น
"นั่งนิ่ง ๆ นะคะ ฉันจะขัดส่วนนั้นให้ให้คุณ"
เอาล่ะ บางครั้งจินเฟิงก็ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน ว่าเธอจะต้องเผชิญกับความรู้สึกบ้าบออะไรเหล่านี้ เธอจัดการกับร่างกายของเธอได้ อับอายจนไม่รู้จะอับอายอย่างไรแล้ว กว่าที่มันจะผ่านพ้นไปได้
อีกสามวันเท่านั้นที่เธอจะต้องแต่งออกไปจากบ้านเสิ่นแล้ว จะว่าไปที่นี่ก็มีความทรงจำมากมายที่เกี่ยวกับแม่ นอกจากนั้นก็เป็นความทรงจำที่เธอไม่อยากมีทั้งนั้น เธอแอบเดินออกมาจากบ้านใหญ่ ก่อนที่จะเดินกลับไปที่ห้องเก็บของเก่า ๆ ในพื้นที่ ที่เธอโตมา ห้องแคบๆ ที่หายใจก็แทบไม่ออกแห่งนี้แหละ
รูปเล็ก ๆ ของแม่ กับทะเบียนบ้านชนบท แม่เคยบอกว่าเธอยังมีตากับยายอยู่ที่นั่น หลังจากอะไรลงตัวจินเฟิงจะไปที่นั่น ที่ที่เธอมั่นใจได้ว่าเธอไม่ใช่ตัวคนเดียวบนโลกใบนี้อีกต่อไป ใบหน้าหม่นหมองลูบหมอนที่เป็นของแม่ เธอกอดหมอนใบนี้ ก่อนที่จะนอนหลับไปอย่างเจ็บปวดหัวใจทุกคืน ตอนนั้นทำไมแม่ถึงไม่เห็นด้วยที่เธอกับสมควรที่จะไปจากบ้านเสิ่น แม่เป็นคนดีเกินไปจนไม่คิดถึงความทุกข์ของตนเอง
"แม่คะ ฉันจะออกไปจากบ้านเสิ่นแล้ว หนูคงทนเป็นคนอ่อนแอ อย่างที่แม่เป็นไม่ไหวหรอกนะคะ หนูรับรองได้ว่าคนบ้านเสิ่นทุกคน จะต้องรับผิดชอบกับการที่ทำกับเรา พวกมันต้องชดใช้ด้วยความล่มจม"
หลังมือเรียวบาง ทว่าว่าสากกระด้างปาดน้ำตาออกจากใบหน้า เธอจำเป็นต้องปล่อยวางอดีตเอาไว้ด้านหลัง และเดินหน้าสู่ความยิ่งใหญ่ในอนาคต ยังมีเรื่องราวอีกมากที่ทำให้จินเฟิงต่อสู้
"เอาล่ะค่ะ หลังจากนี้หนูคงไม่กลับมาอยู่ที่นี่อีกแล้วล่ะ "
จินเฟิงออกไปจากห้องพักแคบ ๆ เธอไม่มีความจำเป็นที่ต้องมาที่นี่อีกแล้ว ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับอะไรที่เลวร้าย
ในวันแต่งงาน แน่นอนว่าทางเจ้าบ่าวไม่ได้จัดพิธีที่บ้านเสิ่น ตามที่ควรจะเป็น ให้เหตุผลว่าคุณชายป่วยเกินกว่าที่จะมารับเจ้าสาวได้ ใบหน้าของจินเฟิงถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง ทรงผมที่สวมใส่เป็นวิกผมแทน คลุมด้วยผ้าคลุมหน้าผืนแดง เตรียมพร้อมสู่การเข้าพิธี อย่างเป็นทางการ
"นั่งใกล้คุณโจวสิ"
นี่คงเป็นครั้งแรก ที่คนเป็นพ่อพูดกับลูกสาวนอกสายตาอย่างจินเฟิง ชายหนุ่มข้างๆ หันมองเธอด้วยหางตาเล็กน้อย ก่อนที่จะมีท่าทีเฉยเมย เหมือนกับว่าเข้าพิธีให้มันผ่านพ้นไป ถึงแม้เธอจะรู้สึกแบบนั้นเหมือนกันก็ตาม แต่ก็ไม่ชอบให้เขาแสดงเหมือนกินยาขมแบบนี้ออกมาเหมือนกัน
"อย่าทำเหมือนฝืนขนาดนั้นสิคะสามี ยิ้มหน่อยสิ"
เฟยหลงกระแอมไอ ไม่คิดว่าเจ้าสาวของตนจะกระซิบคำเหล่านั้นออกมาได้
"อย่ามายุ่งกับฉัน" น้ำเสียลอดไรฟันที่เขากระซิบตอบแค่ได้ยินแค่สองคนเท่านั้น แต่เอาเถอะจินเฟิงไม่ได้โกรธเขาหรอก พอจะรู้ได้ว่านิสัยของเฟยหลงเป็นอย่างไร กว่าที่จะทำให้คน คนนี้ไว้ใจในตัวเธอได้ มันเป็นงานที่ยากทีเดียว
แม้สองคนจะแยกเขี้ยวใส่กันเล็กน้อย ทว่าภาพพูดคุยของบ่าวสาว ทำให้ปู่โจวสบายใจ อย่างน้อยเจ้าหลานชายก็เข้ากันได้ดีกับเจ้าสาวคนใหม่
ใครจะไปคิดว่าเจ้าบ่าวที่นอนซม จะเข้าร่วมพิธีได้ อ้ายหนิงอดเสียดายใบหน้าหล่อ ๆ นั่นเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่พร้อมที่จะแต่งให้สามีที่ป่วยไม่รู้จะหายหรือว่าตายวันไหน หน้าที่นี้สำหรับจินเฟิงน่ะ เป็นอะไรที่เหมาะสมแล้ว
อ้ายหนิงนั่งมองภาพเหล่านั้นอย่างสมเพช คนใกล้ตายกับคนไร้ค่าคู่ควรกันแล้ว เธอนั่งใกล้กันฉิงฮั่น ทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นต่อกัน ทว่ามันไม่อาจที่จะแสดงออกได้ต่อหน้าคนมากมายแบบนี้ เป็นเรื่องที่เข้าใจได้เพราะว่าอ้ายหนิงเป็นที่รู้จัก ของคนทั้งประเทศ การรักษาชื่อเสียงเป็นเรื่องที่สำคัญ
เพราะอาการป่วยของโจวหลง แขกเหรื่อถึงไม่ได้เชิญมามากมายนัก หลัก ๆ ก็แค่ทำตามประเพณี จดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้อง ทุกคนต่างแยกย้ายในช่วงบ่าย หลังจากที่ส่งตัวบ่าวสาวเข้าห้องหอ เจ้าบ่าวก็นั่งหน้าตาบอกบุญไม่รับในห้องนอน เขาอยากนอนพักผ่อนแต่ก็หลับไม่ลงจริง ๆ ตั้งแต่โตขึ้นมาเขาชอบนอนคนเดียว
"สามี คุณนอนพักผ่อนเถอะค่ะ"
"อย่ามายุ่งกับผม ผมขอเตือนคุณเลยว่าการแต่งงานระหว่างเราไม่ได้หมายความว่าคุณจะมาล้ำเส้นของผมได้"
ท่าทางแบบนั้นคืออะไรกันแน่นะ ท่าทางเหมือนลูกแมวขนพองแบบนั้นน่ะ ทำไมเธอถึงมองว่ามันช่างน่ารักเอาเสียจริง ๆ
"ตกลง ค่ะ ตกลง ฉันก็จะทำหน้าที่ภรรยาที่ดีของคุณ แน่นอนว่าตามหน้าที่ ฉันไม่อยากให้ปู่ของคุณมาว่าฉันได้น่ะค่ะ และตอนนี้ฉันคิดว่าคุณควรจะถอดเสื้อผ้าพวกนี้ และไปอาบน้ำเอาเสียหน่อย"
พูดกันตามจริง ตอนเข้าพิธีในช่วงหน้าร้อนแบบนี้ รู้สึกไม่สบายตัวมากจริง ๆ
"หยุด ผมจัดการได้"
เขาเดินแบบคนไร้เรี่ยวแรงหายเข้าไปในห้องน้ำ ก่อนที่จะออกมาด้วยชุดเรียบง่าย ดูดีจริง ๆ คุณชายโจวดูดีขนาดนี้ อ้ายหนิงจะเสียดายขนาดไหนนะ ถ้าหากรู้ว่าทุกอย่างมันคือแผนการ คงจะเจ็บปวดน่าดูทีเดียว
"มองอะไร"
เอาอีกแล้วแมวน้อยขู่เธอจนขนฟูไปหมดอีกแล้ว น่ากลัวจริง ๆ พ่อคุณ
"คุณหล่อมากเลยนะคะ เอาล่ะเห็นแก่ที่ฉันชอบผู้ชายหน้าตาดี หลังจากนี้ฉันจะเป็นภรรยาที่ปกป้องคุณเอง"
เอ่ยจบจินเฟิงก็เดินเข้าไปจัดการอาบน้ำบ้าง แต่เหมือนว่าเธอลืมอะไรไป เธอไม่ได้มีเสื้อผ้าที่นี่ แน่ล่ะกว่าจะรู้ตัว ตอนนี้เธอก็ไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยนแล้ว
"สามี สามีคะ"
เฟยหลงรู้สึกเบื่อหน่าย ผู้หญิงคนนี้จะวุ่นวายตั้งแต่วันแรกที่แต่งเข้ามาจริง ๆ หรือ
"อืม มีอะไร"
"ฉันไม่มีเสื้อผ้าที่นี่ "
"อยู่ในตู้เสื้อผ้า ใส่ไปสิ แล้วอย่าโวยวายฉันจะนอน"
"เข้าใจแล้วค่ะ"
ที่น่าประหลาดใจ ในนี้มีเสื้อผ้าผู้หญิงพร้อม แม้กระทั่งชุดชั้นใน เพราะมันยังมีป้ายติดอยู่ ถึงได้มั่นใจว่านี่เป็นของใหม่แน่ ๆ
"ใส่ได้พอดีทีเดียว"
เมื่อจัดการกับตัวเองไปเกือบครึ่งชั่วโมง ออกมาก็เห็นว่าเขาหลับไปแล้ว
"ขอบคุณนะคะ สำหรับเสื้อผ้า และฉันจะปกป้องคุณจากคนพวกนั้นเองนะคะ"
จินเฟิงก้มลงหอมแก้มเขาเบา ๆ แน่ล่ะนี่มันแค่ละครที่เธอจัดขึ้น คนอย่างเฟยหลงมีหรือที่จะไว้ใจและหลับในขณะที่เธออยู่ในห้อง กระแสความอบอุ่นไหลผ่านสู่หัวใจที่ไม่มีความรู้สึกมานานแล้ว ไม่รู้ทำไมเพียงถ้อยคำเหลวไหลจากตัวน่ารำคาญอย่างเจ้าสาวหมาด ๆ ถึงทำให้เขามีความรู้สึกประหลาดเหล่านั้นขึ้นมา
จินเฟิงรู้สึกเหนื่อยจริง ๆ เธอถึงได้สอดตัวนอนใกล้ ๆ สามีหมาด ๆ ด้วยมั่นใจเต็มร้อยว่าเขาไม่มีทางที่จะทำอะไรเธอแน่ ๆ ถึงได้นอนหลับสนิท
ทันทีที่ลมหายใจของคนข้างกายสม่ำเสมอ อีกคนที่แกล้งหลับก็ลืมตาขึ้นมา ตะแคงข้างมองสาวน้อยที่หลับลึก นี่เธอไว้ใจคนได้ง่ายขนาดนี้เชียวหรือ ถึงได้ชื่อว่าเป็นสามีก็เถอะ
มือเรียวหนาสัมผัสแก้มของตัวเอง ที่ภรรยาสัมผัสเมื่อครู่นี้ จินเฟิงลักหลับเขา แต่คนอย่างเฟยหลงไม่มีทางไว้ใจใครง่ายขนาดนั้นหรอก ยิ่งผู้หญิงยิ่งมากเล่ห์กล เขาจะแน่ใจได้อย่างไรว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่หนึ่งในคนที่บ้านรองส่งมา
จินเฟิงตื่นขึ้นมาในช่วงเย็น ถึงได้เห็นว่าคนป่วยไปนั่งที่โต๊ะทำงาน เป็นเพราะเธอครอบครองที่นอน เขาเลยต้องลุกไปสินะ
"คุณหิวหรือยังคะ"
มีแต่ความเงียบที่ตอบกลับมา เขาเอาใจยากกว่าที่คิดเอาไว้แฮะ จินเฟิงเลิกสนใจคนที่ไม่สนใจเธอเดินบ่ายเบี่ยงไปเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าแปรงฟันให้ร่างกายตื่น หลังจากที่เดินออกมาก็เห็นว่าเขายังคงนั่งที่โต๊ะทำงาน
"คุณไม่พักหน่อยหรือคะ" เขาเหลือบสายตามองเธอ ก่อนที่จะกลับไปมองเอกสารในมือต่อ
"ฉันไม่หิว ถ้าเธอหิวก็ไปสั่งแม่บ้านซะ ย้ำว่าอย่าลงไปวุ่นวายกับครัวด้านล่าง"
เขากำลังระแวงเธออยู่สินะ เอาเถอะมันไม่ใช่เรื่องที่แปลกเลย อย่างไรแล้วสำหรับเขาในตอนนี้ เธอก็แค่คนแปลกหน้าคนหนึ่งเท่านั้น
"ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ฉันไม่หิวหรอก แต่ไม่ใช่ว่าคุณต้องทานยามื้อเย็นหรือคะ"
เขาเงียบไป โดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก จินเฟิงจึงได้เลิกสนใจคนที่เอาใจยากอย่างเฟยหลง เธอหยิบหนังสือที่วางเอาไว้มานั่งอ่านแทน แม้ไม่ได้เรียนสูงมาก แต่ก็พอที่จะอ่านออกเขียนได้
"เธอควรไปเรียนต่อ"
จู่ ๆ คนที่นั่งเงียบก็พูดโพล่งขึ้นมา
"อะไรนะคะ"
"ถ้าจะเป็นนายหญิงแห่งตระกูลโจว เธอต้องเพียบพร้อม"
"ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว"
แม้จะไม่เข้าใจสิ่งที่เขาสื่อสารมากเท่าไหร่ แต่ถ้าไปเรียนต่อได้ นั่นมันก็ส่งผลดีต่อเธอ